เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 40

ตอนที่ 40

40.ลืมมันเสีย…

หลังได้ยินวาจาของแม่เฒ่าหนาน ชาวบ้านหลายคนก็พูดคุยกัน

หลิ่วเจินส่งสายตาให้ผู้ใหญ่บ้านกับคนอื่น ๆ เปิดปากพูด

ก่อน

“เรื่องนี้.มีรู้ลืมฉันไปเสียได้ไหม?” เขาอีกอักชั่วครู่ แล้ว กล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาช้า ๆ

ทว่าที่ตอบกลับมาคือความเงียบ เงียบงันเสียจนได้ยิน เสียงลมหนาวที่พัดอื้ออึงอยู่

“ตอนนี้นางถูกตรวจร่างกายไปแล้ว เจ้ายังต้องการอันใด อีก?” ภรรยาผู้ใหญ่บ้านโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด ทำลาย ความเงียบที่ไม่ไปไหนเสียที

หลิ่วเจินตวัดสายตาหงุดหงิดใส่สตรีผู้นี้ นับวันอีกฝ่ายก็ยิ่ง น่ารังเกียจขึ้นทุกที นางเป็นแพทย์นะ ต้องคอยดูแลตารางเวลา ชีวิตประจำวันของตนเองอย่างเข้มงวดกวดขันอยู่เสมอ แล้ว ตอนนี้เวลานี้ หากยังไม่รีบเข้านอน ตับก็ไม่อาจเข้าสู่ กระบวนการขจัดสารพิษได้! หากเป็นแบบนี้ เชื่อได้เลยว่า ร่างกายจะป่วยง่าย เจ็บออด ๆ แอด ๆ ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ จะลดต่ำลง แล้วยิ่งสภาพอากาศแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งล้มป่วยง่าย ที่สุด วู้เอาไว้เสียด้วย

ในยุคสมัยนี้ซึ่งไม่มีองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีชั้นสูงใด ๆ หากนางป่วยเป็นมะเร็งหรืออะไรขึ้นมา T:TO_BRคงไม่มีใครที่นี่คอยผ่าตัดช่วยชีวิตนางเป็นแน่ นางยังคิดจะ มีอายุยืนเป็นร้อยปีอยู่นะ !

กู้หรูเฟิงเห็นหลิ่วเจินทำหน้านี้วคิ้วขมวด ก็นึกรู้ว่าหญิงสาว ใกล้จะหมดความอดทนเต็มที่แล้ว

“ก็ไม่มากมายอันใด เพียงแค่อยากให้ป้ากระจ่างแจ้งใน เรื่องนี้ขึ้นมาสักหน่อย และก็อยากให้ดูความสามารถตัวเอง ด้วยว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากมีความฉลาดอย่างน่าเอน็จอนาถ เช่นนี้ ก็อย่าไปทำร้ายใครเลยเป็นดีที่สุด หลิ่วเจินตวัดสายตา เย็นชาไปให้เชียงเช่าและภรรยาผู้ใหญ่บ้าน

กระทั่งชาวบ้านที่อยู่รายรอบ ก็โดนหญิงสาวส่งสายตา เตือนเป็นกลาย ๆไปให้ด้วย พาให้สันหลังพวกเขาเย็นเยือกไป ถึงกระดูก

หลิ่วเจินมองว่านี่เป็นแค่การเตือนแบบนิ่มๆ มีคนอีก หลายคนที่สร้างปัญหาให้กับพวกนางด้วย หลังเหตุการณ์นี้ หญิงสาวคาดว่าคงไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเรื่องไปอีกนาน

“พูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร! เห็นเซียงเช่าดูถูกดูหมิ่น แล้วข้าจะไปช่วยลูกสาวข้าไม่ได้เลยหรือไร?” ภรรยาผู้ใหญ่ บ้านผู้ซึ่งขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของลูกสาวตัวเอง เริ่ม โวยวายอีกแล้ว

หลิ่วเจินแค่นเสียง “เป็นท่านสองคนที่หาเรื่องเรา ไม่ใช่ เราสามีภรรยาไปหาเรื่องท่าน ผู้ใหญ่บ้าน….” หลิ่วเจินพลันร้อง เรียก
“ใช่แล้ว” ผู้ใหญ่บ้านตอบกลับทันใด

“ข้าไม่ได้จะมาขอให้พวกท่านชดเชยอันใดให้เรา และ ตอนนี้เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว และครอบครัวท่านก็ใส่ร้าย ป้ายสีครอบครัวเราจริง ๆ ทั้งหมดที่ข้ากำลังจะขอคือคำขอโทษ ก็แค่นั้น” หลิ่วเจินไม่ต้องการต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อ ไป

ตอนนี้พวกเขาหาได้สูญเสียอะไร แต่สำหรับเชียงเช่า ชื่อ เสียงนางคงถูกทำลายไปมาก

ยามนี้กู้หรูเฟิงเอ่ยช้า ๆ “ข้าไม่รู้ว่าไปทำอันใดให้พวก ท่านขุ่นเคือง ถึงได้ใช้วิธีเช่นนี้ทำร้ายข้า หากเซียงเช่าถูกขึ้นใจ จนเสียความบริสุทธิ์จริง ถึงข้าจะหาหลักฐานมาเท่าไร ก็คงไม่ อาจล้างมนทินได้หมดจด ซ้ำยิ่งทำให้อาเงินเสียใจอีก ทว่า ข้า…กู้หรูเฟิงเกิดมาเพื่อแต่งอาเจินเป็นคู่ชีวิต และให้ความ สำคัญกับเรื่องนี้อย่างที่สุด ต่อให้เชียงเช่าไม่มีความบริสุทธิ์ แล้วจริง ๆ ข้า..กู้หรูเฟิงจะไม่ยอมรับ จะไม่ยอมทำให้อาเจิน เสียใจเพราะเรื่องนี้เด็ดขาด”

ผู้คนที่อยู่รายรอบไม่เชื่อคำกล่าวนี้ เพราะทุกคนรู้ว่ากู้หรู เฟิงและหลิ่วเจินต่างมีเรื่องระหองระแหงกันตลอด แล้วทำไมวัน นี้พวกเขาช่างกลมเกลียวกันดีนักเล่า? น่าแปลกแท้ ๆ!

กู้หรูเฟิงเข้ามายืนข้างๆ หลิ่วเจิน แล้วเป็นฝ่ายจับมือนาง ครั้นแล้วก็พูดต่อ “หากอาเจินขอเช่นนั้น ข้าก็เอาตามอาเจินว่า” น้ำเสียงของชายหนุ่มเปี่ยมด้วยความรักใคร่เอ็นดู
ทุก ๆคนสงสัยว่ากู้หรูเฟิงป่วยหรือไม่?

เชียงเช่าเห็นกู้หรูเฟิงจับมือหลิ่วเจิน ก็กัดฟันกรอด ทว่า นางยังรู้จักอดกลั้นอยู่บ้าง เพราะตอนนี้ชาวบ้านที่อยู่รายรอบ มองพวกนางด้วยความรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ได้ ๆ ๆ ข้าให้คำมั่นเจ้า เอาไว้กำหนดวันได้ เราจะมา ขอโทษเจ้าถึงบ้านด้วยตนเอง ผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้น

กู้หรูเฟิงดึงตัวหลิ่วเจินหันหลังเดินจากไป

ชาวบ้านที่อยู่รายรอบเมื่อเห็นนักแสดงจากไปแยกย้ายกลับไปบ้านใครบ้านมัน

ในท้ายสุดหลิ่วเจินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ใหญ่และ ครอบครัวบ้าง แต่หลังจากนางและกู้หรูเฟิงกลับเข้าบ้านแล้ว หญิงสาวก็จ้องมองกู้หรูเฟิงอยู่เป็นนาน และในที่สุดก็หลุดคำ พูดออกมาสองสาม

ปล่อยมือ ล้างหน้า เข้านอน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท