Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2723 จิตชั่วร้าย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2723 จิตชั่วร้าย

ตอนที่ 2723 จิตชั่วร้าย

แดนบาป

โลกอลหม่านที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและสิ่งชั่วร้ายแห่งหนึ่ง

ในโลกแห่งนี้มีวิญญาณอาฆาต วิญญาณร้าย มารโลหิตกระจายอยู่นับไม่ถ้วน

จากบันทึกในม้วนหยกภารกิจ ช่วงแรกสุดยามแดนบาปยังอยู่ในสภาพแรกเริ่มที่เต็มไปด้วยความขุ่นมัว ภายในนั้นมีสายแร่แกนเทพอมตะสายหนึ่งก่อเกิดขึ้น

สายแร่เส้นนี้ชักนำให้ผู้ยิ่งใหญ่ระดับอมตะมากมายแย่งชิงและห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งทำให้แดนแรกกำเนิดนี้สาดพรมด้วยเลือดแดงสด ฝังกลบด้วยไอโหดเหี้ยมและชั่วร้ายมากมาย

เมื่อแดนบาปวิวัฒน์จากสภาพขุ่นมัวเป็นโลกแห่งหนึ่ง กลางฟ้าดินจึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอชั่วร้าย ไม่มีต้นหญ้าเจริญเติบโต สรรพสิ่งเสื่อมถอย พบเห็นร่างวิญญาณอย่างจิตอาฆาต วิญญาณร้าย มารโลหิตได้ทั่วไป สุดท้ายเมื่อผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาไร้สิ้นสุดก็กลายเป็นแดนบาปในปัจจุบัน

ฟุ่บ!

เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้นกลางอากาศ เมื่อกวาดตามองก็เห็นว่าฟ้าดินเป็นสีชาด แดงก่ำดั่งโลหิต ทุกหนแห่งคือภูผาธาราสีเลือด แม้แต่บนเวิ้งฟ้านั่นก็มีดวงดาวแดงก่ำน่ากลัวมากมายลอยอยู่

วิ้วๆๆ…

ไอชั่วร้ายระลอกหนึ่งพัดผ่าน ราวกับสภาพอากาศแปรปรวนบ้าคลั่ง วิญญาณอาฆาตหน้าเหี้ยม แยกเขี้ยวร่ายกรงเล็บนับร้อยพันเบียดเสียดแน่นขนัด พุ่งโจมตีมาทางหลินสวินราวกับอสนีบาตสีเลือด

ภาพนั้นเหมือนผีร้ายกลุ่มหนึ่งที่พุ่งออกมาจากนรก

หลินสวินยื่นมือสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

วิญญาณอาฆาตสีเลือดนับร้อยพันส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความหวาดผวา จากนั้นก็ร่างระเบิดทันที กลายเป็นหมอกโลหิตหลากสายแล้วหายไป

หลินสวินสองมือไพล่หลัง เคลื่อนที่ไปข้างหน้า

แดนบาปอันตรายมาก จากบันทึกในม้วนหยกภารกิจ ต่อให้มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิมา หากไม่มีไพ่ตายรักษาชีวิตก็เป็นไปได้สูงว่าจะสิ้นชีพที่นี่

ตอนนั้นยามที่เหล่าบุคคลสำคัญของลัทธิแรกกำเนิดพบโลกนี้ เดิมต้องการทำลายโลกนี้ไปในคราเดียว แต่สุดท้ายกลับเปลี่ยนใจ

สาเหตุคือ แม้ว่าโลกนี้จะอันตราย แต่กลับเป็นสถานที่ฝึกตามธรรมชาติ เหมาะแก่การให้ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดมาเคี่ยวกรำมหามรรคอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะเจ้าแห่งวิญญาณร้ายที่ครองพลังขั้นอายุขัยเทียมฟ้า หัวใจของมันถูกเรียกว่า ‘จิตชั่วร้าย’ ดูเหมือนเป็นของอันตราย แต่กลับนำมาเคี่ยวกรำสภาวะจิตได้!

