เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 27

ตอนที่ 27

27.วางแผนการณ

เช่าไม่กล้าเปล่งคำพูดอันใดออกมาอีก

“เจ้านี่มันไม่ได้ข้าเลยจริง ๆ ในตอนนั้น บิดาเจ้าให้ บุรุษผู้นั้นมาอยู่ด้วย ย่อมหวังให้เขามาเป็นสามีเจ้า ทว่าเจ้ามัน ไร้เดียงสาเกินไป เห็นแล้วก็ไม่ทำอันใด เลยปล่อยให้หญิงอื่น มาปืนเตียงแทน” ยิ่งคิด ผู้เป็นมารดาก็ยิ่งขัดใจ เลยหยิก บั้นเอวอีกฝ่ายทีหนึ่ง “เจ้าไม่เห็นรี สองคนนั่นซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ ใหม่กลับมา มีแต่ครอบครัวที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยเท่านั้น ถึงจะซื้อ อาภรณ์ที่ตัดเย็บสำเร็จรูป ไม่เช่นนั้นก็ต้องตัดเย็บกันเอาเอง? ไม่รู้ว่าสองคนนั้นมีเงินในมืออยู่เท่าใด ถึงได้กล้าใช้เงิน มากมายปานนั้น”

เชียงเช่าเอ่ยเสียงแผ่ว “พี่หรูเฟิงบอกว่า นั่นเป็นเงินที่หลิ่ว

เงินหามาเจ้าค่ะ”

“ผายลม” หัวเด็ดตีนขาดภรรยาผู้ใหญ่บ้านก็ไม่เชื่อ “นาง มีเงินทุนอะไรที่สร้างกำไรกลับมารี? มันต้องเป็นเรื่องวุ่นวายที่ เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนแน่ จนกู้หรูเฟิงต้องควักเงินตัวเองออก มาให้ นังอูฐผอมสมควรตายตัวมันกินจุกว่าม้าเสียอีก ไม่รู้ว่า ตักตวงเงินไปตั้งเท่าไรแล้ว เงินที่ควรจะเป็นของเจ้าแท้ ๆ !”

หากไม่เจอคนหน้าหนาขึ้นเตียง บางทีคนที่ควรจะได้ แต่งงาน แท้จริงควรเป็นดังนั้นผู้เป็นลูกสาวจึงตะโกน ขึ้นอย่างไม่ยินยอม ” แน่ล่ะเงินนั้นมันไม่ใช่ของข้าแล้ว พี่หรู เฟิงแต่งกับนางไปแล้ว”
“หากหนังหน่าเจ้าหนาได้สักครังของหลิวเจ็น ผู้ชายซิงได้ ตัวเราไปแล้ว ร้อยทั้งร้อยหนีเราไม่รอดหรอก นางสามารถปีน เตียงได้ แล้วเจ้าจะทำบ้างไม่ได้รี? วันนี้หลังจัดการมอมเหล้า เขาให้นอนพักที่นี่ เจ้าก็เปลื้องอาภรณ์ชะแล้วก็ปืนขึ้นไปนอน ข้าง ๆ ภายหลังก็เรียกร้องกู้หรูเฟิงให้เลิกกับหลิ่วเฉิน แล้วมา อยู่กับเจ้าแทน เช่นนั้นแล้ว…ภายภาคหน้าเจ้าจะมีกินมีใช้ไม่ ต้องกังวลอีกต่อไปแน่ คล้ายฮูหยินบ้านรวยพวกนั้น ที่ทุกวันได้ กินต้าปิ่ง (แพนเค้กจีน) อันเบ้อเริ่ม ดวงตาผู้เป็นแม่ทอประกาย เรื่องวาบ คล้ายกับเรื่องที่พูดได้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ

เชียงเช่าค่อนข้างอับอาย เหนืออื่นใด นางคือเด็กสาวที่ยัง ไม่ออกเรือน เด็กสาวไม่เพียงอับอาย ซ้ำยังกลัวด้วย “ข้าคิดว่า พี่หรูเฟิงดีต่อหลิ่วเจินมาก ท่านแม่คิดเช่นนั้นไหม?”

“หลิ่วเจินงามสู้เจ้าไม่ได้หรอก แถมนิสัยแย่จะตาย เดี๋ยวก็ คุ้มดีเดี๋ยวก็คุ้มร้าย แล้วอย่างนี้กู้หรูเฟิงจะชอบนางได้อย่างไร? เรามาหาทางลงให้เขากันเถิด เขาต้องยอมลงมาแน่นอน มิ หนำซ้ำพ่อเจ้าเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน ใช้อำนาจในมือเสียบ้างจะ เป็นไรไปเล่า? ”

ในที่สุดแผนการนี้ ก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นนี้เอง

บรรยากาศยังคงเป็นด้วยความเรียบร้อย เมื่อสองแม่ลูก กลับมาที่โต๊ะอาหาร ในใจเอาแต่ครุ่นคิดไม่หยุด พวกนาง อยากจะเริ่มทำตามแผนการ แต่ก็ยังหาจังหวะไม่ได้

ภรรยาผู้ใหญ่บ้านอาศัยฐานะผู้อาวุโส ขอให้หลิ่วเจินดื่ม อวยพรให้ การดื่มสุราฉลองในวันขึ้นปีใหม่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีด้วย การบอกปฏิเสธ ย่อมไม่เป็นผลดี

เมื่อหลิ่วสุราลงท้องไปสองสามจอก ก็ให้รู้สึกมีนหัว นิด ๆ เมื่อเบนสายตามองไปยังฝั่งพวกผู้ชาย พวกเขาก็ดู มีนเมากันถ้วนหน้า ตลอดทั้งปี มีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้น ที่สุรา มีให้ดื่มไม่อั้น และทุก ๆ คนล้วนเปิดท้องรอรับด้วยความเต็มใจ

กู้หรูเฟิงไม่รู้สึกดื่มต่ำกับรสชาติมากนัก แม้สุราจะรสชาติ แย่ไปหน่อย ทว่าก็ยังดีกว่าไม่มีให้ดื่ม ดวงตาเขาทอประกาย ดูคล้ายจะมีแสงส่องออกมา ซ้ำใบหน้าชายหนุ่มยังไม่ แดง หัวใจไม่เต้นแรง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เขาเป็นนักดื่มตัว ฉกาจ

“ยอมรับเจ้าเลย เมื่อไรการดวลสุรารอบนี้จะเลิกกันเสียที ล่ะ?” หลิ่วเจินกระซิบที่หูของกู้หรูเฟิงซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างตน ขณะ เอามือกุมหน้าผาก หญิงสาวรู้สึกมึนหัว และไม่สบายตัวเอาเสีย เลย

กู้หรูเฟิงเดาว่าน่าจะอีกสักพักกว่างานเลี้ยงจะเลิก และเมื่อ ชายหนุ่มเห็นแก้มแดงก่ำของอีกฝ่าย ก็รู้สึกอยากกลับไปก่อน

เมื่อภรรยาผู้ใหญ่บ้านเห็นเช่นนั้น จะยินยอมได้อย่างไร เล่า หัวใจนางเต้น โลดถึงคอหอย ครั้นแล้วจีวเปิดปากเอ่ยขึ้น “หรือว่า ให้ข้าไปส่งหลิ่วเจินกลับไปก่อน ถึงอย่างไร พวกเจ้า บุรุษทั้งหลายก็เหน็ดเหนื่อยมาทั้งปีแล้ว ช่วงนี้ก็ดื่มกันให้

สบายใจเถิด พวกเราไม่ขัดความสนุกของพวกเจ้าดีกว่า หลิ่วเห็นกู้หรูมีอารมณ์ชื่นมื่นจริง ๆ จึงไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวัง ดังนั้นจึงพูดขึ้น “เช่นนั้นก็รบกวน ท่านป้าด้วยเจ้าค่ะ”

ภรรยาผู้ใหญ่บ้านระบายยิ้ม และช่วยพยุงอีกฝ่ายจากไป ก่อนออกไปนางขยิบตาและส่งสายตาเป็นนัยให้บุตรสาวตน ทว่านางก็ต้องดูจังหวะเวลาด้วย

เชียงเช่ากำมือแน่น เพื่อให้แผนการบรรลุผล แรกสุดก็ ต้องคว้าโอกาสเหมาะให้ได้ก่อน

หลังหลิ่วเจินกลับเข้าบ้านตัวเองไปแล้ว ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ก็จากไป หญิงสาวนอนทอดกายลงบนเตียง จู่ ๆ ความง่วงงุน มหาศาลก็พลันจู่โจมขึ้นมา ร่างทั้งร่างของหญิงสาวดำดิ่งเข้าสู่ สภาวะที่ไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท