เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 10

ตอนที่ 10

10.ขีดเส้นแบ่…

ต้องบอกว่าหมอยุคโบราณมีความสามารถจริง ๆ หลิวเงินยืนดู อยู่ข้างๆ ด้วยความที่ง นางมักให้ความสนใจอย่างยิ่งยวด กับ อะไรที่เกี่ยวกับการรักษาโรคอยู่เสมอ

ทว่าหญิงสาวลืมไปว่า ในสมัยโบราณนี้ ชายและหญิง แตกต่างกัน ถึงแม้ยามนี้ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ทว่าพวก เขาต่างก็เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน อย่างเช่นครานี้ เมื่อจู่ ๆ ก็มี หญิงแปลกมาหน้ามาจ้องขาอ่อนของตน กู้หรูเฟิงให้รู้สึก กระอักกระอ่วนขึ้นมานิดๆ

ส่วนหลิ่วเจินเองมิได้สนใจสิ่งใด จึงมิอาจจับสังเกตความ ผิดปกติของอีกฝ่าย หลังจากรอจนท่านหมอจับชีพจรตรวจ อาการเสร็จแล้ว ท่านหมอได้เขียนใบสั่งยาให้ เพราะรู้ว่าอีก ฝ่ายหกล้มขาหัก เขาจึงจัดเตรียมยา 2-3เทียบ ไว้ให้คนไข้ล่วง หน้า พอหญิงสาวส่งท่านหมอไปแล้ว ตนเองจึงนำยาที่ได้ไป ต้ม พอต้มเสร็จก็ถือถ้วยยามาตรงหน้ากู้หรูเฟิง

กู้หรูเฟิงเองก็ดื่มยาด้วยความดีใจ หลังจากดื่มยาเสร็จ

หญิงสาวจึงยื่นน้ำให้ชายหนุ่มกลั้วปาก ครั้นแล้วจึงเอาข้าว ของที่กองระเกะระกะบนโต๊ะไปเก็บ จากนั้นหญิงสาวจึงไปเอา ยาขี้ผึ้งที่หมอให้มา และเตรียมถกขากางเกงของอีกฝ่าย

ชายหนุ่มหน้าแดง รู้สึกเขินอายนิดๆ ครั้นแล้วจึงเอ่ย อย่างค่อนข้างจริงจัง “เรื่องแบบนี้ให้ข้าทำเองเถอะ”
บุรุษผู้นี้ถึงขาหัก แต่มือหาได้บาดเจ็บไม่ ดังนั้นเจินจึง ไม่คัดค้าน พลางพยักหน้าให้อีกฝ่าย หญิงสาวส่งยาขี้ผึ้งให้ ชายหนุ่มทาเอง แล้วตรงไปขึ้นเตียงเพื่อนอนพัก

พอเห็นการกระทำของหลิ่วเจิน คิ้วของกู้หรูเฟิงจึงขมวด

ลึกขึ้น “ในเมื่อเราสองคน ได้พูดคุยถึงเรื่องจุดยืนของแต่ละ ฝ่ายกันจนกระจ่างในคราก่อนแล้ว แล้วเหตุใดถึงไม่ขีดเส้น แบ่งเขตกันให้ชัดเจนเล่า? ระหว่างเจ้าและข้านับเป็นคนแปลก หน้าต่อกัน ตามหลักแล้ว พวกเราควรรักษาระยะห่างต่อกันไว้

หลังจากหลิ่วเจินเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน หญิงสาวจึงรู้สึก ปวดหัว นางนวดหัวคิ้วขณะทอดมองชายหนุ่ม “การขีดเส้นแบ่ง เขตและรักษาระยะห่างเป็นสิ่งสมควร ทว่าใหญ่ปานนี้นะ หากขีดเส้นแบ่งเขตกันแล้ว ข้าจะตัวไปทางไหนได้บ้างล่ะ? ท่านมิต้องทำทำทางราวกับกินท่านหรอก ข้ามิได้สนใจเลย หลังปีใหม่นี้ หากขาท่านรักษา หายแล้ว เราสองคนก็ต่างคนต่างไป และมิต้องเจอะเจอกันอีก เลยตลอดชีวิต

ถ้อยคำที่หญิงสาวกล่าวออกมาค่อนข้างรุนแรง ซ้ำยังเจือ

ความหงุดหงิดหน่อย ๆ

กู้หรูเฟิงเงียบปากโดยพลัน ชายหนุ่มครางอิ่มฮั่มในลำ

คอ พลางละเลงยาไปบนขาอย่างลวกๆ แล้วนอนลง

ในเตียงที่เล็กและแคบ ซึ่งทั้งสองต้องนอนด้วยกัน แต่ละ คนต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังชนกัน และเพราะมีผ้านวมเพียงผืนเดียว ทั้งสองคนจึงจำต้องนอนชิดกัน และในเมื่อแต่ละฝ่าย ต่างมีเสื้อผ้าอยู่ครบ มิได้เปลือยกายเสียหน่อย จึงไม่ทำให้ ผู้คนขวยเขินเกินไปนัก

ยามนี้ดึกแล้ว เทียนที่จุดไว้ก็ดับลงแล้ว รอบ ๆกายมีแต่ ความมืดมิด ได้ยินเพียงเสียงลมข้างนอกที่พัดอื้ออึงไม่ขาด สาย ซึ่งมากระทบหน้าต่างจนดังปังปัง

ถึงแม้มีเสียงหนวกหูอยู่รอบกาย แต่เพราะความเหนื่อยล้า หลิ่วเจินจึงค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ยามนอนหลับไปจนถึง กลางดึก พลันได้ยินเสียงคนข้างตัวตะโกนขึ้นอย่างดุดัน “ฟ้า ดินให้กลับชาติมาเกิดใหม่ เจ้าจะไม่มีจุดจบดีแน่!”

น้ำเสียงที่ได้ยินสุดแสนหัวนกระด้าง หลิ่วเจินลุกขึ้นนั่ง และตระหนักได้ว่า นั่นเป็นเสียงของกู้หรูเฟิงซึ่งนอนอยู่ข้างๆ คิ้ว ของชายหนุ่มยับย่น และที่หางตามีหยดน้ำตาคลอ

หญิงสาวรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ดูเหมือนว่าตระกูลเขา จะประสบเภทภัย และมีเขาเหลือรอดชีวิตอยู่ผู้เดียว ยามนี้ น่า กลัวว่าเขาคงฝันร้ายอยู่

น่าสงสารจัง ถูกรบกวน แม้แต่ในฝัน นี่คงผ่านเรื่องทุกข์ ยากแสนลำเค็ญมาสินะ?

ภายใต้แสงจันทร์ สามารถมองเห็นกู้หรูเฟิงผู้ซึ่งกำลังนิ้ว หน้า บนใบหน้าชายหนุ่มปรากฏรอยแผลเป็นที่ยังคงเห็นเด่น ชัด ทว่าคิ้วของเขาช่างงดงามจริง ๆ ทั้งเข้มดำยาวเลยไปถึง ขมับ และดวงตาดอกท้อเป็นประกายคู่นั้น แม้ดอนนี้ยังปิดอยู่แต่เมื่อตื่นจากนิทราคราใด จะมีรูปทรงโค้งงดงาม จมูกชาย หนุ่มโด่งเป็นส้น ส่วนริมฝีปากสีแดงสด เม้มแน่น เผยให้เห็น ความวิตกกังวลซึ่งมาจากก้นบึงของจิตใจ

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท