เสียงประกาศเตือนภัยดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
มู่ไทยิงที่ยังไม่หายตกใจแต่เมื่อเธอได้เห็นต้าซื่อเธอก็รู้ทันทีว่าคนที่มาช่วยเธอเป็นใคร เธอไม่รู้ว่าควรจะถามเกาเผิงเรื่องดัมมี่ดีมั้ย แต่เลือกที่จะไม่ถาม เธอรีบไปขอบคุณเกาเผิงทันทีที่เขาออกมาจากป่า
“ขอบคุณนายมากๆ ที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ฉันเป็นหนี้นายซะแล้ว”
สักพักดวงตาของเธอเริ่มร้อนผ่าว ถ้าเกาเผิงไม่มาช่วยเธอได้ทันเวลา เธอคงกลายเป็นซากแทนเจ้าไส้เดือนนั่น
ถึงสัตว์อสูรจะแข็งแกร่งปานใดแต่เจ้าของใช่ว่าเจ้าของจะแข็งแกร่งตาม
หากเจ้าของตาย พวกมันก็คงไม่ต่างกัน
“พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่น่า ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากขนาดนั้นก็ได้” เกาเผิงพูดพลางพยักหน้า “พวกเราเดินทางด้วยกันเถอะ ระหว่างทางฉันเจอไส้เดือนพวกนี้ระหว่างทางด้วย ฉันเกรงว่าเธอจะไม่ปลอดภัย หากต้องเดินทางคนเดียว”
มู่ไทยิงมองเกาเผิงที่สายตาเต็มไปด้วยคำขอบคุณ “เออ เพิ่มอีก 2คนได้มั้ย พวกเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันน่ะ พวกเธอค่อนข้างเก่งและเชื่อ..”
“เอาสิ” เกาเผิงตอบรับ “เธอควรเรียกพวกเธอให้มารวมกลุ่มกับพวกเราเดี๋ยวนี้เลย เพราะในหุบเขาตอนนี้อันตรายมาก”
เมื่อสองสาว มู่ชิงหลวนกับมู่ชิงเหยียนมาถึง พวกเธอก็มองเกาเผิงด้วยความสงสัย
แต่แล้วพวกเธอก็เบนความสนใจไปที่ดัมมี่ มู่ชิงเหยียนเห็นโครงกระดูกสีเงินที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ
“นี่มันเป็นโครงกระดูกใช่มั้ย” มู่ชิงเหยียนถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว” เกาเผิงกำลังหาวิธีออกจากหุบเขาแห่งนี้ เขาเลยตอบกลับอย่างเรียบๆ
“อ่ะ ค่ะๆ” มู่ชิงเหยียนสังเกตเห็นว่าเกาเผิงไม่อยากตอบ ดังนั้นเธอจึงไม่รบกวนเขา เธอหันกลับไปมองดัมมี่
…….
“การฝึกภาคสนามจะถูกระงับไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าทางเราจะทำการกวาดล้างเสร็จ หากพวกเราดำเนินเสร็จแล้ว เราจะแจ้งให้ทราบภายหลัง เอาล่ะแยกย้าย” หัวหน้าผู้ฝึกสอนเฉินกล่าวด้วยใบหน้านิ่งๆ เขาพูดสั้นๆกระชับราวกับไม่ต้องการเปิดเผยเนื้อหาภายในมากนัก
ในรถบัส เกาเผิงนั่งมองข้างนอกหน้าต่าง พลางคิดเรื่องราวต่างๆที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
นี่คือโลกหลังมหาภัยพิบัติ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอย่างแน่นอน เขาจำได้ว่า เมื่อเดือนที่แล้ว ในฐานทัพของแอฟริกา ที่นั่นได้ถูกกองทัพสัตว์อสูรที่บ้าคลั่งบุกเข้าโจมตีจนค่ายแตกไปเลย จากการตรวจสอบพบว่า มีคนจับลูกของสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์มา ทำให้สร้างความโกรธแค้นให้สัตว์อสูรตัวนั้น มันจึงนำกองทัพสัตว์อสูรบุกโจมตีฐานทัพ
หลังจากที่มันได้ลูกของมันกลับไป พวกมันจึงล่าถอยออกจากฐานทัพ
ภายในฐานทัพสิ่งก่อสร้างได้ถูกทำลายแทบทั้งหมด มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน
แต่เนื่องมันอยู่ห่างจากภูมิภาคหัวเซียทำให้คนทั่วไปไม่ค่อยใส่ใจกับข่าวนี้เท่าไหร่นัก
“ฉันต้องขอบคุณคุณจริงๆที่ช่วยพวกเราในวันนี้” มู่ชิงหลวนกล่าวขอบคุณเกาเผิงอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร ใครๆก็ทำเรื่องอย่างนี้หากพวกเขามีพลังที่เพียงพอจะทำมัน” เกาเผิงส่ายหน้าราวกับไม่ใส่ใจในเรื่องนี้
หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง 4ก็พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันในรถ
เกาเผิงหันไปด้านหลังก็สะดุ้งตกใจที่มีชายที่ตัดผมทรงครูว์คัตและใสต่างหูที่นั่งอยู่ข้างหลังเขา เขาโน้มหน้ามาใกล้ๆเกาเผิง ใกล้มากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา
ชายคนนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มจางๆว่า “ฉันจำได้ว่าเราได้นั่งใกล้ๆเมื่อก่อนหน้านี้ใช่มั้ย ต้องเป็นโชคชะตาแน่ๆเลย”
เกาเผิงจำเขาได้ทันทีเขาเป็นหนึ่งในคนที่เขาขังไว้ในเซฟเฮ้าส์
“ใช่ ต้องเพราะโชคชะตาแน่ๆ” เกาเผิงพยักหน้า
“แต่ฉันรู้สึกเคยพบนายมาก่อนหน้านี้นะ” ชายหนุ่มพูด
“ก็ใช่น่ะสิ พวกเราเคยพบกันมาแล้ว แต่พวกเราคุยผ่านกำแพงเท่านั้น” ริมฝีปากของเกาเผิงยกขึ้นทันที เกาเผิงรู้ว่าคนพวกนี้คงจำเสียงของเขาได้แล้ว แทนที่จะเขาตั้งรับ สู้บุกไปตรงๆดีกว่า
เกาเผิงไม่จำเป็นต้องกลัวเด็กพวกนี้ เพราะรถบัสทุกคันมีหมาป่าจันทราสีเงินคอยดูแลอย่างทั่วถึง ดังนั้นพวกนี้คงไม่กล้าทำอะไร แต่หากลงจากรถบัสไปล่ะ ก็คงไม่รู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ชายหนุ่มคนนั้นก็ประหลาดใจทันที เขาไม่คิดว่าเกาเผิงจะยอมรับอย่างง่ายดายขนาดนี้
“ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำอะไรไว้ก็ควรยอมรับผลที่ตามมาด้วยนะ” เกาเผิงกล่าวเยาะเย้ย ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้อีกต่อไป
มือของชายหนุ่มจิกเบาะแน่น เขาพูดด้วยความโกรธ “ในที่สุดกูก็ได้เจอมึง”
“นายกำลังพ่นคำอะไรออกมาน่ะ” มู่ไทยิงขมวดคิ้วและลุกยืนขึ้น ด้วยความสูงถึง 2เมตรและแขนที่กำยำของเธอ เธอมองชายคนนั้นด้วยสายตาที่รังเกียจ “หุบปากเน่าๆของนายซะ จะบอกให้นายรู้ไว้นะ ฉันก็อยู่ที่นั่นในวันนั้นเหมือนกัน นายคงไม่อยากเจอปัญหาที่ตามมาใช่มั้ย?” มู่ไท่ยิงกล่าวอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มทรงผมครูว์คัตตกตะลึง ถึงมู่ไท่ยิองจ้เป็นผู้หญิงแต่เธอก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งและน่ากลัว
เขาไม่รู้ว่ามู่ไทยิงก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาจะเปิดปากจากโต้ตอบแต่ก็หยุดทำ สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไร
มู่ไทยิงในตอนนี้เหมือนภูผาที่มองเขาจากที่สูง
เขาหน้าซีดไม่กล้าทำอะไรเพราะเขาอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่ได้อยู่กับเพื่อนของเขาเลยทำตัวกร่างไม่ได้
เขาหัวเราะแห้งและกลับไปนั่งลง
มูไทยิงก็กลับไปนั่งลงเมื่อได้เห็นเจ้าไก่อ่อนเดินออกไป
เกาเผิงอดมองมู่ไท่ยิงอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่คิดว่ามู่ไท่ยิงที่ดูสงบและเรียบร้อยจะแสดงด้านที่แข็งแกร่งและองอาจได้มากถึงขนาดนี้
ชายทรงผมครูว์คัตมีสีหน้าไม่พอใจ เขาทำได้แต่จ้องมองเกาเผิงอย่างโมโห
…..
หลังจากลงจากรถบัสทั้ง 4ก็พูดคุยอย่างสนุกสนานก่อนจะโบกมือลา แยกย้ายเดินกลับบ้าน
เกาเผิงเดินทางกลับคนเดียว
ทันทีที่เกาเผิงเดินมาถึงทางแยก ก็มีคน 2คนมาดักหน้าเขา และอีก 2คนมาดักหลังเขา เกาเผิงจำหนึ่งใน 4คนนี้ได้ เป็นชายทรงผมครูว์คัตที่เพิ่งเจอกันบนรถบัส
และพวกเขาก็มีพร้อมกับสัตว์อสูรอีก 4ตัว
ชายทรงผมครูว์คัตหัวเราะเยาะ “แกคงไม่คิดใช่มั้ย ว่าพวกเราจะดักรอแกในระหว่างทางกลับบ้านแบบนี้”
เกาเผิงหรี่ตามองพวกสัตว์อสูรที่พวกนำมา ทั้ง 4ตัว ไม่มีตัวไหนมีเลเวลเกิน 10เลย
เกาเผิงไม่คิดว่าพวกเขาจะโง่ได้ขนาดนี้
‘เอาสัตว์อสูรที่ยังไม่ถึงชนชั้นขุนนางมาดักตบเนี่ยนะ แค่ต้าซื่อตัวเดียวก็เอาอยู่แล้ว’ เกาเผิงหัวเราะอยู่ในใจ
เกาเผิงก้มลงไปลูบหัวของต้าซื่อ ‘รออีกหน่อยนะ เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว