GGS:บทที่ 1147 ไม่มีใครหยุดยั้ง
การแข่งขันกีฬาคาราเต้โอลิมปิคได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นได้เข้าสู่ท้าเตรียมพร้อม ในครั้งนี้ ซูจิ้งเองก็ได้เข้าสู่ท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกัน
ความจริงเขาไม่ได้มีความต้องการจะตั้งท่าแต่อย่างใด แต่ตามกฎของการแข่งคาราเต้นั้น นักกีฬาต้องอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเสมอในการแข่งขัน เรียกได้ว่าซูจิ้งนั้นตั้งท่าไปอย่างลวกๆแค่พอเป็นพิธีเท่านั้นเอง ต่อให้เป็นคนที่อ่อนด้อยขนาดไหนก็ตาม ยังไงซะในการแข่งกีฬาก็ต้องรักษากฎนี้เอาไว้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็จะถูกปรับแพ้ไปในทันทีโดยไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้แม้แต่น้อย
หลังจากนักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นได้ทำการประเมินซูจิ้งแล้ว เขาได้ก้าวขึ้นหน้าอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโจมตีไปที่หน้าอกของซูจิ้งด้วยลูกเตะกลาง แน่นอนว่าหากเขาโดนซูจิ้งบริเวณนี้เขาจะได้สองแต้มในทันที
อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งได้เครื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เขาได้เข้าประชิดด้านข้างของนักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นก่อนที่จะเตะกวาดขานักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นจนล้มลงและทำการต่อยไปที่หน้าอกของคู่ต่อสู้ในทันที
แต่ด้วยการที่นี่เป็นเพียงการแข่งขันเท่านั้น หากว่าซูจิ้งทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บจะต้องจับแพ้ไปในทันที แต่ซูจิ้งก็ยังปฏิบัติตามกฎได้เป็นอย่างดี ในครั้งนี้เขาได้รับคะแนนในทันทีสามคะแนน
นักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นได้ส่งเสียงคำรามในทันที นั่นก็เพราะว่าในการแข่งกีฬาคาราเต้นั้น ใครก็ตามที่ทำได้แปดคะแนนก่อนก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะ แต่นี่เพียงไม่กี่วินาทีเขากลับโดนทำแต้มนำไปแล้วสามแต้ม
นี่ทำให้มุมมองของเหล่านักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นที่มีต่อซูจิ้งนั้นเปลี่ยนไปในทันทีเพราะคะแนนเป็นการบ่งบอกความแข็งแกร่งของซูจิ้งในเชิงกีฬาคาราเต้ได้อย่างดีเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเหล่าผู้ชมชาวญี่ปุ่นไม่ถูกใจสิ่งนี้ โค๊ชทีมนักคาราเต้ชาวญี่ปุ่นได้ขมวดคิ้วในทันที และคิมูระเองก็ได้รู้สึกถึงลางร้ายในทันใด
บนสนามปะลอง ทั้งสองฝั่งได้แยกออกจากกันเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าสู่ท่าเตรียมพร้อมก่อนที่กรรมการจะให้สัญญาณอีกครั้ง
นักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นในคราวนี้ได้ก้าวเท้าเข้าหาเพื่อที่จะลองโจมตีดูอีกครั้ง แต่ซูจิ้งได้ทำการก้าวประชิดก่อนที่จะอีกฝ่ายจะเคลื่อนไหวได้เข้าทางแล้วทำการโจมตีโดยการเตะเท้าซ้ายของเขาไปยังลำตัวช่วงบนของนักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบอีกครั้ง
ด้วยการที่มันรวดเร็วมากจนทำให้นักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นเคลื่อนไหวป้องกันไม่ทัน เขาก็โดนเตะไปที่ใบหน้าจนต้องเสียหลักถอยออกไป และซูจิ้งได้ไปอีกสามคะแนน
ผู้ชมชาวญี่ปุ่นที่เห็นต่างก็พูดคุยกันเมื่อเห็นฉากนี้
“อะไรกัน ทำไมหมอนั่นเตะทำคะแนนได้ง่ายอย่างนี้ล่ะ”
“เอาจริงหน่อยสิโว้ย อย่าทำให้ประเทศของเราเสียหน้าสิ”
“ใช่แล้ว สั่งสอนซูจิ้งไปซะ”
ผู้ชมชาวจีนรวมถึงฉือชิง ซูหยา ซูเซินเย่วและเย่ฉิงต่างก็หัวเราะออกมาด้วยท่าทางมีความสุขในทันที นั่นก็เพราะซูจิ้งนั้นราวกับว่าเป็นปรมาจารย์คาราเต้ไปเรียบร้อยแล้ว
โค๊ชนักกีฬาญี่ปุ่นและคิมูระที่เห็นฉากนี้ต่างมีใบหน้าที่น่าเกลียดในทันที ซูจิ้งในมุมมองของทั้งคู่นั้นไม่ได้เหมือนนักคาราเต้ที่เรียนรู้มาจากตำราหรือครูฝึกสำนักไหนๆ
ท่วงท่าของซูจิ้งนั้นราวกับถอดแบบมาจากต้นตำรับคาราเต้สมัยโบราณที่มีกลิ่นอายแห่งพุทธแฝงอยู่ในท่วงท่าของเขา
ทุกๆการเคลื่อนไหวของเขานั้นล้วนแล้วแต่ธรรมดาแต่กลับทรงพลังอย่างที่สุด ยิ่งพอนึกถึงว่าพึ่งจะเริ่มการแข่งขันได้ไม่นานแต่ซูจิ้งก็ไม่ได้มีท่าทีประหม่าหรือแสดงท่าทางที่ผิดหลักการแข่งขันแต่อย่างใด แน่นอนว่าหากกรรมการไม่ใช่คนตาบอด เขาย่อมได้สามคะแนนนี้ไปอย่างไม่มีข้อคัดค้าน
การแข่งขันยังคนดำเนินต่อไปแต่ความกังวลของทั้งโค๊ชทีมชาติญี่ปุ่นและคิมูระนั้นไม่ได้คลายกังวลเลยแม้แต่น้อย
นั่นก็เพราะซูจิ้งนั้นยังคงเคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าแห่งคาราเต้ได้ดีเสียยิ่งกว่านักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นไปมากโข แถมแค่ดูก็รู้ว่าทุกท่วงท่านั้นทรงพลังขนาดไหน และนี่เองทำให้เขาได้คะแนนไปอีกสามคะแนน
ด้วยการแข่งขันเพียงชั่วครู่ นักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นได้พ่ายแพ้ลงโดยไม่ได้คะแนนไปเลยซักคะแนนเดียว ฉากนี้ทำให้เหล่านักกีฬาคาราเต้ชาวญี่ปุ่นคนอื่นถึงกับสับสนไปตามๆกัน
ชาวญี่ปุ่นเองก็สับสนไม่ต่างกัน
ผู้ชมชาวจีนนั้นกลับแสดงออกมาด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมสุข
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ว่ายังไงซะหากเป็นเรื่องการต่อสู้นี้พี่จิ้งนั้นย่อมไร้พ่าย”
“เขานั้นไม่ได้ว่าหน้านักกีฬาชาวญี่ปุ่นเลยจริงๆแถมยังจบเกมอย่ารวดเร็ว เรียกได้ว่าง่ายแต่ทรงพลังยิ่งนัก ทั้งๆที่เขานั้นสามารถใช้กำลังทั้งหมดกำหราบศัตรูได้อย่างรวดเร็วแต่ยอมเล่นตามเกมแบบนี้ ช่างเสียเวลาจริงๆ”
“ฉันว่ามันก็ดีอยู่นะ เท่ดีออก”
“ทำไมช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นช่างสั้นนักนะ”
“เอาน่า เดี๋ยวเราก็ได้เห็นกันอีก”
เหล่าผู้ชมต่างชาติต่างก็รู้สึกฉงนสนเท่ในตัวซูจิ้งอย่างมาก
“ชายคนนี้ช่างน่ามหัศจรรย์จริง ทั้งบาสเก็ตบอล ชกมวย คาราเต้ ทุกอย่างล้วนแล้วผลออกมาดีทั้งหมด”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาลงแข่งกีฬาอีกเป็นสิบเลยนะ”
“จริงดิ ไม่เกินไปหน่อยเหรอ เขาคงจะไม่ได้ทำคะแนนดีๆไปเสียทุกการแข่งขันหรอกนะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอกน่า คนๆเดียวลงสามอย่างนี้ก็หน้าเหลือเชื่อมากพอแล้ว นี่เขายังลงแข่งอีกเป็นสิบเนี่ยนะ”
ในช่วงหัวค่ำ การแข่งขันฟุตบอลชายได้เริ่มขึ้น โดยในคู่แรกนี้เป็นประเทศจีนต้องเจอกับเม็กซิโก และนี่ก็ต้องทำให้ผู้ชมทั้งหลายต้องประหลาดใจอีกครั้งนั่นก็เพราะซูจิ้งได้ลงแข่งอีกครั้งหนึ่ง
ท่าจะให้บอกตรงๆล่ะก็ไม่มีทางเลยที่คนๆหนึ่งจะมีความสามารถลงแข่งพอในหลากหลายเกมการแข่งขันแบบนี้ได้
แต่ให้นักกีฬาคนนั้นรู้กฎในแต่ละประเภทกีฬาได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยสภาพร่างกายและจิตใจนั้นแน่นอนว่าย่อมไม่พร้อมในการลงแข่งได้ทุกการแข่งขันอย่างแน่นอน….ไม่ใช่เหรอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกมได้เริ่มขึ้น เป็นอีกครั้งที่เหล่าผู้ชมต้องอ้าปากค้าง นั่นก็เพราะเหมือนกับตอนแข่งบาสเก็ตบอล ผู้เล่นคนอื่นที่ได้บอลมานั้นต่างก็พยายามส่งบอลให้ซูจิ้งเท่าที่เป็นไปได้ และซูจิ้งเองก็ไม่ได้มีท่าทีเหนื่อยล้าให้เห็นแต่อย่างใด แถมซูจิ้งยังได้แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็มีทักษะการเล่นบอลที่เด่นกว่าใครเพียงแค่ได้เห็น แทบจะไม่มีใครเลยสามารถหยุดซูจิ้งได้
เขานั้นรับได้อย่างไม่พลาดเลยสักลูก เข้าเลี้ยงบอลไปมาได้ง่ายราวกับสนามนี้อยู่ในมือตัวเอง เขาขึ้นหน้าเข้าไปในเขตฝั่งตรงข้ามและทำคะแนนได้บ่อยครั้ง
เรียกได้ว่าแม้เม็กซิโกทำคะแนนได้บ่อยครั้ง แต่จีนเองก็ได้ตีตื้นมาแทบจะในทันทีหลังจากโดนทำประตูก็ว่าได้
วันถัดมา ซูจิ้งต้องลงแข่งกีฬาทั้งสี่ประเภทอย่างไม่ว่างเว้น แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งซูจิ้งไว้ได้แต่อย่างใด
นั่นก็เพราะต่อให้คู่แข่งของเขานั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม ซูจิ้งก็ยังสะกดข่มไว้ครึ่งก้าวในทุกการแข่งขันไป
ยิ่งแข่งขัน ซูจิ้งที่เริ่มแสดงฝีมือออกมามากขึ้นก็ยิ่งทำให้ผู้คนนั้นมหัศจรรย์ไปกับความสามารถของเขามากขึ้นไปในทุกๆครั้งที่เห็น ราวกับว่าเขานั้นยังไม่ได้แสดงฝีมือทั้งหมดออกมา
โดยเฉพาะเรื่องเครื่องอึด ด้วยการที่เขานั้นต้องแข่งกีฬาหลากหลายประเภทในทุกๆวัน หากเป็นคนทั่วไปก็คงจะเหนื่อยตายไปแล้ว แต่ซูจิ้งนั้นยังไม่เคยแสดงท่าทีอะไรแม้แต่น้อย
ไม่กี่วันถัดมา การแข่งกีฬาวิ่งก็ได้เริ่มขึ้น ซูจิ้งเองก็มีส่วนในการแข่งเหล่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยในรอบนี้เป็นการแข่งขันวิ่งร้อยเมตรชาย โดยซูจิ้งนั้นใช้เวลาไป9.01วินาที
แต่ด้วยการที่มีข้าวสีน้ำเงินอยู่บนโลกนี้แล้วจึงทำให้สติทางด้านการกีฬาถูกทำลายได้อย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้นั้น นักวิ่งชาวอเมริกาได้ทำสถิติไว้ที่ 9.13 วินาที แต่เพียงไม่นานก็ถูกซูจิ้งฝังกลบไป
ไม่เพียงแต่วิ่งร้อยเมตรเท่านั้น ทั้งวิ่งชายสองร้อยเมตร สี่ร้อยเมตร วิ่งข้ามเครึ่องกีดขวางหนึ่งร้อยสิบเมตร วิ่งข้ามเครื่องกีดขวางสี่ร้อยเมตร กระโดดสูง กระโดดไกร ไตรกีฬา ทุกๆการแข่งขันนั้นล้วนแล้วถูกทำลายสถิติโดยซูจิ้ง หากมีการประกวดว่าใครได้เหรียญทองมากที่สุด แน่นอนว่ารางวัลนั้นตั้งมอบให้ซูจิ้งอย่างแน่นอน
หลังจากได้เห็นสถิติที่ซูจิ้งทำไว้นั้น ผู้คนทั่วทั้งโลกนั้นแสดงออกอย่างบ้าคลั่ง พลางพูดถึงซูจิ้งว่าเขานั้นยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่าถึงสามารถมีความสามารถที่หลากหลายได้ถึงขนาดนี้
ในการแข่งกีฬาโอลิมปิคในปี2008นั้นมีนักกีฬาคนหนึ่งได้รับไปแปดเหรียญทอง หากถามว่าเขานั้นทำได้ยังไงน่ะเหรอ เขานั้นได้ลงแข่งทุกการแข่งขันว่ายน้ำที่เขาลงได้ นั่นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด
แต่กับซูจิ้งที่ลงแข่งกว่า20รายการนั้นแน่นอนว่าหากทำได้หมดย่อมยิ่งใหญ่กว่า
ทั่วทั้งโลกในตอนนี้ต่างก็กล่าวขานกันว่าซูจิ้งนั้นคือผู้ที่เปรียบได้ดั่งองค์เทพ ยิ่งซูจิ้งลงแข่งมากเท่าไหร่ ชื่อเสียงของเขานั้นก็สูงขึ้นตามระดับ
และนี่ก็ทำให้เขานั้นสามารถดูดซับเหรียญตราเทวฑูตได้อย่างบ้าคลั่งจนทำให้ขอบเขตชำระล้างนั้นแพร่ขยายมากขึ้นไปอีกจนในตอนนี้แพร่ขยายไปถึงพื้นที่ที่เกิดความตายอันแปลกประหลาดบนทวีปแอฟริกาเรียบร้อยแล้ว