ยามฝึกปราณขอแค่นำ ‘จิตชั่วร้าย’ มาแขวนไว้ตรงหน้า สภาวะจิตของผู้ฝึกปราณก็จะถูกโจมตีและจู่โจมอย่างน่ากลัวหาใดเปรียบ ก่อให้เกิดจิตมารนานัปการ

ผู้ฝึกปราณสามารถใช้เจตจำนงแห่งตนต้านทานมันได้ จิตมารที่ถูกกำจัดยิ่งมาก สภาวะจิตก็จะถูกหลอมชำระจนมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

สักวันหนึ่งเมื่อไม่ถูกพลังของจิตชั่วร้ายรบกวนอีก ก็หมายความว่ามีสภาวะจิตที่สามารถไปแจ้งมรรคอมตะแล้ว!

แน่นอนว่าหากคนทั่วไปนำจิตชั่วร้ายไปฝึกก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย ทำให้สภาวะจิตเกิดธาตุไฟเข้าแทรก กายสิ้นมรรคสลายได้โดยง่าย

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินสนใจไม่น้อย

การเคี่ยวกรำที่เพ่งเล็งสภาวะจิต ลี้ลับเกินคาดเดา ลึกซึ้งยากหยั่งถึงที่สุด

ยามก้าวเดินในแดนบาป ความเร็วของหลินสวินไม่ถึงขั้นว่องไว แต่ก็ไม่ได้ช้า เมื่อย่างก้าวก็ห่างไปพันหมื่นจั้ง

ระหว่างทางก็พบว่าฟ้าดินแถบนี้คือรังของสิ่งชั่วร้ายชัดๆ มีวิญญาณอาฆาต มารโลหิต วิญญาณร้ายทุกหนแห่ง…

สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายพวกนี้กลิ่นอายดุดัน ไม่อาจพูดได้ว่ามีสติปัญญาอะไร

พวกมันห้ำหั่นและกลืนกินกัน ใช้สิ่งนี้มาทำให้ตนแข็งแกร่ง จากนั้นจึงเกิดการแปรสภาพด้านพลัง เหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง

หลินสวินไม่สนใจล่าสิ่งชั่วร้ายพวกนี้

‘หืม?’

ไม่ทันไรจิตรับรู้ของหลินสวินสังเกตเห็นเจตจำนงเยียบเย็นสายหนึ่งกะทันหัน

เขาหยุดเดินทันที ทอดสายตามองไปยังแม่น้ำสีเลือดสายหนึ่ง

‘แย่แล้ว! คนของลัทธิแรกกำเนิดมาอีกแล้ว…!’

ก้นแม่น้ำสีเลือด เจตจำนงเยียบเย็นสายนั้นเกิดคลื่นสะเทือนรุนแรง คล้ายถูกทำให้ตกใจ

ตูม!

ครู่ต่อมาหลินสวินใช้มือใหญ่เข้าตะปบ แม่น้ำสีเลือดที่ยาวหลายพันจั้งนั้นถูกคว้าขึ้นมาเหมือนมังกรสีเลือดตัวหนึ่ง

ส่วนก้นแม่น้ำแห้งขอดนั้นกลับมีเงาร่างสีเลือดสายหนึ่งปรากฏ ทั้งตัวอบอวลด้วยหมอกโลหิต แปลงร่างเป็นคน ท่าทางราวกับเด็กหนุ่ม

เขากำลังจะหนีแต่แรก ทว่าถูกหลินสวินยื่นมือคว้าจับกลางอากาศ หิ้วร่างมาอยู่ตรงหน้า

“เจ้าแห่งวิญญาณร้ายอยู่ที่ไหน”

หลินสวินถาม มารโลหิตที่กลายร่างเหมือนเด็กหนุ่มตัวนี้มีกลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายไปทั้งตัว ความสามารถเทียบได้กับระดับจักรพรรดิ มีสติปัญญานิดหน่อยแล้ว

“แดนสมบัติเจ็ดสิบสองอสูรดาว” มารโลหิตหนุ่มกล่าวเสียงสั่นเครือ ทำหน้าตื่นตระหนก

“เจ้ามานำทาง เมื่อถึงแล้วข้าจะให้เจ้าจากไปแบบเป็นๆ” หลินสวินกล่าว

มารโลหิตหนุ่มไม่กล้าขัด นำทางไปโดยดี

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

กลางอากาศมีเมืองใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏ เหนือเมืองใหญ่มีดวงดาวแดงก่ำเจ็ดสิบสองดวงลอยอยู่ ดาวดวงใหญ่แต่ละดวงล้วนเจือไอชั่วร้ายไร้สิ้นสุด เหมือนดูดซับจิตวิญญาณของเทพมารนับหมื่นแสนไป

ดาวใหญ่เจ็ดสิบสองดวงนี้ก่อตัวเป็นกระบวนค่ายกลที่แปลกประหลาดลึกลับ โคจรกลางเวิ้งฟ้า สาดแสงเปี่ยมกลิ่นอายคาวเลือดเข้มข้นหลากสาย และถูกเมืองใหญ่นั้นดูดซับไปอย่างต่อเนื่อง

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงอันตรายจากเมืองใหญ่นั้น

“นั่นก็คือแดนสมบัติเจ็ดสิบสองอสูรดาว ใต้เท้าเจ้าแห่งวิญญาณร้ายครองอาณาเขตในนั้นมานานปี ดูดกลืนกลิ่นคาวเลือดแห่งฟ้าดิน ใช้ชีวิตอย่างอิสระสุขที่สุด”

นัยน์ตามารโลหิตหนุ่มเผยแววอิจฉาเร่าร้อน

“เจ้าไปได้แล้ว”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ

มารโลหิตหนุ่มหันหลังจากไป ไม่กล้าหยุดพักแม้เพียงครู่

ส่วนหลินสวินก็ก้าวเดินไปทางเมืองใหญ่นั่น

จิตรับรู้ของเขาแผ่ขยายออก เพียงพริบตาก็สัมผัสได้ว่ากลางเมืองใหญ่นั้นมีแท่นบูชาสีดำแห่งหนึ่ง บนแท่นบูชามีเงาร่างกำยำดุจเทพมารหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ต่อให้นั่งขัดสมาธิ เงาร่างนั้นก็ยังสูงถึงพันจั้ง ทั้งตัวมีกฎเกณฑ์อมตะแดงก่ำส่องประกายเป็นสายๆ ทอดยาว

ในความรางเลือนถึงกับพาให้คนรู้สึกว่าเคร่งขรึมมีสง่า!

เจ้าแห่งวิญญาณร้าย!

ส่วนลึกของนัยน์ตาหลินสวินฉายแววเยียบเย็น

เกือบจะเวลาเดียวกัน เงาร่างกำยำที่นั่งขัดสมาธินั้นพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาแดงก่ำราวกับดวงตะวันสีเลือดแฝงความเฉยชาอำมหิต

“ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดหรือ ในช่วงเก้าพันสามร้อยปีตั้งแต่เจ้าแห่งวิญญาณร้ายตนก่อนสิ้นชีพไปถึงตอนนี้ เคยมีผู้สืบทอดของลัทธิแรกกำเนิดมาที่นี่สิบเก้ากลุ่ม อย่างมากสามคน อย่างน้อยก็มาด้วยกันสองคน เป้าหมายคือหัวใจของข้า แต่พวกเขาล้วนล้มเหลว ส่วนข้ากลับอยู่ดีมีสุขจนถึงปัจจุบัน”

เจ้าแห่งวิญญาณร้ายเอ่ยปาก เสียงก้องสะเทือนฟ้าดิน ราวกับเทพมารคำรามลั่น สะท้านสะเทือนใจคน

ตูม!

กระแสน้ำหลากสีเลือดนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากเมืองใหญ่นั้นกะทันหัน ปกคลุมฟ้าดิน ม้วนพัดไปทางหลินสวินราวแม่น้ำใหญ่

ในกระแสน้ำหลากสีเลือดโหมกระหน่ำปรากฏร่างมหึมาดั่งมารร้ายมากมาย แยกเขี้ยวกางกรงเล็บ เสียงคำรามสะท้านฟ้า กดกำราบมาทางหลินสวิน

ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน เงาร่างที่ล้อมเข้ามานั้นเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ สลายหายไปจนเกลี้ยง แม้แต่กระแสน้ำหลากสีเลือดนับไม่ถ้วนนั้นยังถูกซัดแตก ระเบิดออกกลางอากาศ

หลินสวินสาวเท้าก้าวเข้าไป แสงมรรคบนตัวสาดกระจาย ไอชั่วร้ายสีเลือดนับไม่ถ้วนล้วนถูกกำจัดจนสูญสิ้น กร้าวแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

“ฮึ!”

บนแท่นบูชาสีดำกลางเมืองใหญ่ เจ้าแห่งวิญญาณร้ายแค่นเสียงเย็นชา

ทันใดนั้นมือกระดูกขาวมหึมาข้างหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ขนาดประมาณหนึ่งหมู่ ทุกข้อนิ้วล้วนห้อมล้อมด้วยกฎเกณฑ์อมตะเจิดจรัสบาดตา กดข่มจนห้วงอากาศระเบิดออก น่าหวาดกลัวยิ่งยวด

หลินสวินพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ห้วงอากาศทั่วทิศยุบทลายทันใด กลายเป็นเหวลึกยากหยั่งถึงม้วนกลืนขึ้นมา

ตูม!

เหวลึกกับมือกระดูกขาวยักษ์ปะทะกัน ละอองแสงมหามรรคสาดกระจายรุนแรง ทำให้ฟ้าดินใกล้เคียงมีสัญญาณว่าจะยุบทลาย

สุดท้ายมือกระดูกขาวยักษ์นั้นถูกกำจัดอย่างแข็งกร้าว!

“สามารถต้านทานกฎเกณฑ์อมตะได้ เจ้าคือผู้สืบทอดแกนหลักสิบอันดับแรกของเก้ายอดเขาแห่งลัทธิแรกกำเนิดหรือ?!” เสียงของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายดังขึ้น แฝงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

หลินสวินเลิกคิ้ว เจ้านี่ดูเหมือนรู้สถานการณ์ของลัทธิแรกกำเนิดมากนัก

แต่เขาไม่สนใจ พุ่งไปทางเมืองใหญ่

ตูม!

ตอนนี้หลินสวินดุจจอมมรรคไร้เทียมทาน เจ้าสวรรค์ผู้สูงส่งท่องโลก ทุกก้าวย่างเหนือศีรษะจะมีปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบทะยานฟ้า เล็งไปทางดาราแดงก่ำดวงหนึ่ง ฉีกทำลายดาวยักษ์นั้นโดยตรง

ดาราเจ็ดสิบสองดวงที่วิวัฒน์เป็นกระบวนค่ายกลนั้นถูกฟันแหลกละเอียดในพริบตา

ภาพนั้นราวกระบี่ฟันกลุ่มดาว!

“รนหาที่ตาย!”

เงาร่างของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายปรากฏ สูงหลายพันจั้ง บดบังฟ้าคลุมตะวัน มรรคอมตะทั้งตัวโหมกระหน่ำราวน้ำตก อานุภาพชวนประหวั่นทะลวงฟ้าจรดดิน

เขาตบฝ่ามือใส่หลินสวิน

นั่นคือพลังขั้นอายุขัยเทียมฟ้า แข็งแกร่งถึงขั้นทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามสิ้นหวัง!

แต่น่าเสียดาย คนที่เขาเจอครั้งนี้คือหลินสวิน ผู้เคยสังหารระดับอมตะมากมายในช่วงหลายปีนี้!

ตูม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพุ่งออกมาปะทะกับอีกฝ่าย

ภายใต้การโจมตีเดียว เงาร่างหลินสวินถอยหลังไปหลายสิบจั้ง แต่กลับสลายพลังของฝ่ามือนี้ได้ทั้งหมด ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ภาพนี้ทำให้เจ้าแห่งวิญญาณร้ายอดตะลึงไม่ได้ หลายปีนี้แม้เขาจะเจอผู้สืบทอดแห่งลัทธิแรกกำเนิดไม่น้อย แต่ในการปะทะซึ่งหน้าแล้ว เกือบทั้งหมดล้วนใช้ไพ่ตายบางส่วนจึงต้านทานตนได้

เช่นสมบัติลับหรือพลังที่เหนือระดับจักรพรรดิเป็นต้น

แต่ตอนนี้เขาเพิ่งเคยเจอคนที่อาศัยเพียงพลังต่อสู้ของตนก็ต้านทานเขาได้เป็นครั้งแรก

“ไป!

นัยน์ตาของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายปะทุไอสังหาร เบื้องหน้าพลันปรากฏกระดูกนิ้วขาวกระจ่างดุจหิมะ ยาวเจ็ดชุ่น คล้ายกระดูกของวิญญาณเทพ แผ่คลื่นอมตะที่สะเทือนใจคนออกมา

ทันทีที่ปรากฏก็พุ่งเข้าใส่หลินสวิน

ภายใต้ดรรชนีนั้นราวกับฟ้าดินถูกบดขยี้ สรรพสิ่งดับทลาย!

หลินสวินไม่คิดสู้กับอีกฝ่ายจนถึงที่สุด พริบตานี้เขาใช้อภินิหารหยุดเวลาทันที เงาร่างเขามาอยู่ตรงหน้าเจ้าแห่งวิญญาณร้ายในพริบตา

ฉัวะ!

กระบี่มรรคเล่มหนึ่งในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันฟันออกมา ผ่าอกเจ้าแห่งวิญญาณร้ายจนเลือดไหลพุ่งราวน้ำตก

“ไม่…”

เมื่อเจ้าแห่งวิญญาณร้ายได้สติกลับมา หัวใจเขาก็ถูกชิงไปแล้ว เขาอดคำรามอย่างเจ็บปวดไม่ได้ เสียงสะท้อนก้องท้องนภา

เขาจู่โจมไปทางหลินสวินเหมือนคลุ้มคลั่ง

แต่หลินสวินมีหรือจะให้โอกาสเขา พริบตาแรกที่ชิงหัวใจมาได้ก็เคลื่อนตัวเต็มกำลัง หนีไปยังจุดที่ห่างออกไป

ตูม!

เจ้าแห่งวิญญาณร้ายแผดเสียงคำรามพลางรุกไล่ แต่เพียงครู่เดียวกลิ่นอายบนตัวเขาก็ฟุ้งกระจายไปด้วยความเร็วชวนตะลึง ถึงตอนท้ายก็ร่วงลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง ร่างหลายพันจั้งแตกระแหงไปทุกส่วน กลายเป็นหมอกโลหิตโหมกระหน่ำแล้วหายไปกลางฟ้าดิน

หัวใจเขาคือแกนมรรควิถีทั้งตัว ตอนนี้ถูกหลินสวินชิงไป ย่อมไม่มีทางอยู่รอดบนโลกนี้ได้อีกแล้ว

ในจุดที่ไกลออกไป เมื่อหลินสวินหยุดเท้าแล้วหันมาเห็นภาพนี้ สีหน้าเขาราบเรียบไร้คลื่นลม

เทียบกับระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่แท้จริงแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายนี้หยาบกระด้างและไม่เอาไหนมาก ภัยคุกคามยิ่งเทียบกับผู้แข็งแกร่งขั้นอายุขัยเทียมฟ้าไม่ติด

สำหรับหลินสวินแล้ว การฆ่าสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ไม่มีความรู้สึกว่าประสบความสำเร็จใดๆ ด้วยซ้ำ

หลินสวินถอนสายตากลับ มองไปยังเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

หัวใจแดงก่ำดวงหนึ่งถูกกำราบอยู่ในนั้น ในหัวใจนี้ราวกับมีแดนมารแห่งหนึ่ง มีลักษณ์ประหลาดอย่างเหล่ามารเริงระบำ ภูเขาศพทะเลเลือดปรากฏ ในความรางเลือนยิ่งมีเสียงร่ำไห้ของผีสางดังออกมา น่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง

นี่ก็คือจิตชั่วร้าย!

………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท