เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 20

ตอนที่ 20

20.ทำอาหาร

นางมีโอกาสคุยกับท่าน เฉพาะตอนท่านไปสอน ลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน” หลิ่วเจินถามขึ้นเหมือนนึกขึ้นได้ “เหตุ ใดท่านไม่สอนหนังสือเสี่ยวชานเล่า? ผู้ใหญ่บ้านมีความ ประสงค์ว่า หากท่านสอนหนังสือบุตรชายเขา เขายังจะให้เงิน ค่าจ้างแก่ท่านด้วย”

“ข้ารู้

กู้หรูเฟิงตอบอย่างค่อนข้างอึดอัดใจ “เรียนหนังสือไม่ใช่ เรื่องง่าย เสี่ยวซานมีใจมุมานะศึกษา ก็คงสามารถรู้ตัวอักษร ได้พอสมควร ทว่าหากอยากเรียนเพราะคำนึงถึงอนาคต เกรง ว่าจะไม่มีโอกาสนั้น แล้วอย่างนี้ ใยต้องมาเสียเวลาโดยใช่เหตุ เล่า?” ช่วงเวลาที่พำนักอยู่ในเมืองหลวง ชายหนุ่มได้พบเจอ และคุ้นเคยกับบัณฑิตเหล่านั้นเป็นอย่างดี ย่อมรู้แจ้งแก่ใจว่า เสี่ยวชานนั้นไม่นับว่ามีพรสวรรค์ หรือความสามารถอันใดเลย แม้แต่น้อย อีกทั้งอายุเขาก็ไม่น้อยแล้ว ยามนี้ยังอยากจะใฝ่ หาความสำเร็จอันใดเล่า คงไม่มีแววจะเป็นไปได้หรอก

กระทั่งความรู้ลึกซึ้ง กลับรู้เพียงเล็กน้อย แล้วจะเสียเวลา ลองพยายามไปทำไม?

นางขบคิดดูแล้ว บางที่เหตุผลนี้อาจถูกต้อง เพียงแต่รู้สึก อึดอัตในโพรงอกเล็กน้อย พอเขาตระหนักชัดว่าเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพอขอให้ลองดู เขาจึงปฏิเสธ ครั้นแล้วหญิงสาวจึงเอ่ยที เล่นที่จริง “ทว่าหากไปสอน ท่านย่อมได้เจอเชียงเช่าทุกวัน ไม่ แน่ท่านอาจได้พัฒนาความสัมพันธ์กัน ดูท่าแม่นางน้อยนั่น ก็ชอบท่านนี่ ภายหลังที่เลิกรากับข้าแล้ว ท่านก็ยังมีคนอยู่ข้าง

กาย”

กู้หรูเฟิงนึ่งเงียบไป ไม่เอ่ยอันใดอีก

หลิ่วเจินรออยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ประสงค์จะ สนทนาอีกต่อไป หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืน แล้วไปวุ่นวายกับงานใน ครัวต่อ

พวกเขาสองคนออกจากบ้านกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง พอก ลับถึงบ้านฟ้าก็มืดแล้ว ทั้งสองคนกินเพียงอาหารง่าย ๆรอง ท้องระหว่างเดินทางแค่นั้น ยามนี้ย่อมอยากทำอะไรดี ๆกินสัก หน่อย เรื่องของเรื่องก็คือ พวกเขาซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบ อาหารมามากมายเหลือคณานับ

อันที่จริงนางไม่เก่งในเรื่องทำอาหารสักเท่าไร เหตุผลทั้ง มวลก็ต้องโทษชีวิตที่รีบเร่งวุ่นวายในยุคสมัยใหม่ แม้เมื่อ ตอนกลับถึงบ้านหลังเลิกงาน หญิงสาวก็เพียงต้มบะหมี่ สำเร็จรูปกินลวก ๆ พอประทังความหิวเท่านั้น หากพูดกันอย่าง ไม่ลำเอียง นางทำอาหารไม่อร่อยเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่เริ่มต้น การที่ทั้งสองคนกินอาหาร ล้วนเพื่อให้ท้องอิ่ม ไฉนจะสนใจ รสชาติความอร่อยเล่า?

ยามนี้ข้าวที่ซื้อมาก็แสนแพง ส่วนเนื้อหมูยิ่งไม่จำเป็นต้อง พูดถึง พวกเขาไม่อาจทิ้งไว้เฉย ๆ โดยเปล่าประโยชน์ใด้

หลังจากขบคิดอยู่พักหนึ่ง หญิงสาวตัดสินใจทำหมูสาม

ชั้นน้ำแดง
ปกตินางไม่ชอบมันหมู แต่ตอนนี้โหยหายิ่งนัก เนื่องจาก นานมาแล้วที่นางไม่ได้กินเนื้อและปลา

หญิงสาวท่าหมูสามชั้นน้ำแดง โดยเริ่มจากเอาหมูสามชั้น มาล้างทำความสะอาด แล้วบั้งส่วนด้านหลังเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลูกเต๋า จากนั้นเติมพริกฮวาเจียว เมล็ดผักชี อบเชย กานพลู และอื่น ๆ หมักให้เข้ากัน น่าเสียดายที่ส่วนผสมมีไม่ครบ เรื่องนี้ ทำให้หลิ่วเจินคิตถึงซุปเปอร์มาเกตในยุคสมัยใหม่ ซึ่งมีทุกสิ่ง พร้อมสรรพ ซึ่งยุคนี้เทียบไม่ได้เลย หลังจากหมักทิ้งไว้พอ สมควรแก่เวลา ก็เอาไปต้มจนสุก ครั้นแล้วก็ตักขึ้นมาทิ้งให้ สะเด็ดน้ำ จากนั้นเติมน้ำมันสองช้อนครึ่ง น้ำตาลสองซ้อน ลง ในกระทะ เอาหมูที่ต้มเกือบสุกแล้วลงผัดเข้าด้วยกัน จนสีของ หมูค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีทองเข้มทีละนิด กลิ่นหอมฉุยที่โชยมา และรสชาติอันหวานมัน ชวนให้คนน้ำลายไหลนัก

แล้วนางก็เร่งไฟแรงและผัดจนน้ำในเนื้อแห้งงวดลงนิต หนึ่ง จากนั้นก็โรยกระเทียมสับลงไปผัดให้เข้ากัน และตกใส่ จานในท้ายสุด เมื่อกลิ่นหอมของอาหารโชยมาปะทะหน้า เพียงเท่านี้นางก็รู้แล้วว่า โลกที่นางจับพลัดจับผลูเดินเข้ามา โดยบังเอิญนั้น ไม่ได้ว่างเปล่าไร้ความหมายแล้ว

กู้หรูเฟิงถูกกลิ่นหอมของอาหารจานเด็ดดึงดูดไปตั้งนาน แล้ว ตั้งแต่ภายหลังที่เขาประสบเคราะห์กรรม เกรงว่าคงไม่ได้ ลองลิ้มชิมรสอาหารดี ๆ รสชาติอร่อยๆ อันใดเลย

หลังจากคดข้าวสวยใส่ถ้วย และจัดวางกับข้าวบนโต๊ะ เสร็จแล้ว ทั้งสองก็นั่งล้อมวง คืบเนื้อหมูเข้าปาก รสชาติของมันอร่อยล้ำเสียจนอยากจะเคี้ยวลิ้นกลืนลงไปด้วยเลย

“เจ้าท่าอาหารอร่อยล้ำเลิศปานนี้ได้อย่างไร?” กู้หรูเฟิง ค่อนข้างฉงนสงสัย

หลิ่วเจินที่กำลังจัดการอาหารตรงหน้าตอบกลับ “หมูมี รสชาติอร่อยอยู่แล้ว ใครเอามาปรุงเป็นอาหารจะไม่อร่อยได้ รี?”

ชายหนุ่มพยักหน้าครุ่นคิด “เช่นนั้นเจ้าก็สอนข้าทำบ้างสิ”

ก่อนจะขโมยความรู้จากอาจารย์เช่นข้าไป ท่านอยาก ทำให้ใครกินในภายหน้าล่ะ?” นางแสร้งทำที่เป็นถามอย่างไม่ คิดอะไร แต่ที่จริงนางกำลังทดสอบอีกฝ่าย และหวังจะได้รับคำ ตอบว่าเขาจะไม่จากไปไหน

กู้หรูเฟิงนึ่งเงียบไปอีกครา นางกำลังผลักใสเขาไปอีกแล้ว ใช่หรือไม่?

พอเห็นว่าปีใหม่กำลังจะใกล้เข้ามา ทุกครอบครัวต่างเริ่ม ทำความสะอาด และจัดข้าวของทั้งบ้านให้เป็นระเบียบ จนบ้าน ดูใหม่ สะอาดเอี่ยมอ่อง แน่นอน ครอบครัวของหลิ่วเจินก็ไม่มี ข้อยกเว้น พวกเขาแปะกระดาษคำกลอนคู่ ซึ่งเชียนคำอวยพร ไว้ และตัวอักษรทั้งหมดนั้นถูกเขียนโดยกู้หรูเฟิง

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท