จ้าวเฟยลู่มองดูกล่องอาหารก่อนแวบหนึ่ง หลังจากกลืนน้ำลายโดยไม่มีร่องรอย ก็เบนสายตามองไปทางอาจ้าวอีกครั้ง
“เจ้าไปทำอะไรมา”
“ข้า? ข้าก็ไปเอาของกินมาให้พวกเจ้าไง ที่นี่ไม่มีใครสักคนที่จุดไฟทำอาหารเป็น ไม่ไปหาอาหารจากข้างนอก แล้วจะทำอันใดได้”
จ้าวเฟยลู่ส่ายหน้าจนปัญญา ในใจก็ลอบด่าอาจ้าวว่า เจ้าสมองทึ่ม!
“เจ้าก็บอกกันหน่อยสิ! หากว่าเตรียมจะไปหาอาหารมาให้ทุกคนก็บอกกันสักคำ! วิ่งออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้ พวกข้าก็ไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่เจ้า เจ้าไปดูที่ห้องครัวเถอะ”
สภาพในห้องครัวเละเทะจนทนดูไม่ได้ เชื่อว่าขอแค่เป็นคนมีสมอง เข้าไปดูเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร
อาจ้าวมองจ้าวเฟยลู่ด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็อยู่เหนือกว่า จึงไปที่ห้องครัว
ตอนออกมา สีหน้าของอาจ้าวซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด
จ้าวเฟยลู่เชื่อว่า เขาเข้าใจแล้ว
“ใครทำหรือ”
“นายท่านของเจ้าทำอาหาร ท่านหญิงซูซูจุดไฟ และนั่นก็คือผลลัพธ์ที่ได้” จ้าวเฟยลู่แบมือแสดงท่าทีว่าจนปัญญากับเรื่องนี้มากเพียงใด
อาจ้าวหุบปากเงียบๆ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่า ทำไมตอนที่กลับมาถึงได้รู้สึกว่ามีกลิ่นอายประหลาดวนเวียนอยู่ในอากาศ
คาดว่า…นั่นคงเป็นเพลิงโทสะของนายท่าน และความน้อยใจของท่านหญิงซูซูสินะ
สุดท้ายอาหารหนึ่งกล่องที่อาจ้าวนำกลับมา ก็ลงไปอยู่ในท้องจ้าวเฟยลู่คนเดียว ตั้งแต่ที่ท่านหญิงซูซูเข้าไปในห้องก็ไม่ได้ออกมาอีก ซูซูก็เช่นกัน
อาจ้าวกระวนกระวายใจยิ่งนัก จะไปมีความอยากกินอาหารอะไรได้อย่างไร?
ดังนั้น สุดท้ายคนทั้งสี่ ก็มีคนหนึ่งที่กินอิ่มจนแน่นท้อง และอีกสามคนที่เหลือหิวไส้กิ่ว!
ตอนฟ้าสางในวันรุ่งขึ้น ซูชียังสะลึมสะลืออยู่ในห้อง ก็ได้ยินเสียงขาดๆ หายๆ ดังลอยมา แรกเริ่มเขาไม่ได้ใส่ใจ นึกว่าเป็นอาจ้าวที่ทำเสียงดัง
แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง!
ฝีมือของอาจ้าวยอดเยี่ยม แม้ว่าจะทำอะไร ก็ไม่มีทางทำเสียงดังขนาดนี้ จ้าวเฟยลู่ก็เช่นกัน!
หลังจากคิดตกกับประเด็นสำคัญแล้ว แม้ว่าซูชีจะบอกกับตนเองในใจว่าให้เมินเฉย แต่สุดท้ายกลับต้านทานความอยากรู้อยากเห็นและความกังวลเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ เขาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู อาศัยช่องว่างระหว่างบานประตูมองไปทางห้องครัวที่อยู่ข้างนอก
หัวใจที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจถูกฉากเบื้องหน้าทำให้เกิดระลอกคลื่นสั่นไหวขึ้นมา ซูชีรีบปิดตาลง ยับยั้งไม่ให้ตนเองไปคิดเรื่องราวเพ้อเจ้อเหล่านั้น!
แต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่กลับฉายซ้ำราวกับหยั่งรากลึกอยู่ในห้วงความคิดตนเอง
ซูซูที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ สวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน กลับคืนสู่สภาพที่เด็กสาวควรจะมี ตอนนี้นางกำลังจุดไฟด้วยสีหน้าตั้งใจ ภายในหม้อมีเสียงเดือดปุดๆ ดังลอยมา
คิดว่า นางคงถูกวาจาเหล่านั้นของตนเองเมื่อวานนี้กระตุ้นเข้าแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่เกิดความรู้สึกล่าถอย แต่ยิ่งเป็นการให้กำลังใจตนเองมากยิ่งขึ้น!
ทำให้ตนเองกลายเป็นคนสมบูรณ์แบบมากกว่าเดิม อยากจะเปลี่ยนไปเพื่อพิชิตใจเขา จากนั้นก็รั้นอยู่ต่อไม่ยอมจากไปหรือ!
ไม่มีทาง!
ซูชียืนมองผ่านประตูอยู่อย่างนั้น ส่วนซูซูก็ยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องครัวด้านนอก
ซูซูที่มีท่าทางจริงจังเช่นนี้ ทำให้หัวใจซูชีเจ็บปวดและทนไม่ได้อยู่บ้าง
เขาหมุนตัวกลับไปนอนบนเตียงต่อ แล้วหลับตาลง ทำให้ประสาทสัมผัสต่างๆ ทางหูและร่างกายหายไปอย่างไม่อยากถูกเรื่องนี้ดึงดูด
ส่วนซูซูที่อยู่ในห้องครัวก็กำลังเม้มปากแน่น ตาจ้องมองน้ำและข้าวสารในหม้อเขม็ง
จำเป็นต้องกล่าวว่า วาจาที่ซูชีเอ่ยเมื่อวานนี้กระตุ้นนางเข้าแล้วจริงๆ!
ก็แค่ทำอาหารเท่านั้น จะยากจนล้มนางได้เลยเช่นนั้นหรือ
ซูซูคิดว่า ขอแค่ตนเองตั้งใจทำ จะต้องทำอาหารออกมาได้แน่นอน! นางจะให้ซูชีได้เห็นว่า มีบางเรื่องที่ไม่ใช่ว่าคนอื่นทำได้ แล้วนาง ซูซูทำไม่ได้!
นางจะให้ซูชีได้รู้ว่า เรื่องที่ทำไม่เป็นเหล่านั้น ไม่ใช่ว่านางเกิดมาแล้วทำไม่ได้ แต่นางไม่ได้เรียนรู้ที่จะทำเท่านั้นเอง!
ขอแค่นางตั้งใจเรียนรู้ จะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน!
ซูซูมองข้าวสารแช่อยู่ใต้น้ำในหม้อ และมองน้ำที่ถูกไฟต้มจนสามารถได้ยินเสียงเดือดปุดๆ ก็รู้สึกพอใจมาก!
นางก้มหน้ามองไฟที่อยู่ในเตาทำอาหารแวบหนึ่ง ก็ค้นพบว่าไฟเบาลงแล้ว จึงรีบไปอุ้มฟืนมากองใหญ่ แล้วโยนไว้ข้างเตาทำอาหาร ก่อนจะโยนเข้าไปในเตาอาหารทีละเล็กทีละน้อย
เมื่อจุดไฟเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มจ้องมองข้าวในหม้อ
เพราะกลัวและกังวลว่าจะเกิดเรื่องเหมือนเมื่อวาน นางจึงตัดสินใจไม่ปิดฝาหม้อ ในความคิดนาง แบบนี้ถึงจะสังเกตมองสภาพภายในหม้อได้อย่างใกล้ชิด และจะได้ไม่เกิดเรื่องน่าหงุดหงิดใจเช่นหม้อไหม้อีก!
ดูสิ นางฉลาดมากจริงๆ!
ทันใดนั้น ซูซูก็ขมวดคิ้ว
มวนท้องจริงๆ!
เมื่อคืนก็นอนหลับไม่สนิททั้งคืน เช้ามาก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้าแล้วเริ่มยุ่งวุ่นวายกับการทำอาหาร จึงลืมเรื่องเข้าห้องน้ำไปเสียสนิท!
นางมองข้าวและน้ำในหม้อแวบหนึ่ง และครุ่นคิดอีกเล็กน้อยว่า คงไม่เกิดเหตุการณ์หม้อไหม้เหมือนเมื่อคืนวานแล้ว ถึงได้รีบหมุนตัวออกไป!
แต่ซูซูกลับลืมดูเตาทำอาหาร สายตานางจับจ้องอยู่ที่หม้อเท่านั้น และลืมที่จะมองเตาทำอาหารที่อยู่ข้างเท้าไปเสียอย่างนั้น!
โดยเฉพาะข้างเตาทำอาหารที่ถูกนางวางฟืนไว้มากขนาดนั้น ตอนนี้ไฟค่อยๆ ลามออกมาด้านนอกทีละนิดๆ และลามไปถึงนอกเตาทำอาหารอย่างรวดเร็ว เมื่อลามไปถึงฟืนกองนั้น เปลวเพลิง…ก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม!
ซูชีไม่รู้เรื่องพวกนี้ เพราะเขาปิดประสารทสัมผัสทั้งห้าของตนเอง และเอนตัวนอนอยู่บนเตียง ทำสมาธิขับเคลื่อนกำลังภายในเงียบๆ
ไฟค่อยๆ ลุกขึ้น เสียงเปรี๊ยะๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเปลวเพลิงที่โหมแรงขึ้น!
ตอนที่ซูซูออกมาจากห้องน้ำ และเห็นควันดำที่ลอยออกมาจากในห้องครัว ก็มึนงงทันที!
“ข้าใส่น้ำไปเยอะขนาดนั้น หม้อยังจะไหม้ได้อีกหรือ” นางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ!
โดยเฉพาะเหตุการณ์เช่นนี้ นางรับไม่ได้!
ยากจะที่ยอมรับจริงๆ ว่าผลลัพธ์จากการที่ตนเองลำบากลำบนทำมานั้นกลายเป็นความล้มเหลว!
นางรีบวิ่งห้อไปทางห้องครัวอย่างไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้!
“แค่กๆ…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เผาบ้านหรือ”
จ้าวเฟยลู่เป็นคนแรกที่ค้นพบว่ามีกลิ่นประหลาดลอยเข้ามาในห้องนอน จึงรีบปลุกอาจ้าวที่อยู่ข้างๆ ทั้งสองคนรีบเปิดประตูวิ่งออกไป โดยที่ไม่มีเวลาจะสวมกระทั่งเสื้อผ้า!
เสี้ยววินาทีที่เปิดประตู ก็เห็นเปลวเพลิงรุนแรงตรงหน้าเตาทำอาหารในห้องครัว!
“นี่…จะเผาบ้านจริงๆ หรือ นี่มันช่วงฉลองวันปีใหม่นะ…ช่วยกันดับเพลิงเร็วเข้า!” จ้าวเฟยลู่พร่ำบ่นไม่หยุด แล้วรีบดันอาจ้าวครั้งหนึ่ง ทั้งสองคนรีบวิ่งไปที่กองเพลิง แล้วหยิบอุปกรณ์ดับเพลิงขึ้นมาเริ่มราดไปยังเพลิงไฟที่โหมกระหน่ำ!
รอถึงตอนที่ซูซูวิ่งเข้ามา เปลวเพลิงส่วนใหญ่ก็ถูกควบคุมเอาไว้ได้แล้ว
“นี่…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”