เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

4.บุรุษรูปงาม..

เป็นไปได้อย่างไรที่ไม่หิว

เขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอ

นนี้เนี่ยนะ

หลิวเจินจึงบีบคางชายหนุ่ม

บังคับป้อนโจ๊กใส่ปากอีกฝ่าย

หญิงสาวรินโจ๊กในช้อนใส่ปากชายหนุ่มทีละนิด ๆ

นางเป็นคุณหมอรักษาโรคทางกาย

มิใช่ผู้ชำนาญโรคทางใจ

อีกทั้งนางยังมีการงานอื่นที่ต้องทำอีกมาก

จึงไม่มีเวลามาเอ้อระเหยแล้ว

กู้หรูเฟิงสำลักแทบตายกว่าจะค่อยยังชั่ว ดวงตาชายหนุ่มจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “เจ้าจะทรมานข้าไปถึงเมื่อไร?”

“แล้วเมื่อไรท่านจะกินเสียที?”หญิงสาวถามกลับ

ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ราวกับพยายามสะกดกั้นเพลิงโทสะ

เขาแย่งชามโจ๊กมากินเอง แต่พอกินไปได้ไม่กี่คำ ก็วางซ้อนลง
หลิ่วเจินพรูลมหายใจ แล้วเอ่ยขึ้น “ข้าว่าจะขึ้นเขาไปลองเสี่ยงโชคดู

มีโจ๊กอยู่ในหม้อ

ข้าจะนำมาวางไว้ข้างเตียงให้ท่าน ซึ่งมีพอให้ท่านกินได้สามสี่วันเทียว”

กู้หรูเฟิงหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน แม้เขามิได้เกิดและเติบโตที่นี่

แต่ก็ได้ยินกิตติศัพท์ความน่ากลัวของขุนเขาใหญ่ แห่งนี้

ชายหนุ่มทุบกำปั้นลงบนที่นอนด้วยความวิตก “อาหารเหล่านี้ก็มีพอให้เจ้ากินตลอดเหมันต์ หากไม่ไหวจริง ๆ ข้าไม่กินก็ได้”

ก่อนหน้าชายหนุ่มมีความรู้สึกผิดในใจ ดังนั้นจึงคอยกดข่มนิสัยเดิมของตนไว้ ทว่าในความเป็นจริง เขาคือชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเป็นที่สุด จะให้เขาโยนภาระความรับผิดชอบไปให้สตรีได้อ ย่างไรกัน?!

ความสิ้นหวังปรากฏในดวงตา

ชายหนุ่มหัวเราะเยาะตัวเอง หากแม้นเขามีญาณหยั่งรู้ล่วงหน้าว่าตนเองจะประ สบกับสภาพแบบนี้ในวันนี้ หากรู้เช่นนี้ตอนนั้นน่าจะตามไปอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ดีกว่า ไม่ต้องมามีชีวิตอย่างไร้อนาคตไปวันๆ พอกลัดกลุ้มมากๆเข้า

ชายหนุ่มเลยไอโขลกๆไม่หยุด

หลิ่วเจินคอยลูบหลังเขาเพื่อบรรเทา จนอาการเขาค่อยยังชั่วขึ้น

ชายหนุ่มจึงเบี่ยงตัวถอยห่างอย่างเงียบๆ “ที่เราทั้งสองมาใช้ชีวิตร่วมกัน

ก็เป็นด้วยความบังเอิญ เจ้าขุ่นเคืองใจ ที่ข้าไม่ได้ความ

เช่นนั้น…เหตุใดเราไม่ต่างไปมีชีวิตของตนเองเล่า ? พ่อหม้ายที่พร้อมแต่งงานใหม่ในแถบถิ่นนี้ก็ยังมี

เจ้าลองหาดูสักคน

ที่เหมาะสมพอให้เจ้าฝากผีฝากใคร่ได้ ดีหรือไม่?

พูดถึงเรื่องหย่าร้าง

หลิวเจินไม่เคยนึกเลยว่า สิ่งที่ตนเองต้องการอันดับแรกสุด คำตอบมิใช่เรื่องสามัญอย่างเช่น การกินอยู่หลับนอน แต่กลับเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตอย่างการหย่าร้าง

อันที่จริงชีวิตในชาติก่อน นางเคยมีคนที่คบหาดูใจอยู่สองคน แต่เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานเลยจำต้องเลิกรากันไป

ความสัมพันธ์ที่มีจึงไม่เคยคืบหน้าไปถึงขั้นแต่งงา

นเลย

พอเอ่ยถึงเรื่องใหญ่ในชีวิตอย่างเรื่องแต่งงาน หญิงสาวจึงมิได้ให้ความใส่ใจมากนัก

หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ได้ แต่ถึงแม้จะเลิกกันแล้ว ขาท่านก็ยังบาดเจ็บอยู่ดี ท่านคงไม่อาจไปไหนมาไหนได้ การเลิกกันย่อมไร้ความหมาย ท่านรอจนขาหายดีและรอให้ผ่านพ้นเหมันต์นี้ไปก่ อน ย่อมจะดีกว่านะ”

กู้หรูเฟิงให้ประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อก่อนพอพูดจากันได้ไม่กี่คำ หลิวเจินก็จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทุกครั้งไป นางไม่ยอมรอมชอมใดๆ ไม่คาดคิดว่า ครั้งนี้จะพยักหน้ารับด้วยความยินดีปานนี้ ชายหนุ่มจับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างระแวง เพราะรู้สึกว่ามันแปลกๆ หลิวเจินปกติไม่เคยใจเย็นเช่นนี้ นางมักอารมณ์ร้อนอยู่เสมอ ส่วนหญิงสาวตรงหน้านี้กลับดูเยือกเย็น จนทำให้ผู้คนคลายความระวังลง

แต่ถึงอย่างไร เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ส่งผลให้กู้หรูเฟิงเหนื่อยใจยิ่งนัก เขามิคิดวุ่นวายหาเหตุผลที่คนเปลี่ยนไปอีกแล้ว จึงหมดความสนใจในหญิงสาวผู้นี้อีก

หลิ่วเจินเองก็ไม่สนใจเหมือนกัน เพราะสิ่งที่อยู่ในห้วงคำนึงตอนนี้ มีแต่เรื่องหาวิธีเอาชีวิตให้อยู่รอดต่อไปเท่านั้น

การขึ้นเขาเข้าป่า มิใช่ว่าบอกว่าจะเข้าไป นางจำต้องหาอาวุธป้องกันตัวไปด้วย ของที่มีก็คือถ้วยชามรามไหเพียงไม่กี่ใบ หลิวเจินเที่ยวค้นหาอยู่เป็นนาน ก็ไม่พบสิ่งใด ที่พอจะเข้าตามีเพียงขวานผุๆขึ้นสนิม

แล้วก็เข้าไปได้เลย

และในบ้านผุๆหลังนี้ ไม่นับตัวบ้านที่เล็กแสนคับแคบและแทบจะมีแต่ห้ องเปล่าๆ

ที่ทิ้งไว้ในลานบ้านเพียงเท่านั้น

หญิงสาวทำโจ๊กให้กู้หรูเฟิง

แล้ววางไว้ข้างเตียง

เพื่อคนผู้นั้นอยากจะลุกขึ้นมากินเวลาใดก็กินได้เลย

ส่วนตัวเองก็ควานหาของกินในหม้อ นางพบของกิ

นบางส่วน ที่ดูไม่น่าจะกินได้แล้ว ทว่าก็จำใจต้องฝืนกลืนลงไป หาไม่แล้วก็คงได้กินลมต่างข้าวแทนเป็นแน่

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท