เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 11

ตอนที่ 11

11.อย่ากลัวเล..

หลิ่วเจินโอบกอดคนผู้นั้นจากด้านหลัง รู้สึกเพียงว่าคนผู้นี้ตัว ช่างเย็นจัด ทั้ง ๆ ที่ห่มผ้านวมผืนหนาแล้ว ทว่าตัวก็ยังคงเย็น อยู่ดี นางจงใจเอ่ยเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน “อย่ากลัวเลย ข้าจะ อยู่เป็นเพื่อนท่านเอง จะไม่มีใครรังแกท่านได้”

เป็นเพราะถ้อยคำนี้ ทั่วทั้งร่างของกู้หรูเฟิงดูคล้ายว่าจะ สงบระงับ ชายหนุ่มถูกอีกฝ่ายโอบกอดแนบแน่นตลอดทั้งคืน เขารู้สึกถึงความอบอุ่นทางเบื้องหลัง แม้กระทั่งฝันร้ายที่คอย ตามหลอกหลอนเขา ก็มลายหายไปสิ้น

คืนนี้คนทั้งสองต่างนอนหลับสนิทเป็นพิเศษ

ยามตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย กู้หรูเฟิงพบว่าตนเองอยู่

ในอ้อมกอดของหลิ่วเจิน คนทั้งสองต่างไม่เคยแนบชิดสนิท ใกล้กันขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าชายหนุ่มพลันแดงก่ำราวกับจะ ค้นออกมาเป็นโลหิต ทว่ากลับไม่กล้าโวยวาย เพราะตระหนัก ว่าตนเองก็กอดอีกฝ่ายเช่นกัน อีกทั้งยามผล็อยหลับไปนั้น มือ ตนอาจจะเคลื่อนไปกอดอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ครั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงค่อย ๆบรรจงเลื่อนมือของหลิ่วเจินออกจากร่างตน อย่างแผ่วเบาที่สุด จากนั้นจึงนอนลงแล้วแสร้งทำเป็นหลับ เหนืออื่นใด เมื่อเจอสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนเช่นนี้ การไม่ทำตัวกระโตกกระตากถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด

อีกอย่าง เขารู้สึกแปลกๆในใจ ชัดเจนว่า หากคนทั้งสอง พัวพันใกล้ชิดกันมากกว่านี้อีกนิด พวกเขาคงต่างมีแต่ความเบื่อหน่ายจนไม่อยากสนทนากันเป็นแน่

แต่เหตุใดความรู้สึกในยามนี้ ถึงมีแต่ความขัดเขินเล่า?

ชายหนุ่มเพิ่งค้นพบประเด็นนี้ แต่ก็ไม่กล้าขุดลึกลงไป จึง รีบปัดมันทิ้งไปเสีย

ทางฟากหลิ่วเจิน นางตื่นก่อนชายหนุ่มเสียอีก สาเหตุที่ นางแกล้งทำเป็นหลับ ก็เพราะตนเองก็รู้สึกขัดเขินเหมือนกัน และเมื่อเห็นผู้อื่นเขินอายยิ่งกว่าตน จึงนึกสนุก และบังเกิด ความคิดอยากเข้าแหย่อีกฝ่ายเล่นดูสักหน่อย

นางจึงจงใจยกขาพาดเอวอีกฝ่าย และให้รู้สึกฉงนในใจ เดิมที่เจ้าของร่างเดิมกับกู้หรูเฟิงต่างป็นสามีภรรยากัน อย่า บอกนะว่าสองคนนี้ไม่เคยพัวพันใกล้ชิดกันมาก่อน ดังนั้นพอ นางแสดงทาทีเช่นนั้นออกมา จึงทำให้เขารู้สึกขัดเขินใช่หรือ ไม่?

พอเกิดความสงสัยนี้ ก็นอนต่อไม่ลงแล้ว หญิงสาวจึงยก ขาตนเองออกจากตัวชายหนุ่ม รอเวลาผ่านไปสักพัก นางจึง ค่อย ๆลืมตาตื่นขึ้น พลางเหลือบตามองกู้หรูเฟิง จึงเห็นว่าอีก ฝ่ายยังคงแสร้งทำเป็นหลับตามเดิม

หญิงสาวล้างหน้า สีฟัน ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ครั้นแล้วจึง ไปทำอาหารมื้อเช้าต่อ

ผ่านไปไม่นาน กู้หรูเฟิงจึงลืมตาตื่นขึ้นอีกคน ขาทั้งสอง ข้างของเขายังเจ็บอยู่ พอลุกขึ้นขยับขา ความปวดร้าวก็เสียด แทงขึ้นมา ทว่ายังโชคดี ที่พอเขาใช้ไม้เท้ามาช่วยพยง ก็ทำให้12

สามารถลุกขึ้นยืนได้ คลี่คลายลงได้แล้ว

ดังนั้นปัญหาเร่งด่วนข้อที่สาม นับว่า

วันนี้หลังจากชายหนุ่มสามารถลุกขึ้นยืนใด้ ต่อมาเขาก็ ลองก้าวเดินไปสองก้าว จึงพบว่าไม่รู้สึกเจ็บมากอีกแล้ว การให้ หมอมารักษานับว่าได้ผลดีจริง ๆ ชายหนุ่มลังเลอยู่ชั่วขณะ ใน ที่สุดก็หันไปเอ่ยกับหลิ่วเจินผู้ซึ่งกำลังประกอบอาหารอยู่ “ขอบคุณนะ”

หลิ่วเจินอดยกยิ้มไม่ได้ ในที่สุดสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป

นับว่าไม่สูญเปล่า กระทั่งมือของหญิงสาวที่กำลังผัดชิ้นมันฝรั่ง ก็ดูว่องไวกระฉับกระเฉงขึ้นมาก เมื่อหญิงสาวยกอาหารมาวาง บนโต๊ะเสร็จ จึงพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก มันเป็น สิ่งที่ข้าสมควรทำ”

กู้หรูเฟิงรู้สึกสับสนกับตัวตนของหญิงสาวตรงหน้า ครา หนึ่งก็ร้ายเหลือ เปี่ยมไปด้วยเขี้ยวเล็บแหลมคนประดุจนางมาร ส่วนอีกครากลับดูเฉยเมยสงบนิ่ง ประหนึ่งน้ำนิ่งในสระ ยามนี้ เขาได้เห็นภาพพจน์ทั้งสองแบบ สลับสับเปลี่ยนไปมาไม่หยุด ต่อหน้าต่อตา ทำให้ผู้คนแยกแยะไม่ออกไปชั่วขณะ

ชัดเจนว่าร่างก็มีอยู่ร่างเดียว

แล้วไฉนถึงได้มีสองบุคลิก

เล่า?

ชาวหนุ่มพลันนึกได้ว่าเขาเคยอ่านพบในหนังสือโบราณ ซึ่งอยู่ในห้องหนังสือของตระกูล ซึ่งกล่าวว่าคนบางคนเกิดมา พร้อมกับสองบุคลิก ซึ่งถือกันว่าเป็นความเจ็บป่วยประเภทหนึ่ง
บุคลิกหนึ่งนั้นจะอ่อนโยนนุ่มนวลดังสายน้ำ ส่วนอีกหนึ่ง สามารถฆ่าคนได้ดั่งผักปลา ทั้งสองบุคลิกย่อมเปลี่ยนสลับกัน ไปมาได้ ซึ่งก็อาจเปลี่ยนคนดีให้กลายเป็นคนบ้าได้ในที่สุด

“เจ้า…บิดามารดาเจ้าเคยพาเจ้าไปให้หมอรักษาหรือไม่?”

หลิ่วเจินค่อนข้างละอายใจ รู้ดีว่าพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ แสดงออกมานี้ หาได้สืบทอดมาจากความทรงจำของเจ้าของ ร่างเดิมมากนัก ดังนั้น หญิงสาวจึงปรับสีหน้าให้นิ่งเฉย และตั้ง คำถามกับอีกฝ่าย ไฉนท่านถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า?”

กู้หรูเฟิงเงียบไปชั่วอึดใจ และเอ่ยด้วยความใคร่รู้ “เพราะ พิษพวกนั้น ซึ่งก็คือของที่เรากินกันเป็นปกติ แล้วเจ้ารู้ได้ อย่างไรว่าพวกมันไม่มีพิษ? ข้าสงสัยว่าเจ้าเคยกินพวกมันมา ก่อนหรือไม่ หรือเพราะบิดามารดาเจ้าพาเจ้าไปหาหมอ ดังนั้น เจ้าจึงไม่เป็นไร เจ้าถึงได้รู้ว่าของพวกนี้สามารถกินได้ใช่หรือ ไม่ ?

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน