เด็กหนุ่มหันไปมองตากล้อง พวกเขาก็ยังถ่ายภาพเขาอยู่ไม่ไปไหน
‘ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น พวกต้องเข้าใจผิดแน่ๆ’
ตอนนี้เขารู้สึกเศร้ามากและลมหนาวที่พัดผ่านทำให้เขาจามออก น้ำมูกไหลเป็นทางแต่เขาไม่กล้าเช็ดเพราะหากปล่อยมืออาจหลุดออกจากแร้งได้
เขาจึงเอาหน้าซุกลงตรงขนของแร้งภูเขาไฟและเช็ดมันแทน
‘เฮ้อ มันจบสิ้นแล้ว ต่อไปคงจะมีแต่คนล้อฉันเรื่องนี้ยันลูกบวชแน่ๆ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนหรือมีชื่อเสียงมากแค่ไหนก็ตามในอนาคต’
…..
ดัมมี่วิ่งผ่านบ้าคลั่ง มันทั้งวิ่งทั้งปืนป่ายไปมาบนต้นไม้ด้วยความเร็วสูง
เกาเผิงรู้สึกขอบคุณทักษะลับ เคลื่อนดารา เป็นอย่างมาก ด้วยความเร็วแบบนี้เขาต้องถูกกิ่งบาดได้แผลลึกอย่างแน่นอน
ถึงทักษะนี้จะไม่เลิศเลออะไรมากนัก แต่ก็สามารถประยุกต์ได้ในหลากหลายสถานการณ์
“เฮ้ แกช้าลงหน่อยได้มั้ย” มีเสียงที่ดังมาจากด้านขวาของเกาเผิง เกาเผิงได้หันไปมองจึงเห็นชายคนหนึ่งที่ขี่สัตว์อสูรอยู่
“แกไม่จำเป็นต้องไปเร็วขนาดนี้ก็ได้ มันไม่มีรางวัลให้คนไปเป็นคนแรกซะหน่อย”
เสียงนั้นได้ไล่หลังเกาเผิงมาเรื่อยๆ เขาเห็นเป็นชายคนนั้นที่กำลังขี่หมูสีเงินขนาดใหญ่
เป็นหมูที่มีจมูกยาวเล็กน้อยดูคล้ายกับหมูป่า มันมีขนสั้นๆที่มีประกายสีเงินจางๆ ประกายวิบวับราวแสงดาวที่ส่องมา
[ชื่อสัตว์อสูร] หมูขาวเจิดจรัส
[เลเวล] 25 (ชนชั้นนักรบ)
[ระดับ] สมบูรณ์
[ลักษณะพิเศษ] เดชดารา (เอฟเฟ็คที่ 1: รูปแบบแสดงผล ดูดซับพลังงานของดวงดาวเพื่อสร้างเกราะดาราขึ้นมา สามารถเปิดใช้เกราะได้ไม่จำกัด แต่การดูดซับพลังงานดวงดาวยังทำได้ไม่มากนักเนื่องด้วยเลเวลของมันไม่สูงมากนัก ทำให้ปัจจุบันมันสามารถดูดซับพลังดวงดาวได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น กล่าวคือหากเป็นตอนกลางคืนเจ้าตัวนี้สามารถเปิดใช้เกราะได้ตลอดเวลา
เอฟเฟ็คที่ 2: รูปแบบแสดงผล เมื่อเปิดใช้งานเกราะดารา ความเร็วของหมูขาวเจิดจรัสจะเพิ่มขึ้น)
[สถานะ] สุขภาพดี (รังเกียจ)
หลังจากที่หมูขาวเจิดจรัสได้ชะลอลง เกาเผิงจึงได้เห็นเด็กหนุ่มที่นอนเหยียดบนหลังหมูได้อย่างชัดเจน ส่วนเด็กหนุ่มก็ได้เห็นเกาเผิงเช่นกัน ทั้งสองได้สบตากัน
เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่มีสัตว์อสูรเร็วพอๆกับหมูขาวเจิดจรัสของเขาและเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าเกาเผิงต้อแงได้ยินเรื่องที่เขาพูดกับเจ้าหมูตัวนี้แน่ๆ เขารู้สึกอายขึ้นมาหน่อยๆแล้ว
เกาเผิงยิ้มให้เด็กหนุ่มเบาๆ เขาคิดว่าตัวเขาที่ได้ฉายาจากทางทีวีว่า ‘เด็กชายขี่แมงมุม’ นั้น ด้วยคำอ่านของคำว่าแมงมุมกับหมู(ในภาษาจีน)ออกเสียงคล้ายกัน ทำให้บางครั้งเขาก็ถูกเรียกว่า ‘เด็กชายขี่หมู’
ในที่สุดเกาเผิงก็ได้พบกับ ‘เด็กชายขี่หมู’ ตัวจริงเสียงจริงเสียที ทำให้เขาสลัดฉายาที่ไม่พึงประสงค์นี้ไปได้ซะที เกาเผิงมองไปที่เย่ฮานด้วยสาวตาที่อ่อนโยน
เกาเผิงยกนิ้วมาให้กับเย่ฮานและพูดว่า “ทำได้ดีมาก”
จากนั้นเกาเผิงก็ลูกศีรษะของดัมมี่ ให้มันเร่งความเร็วมากขึ้นไปอีก เย่ฮานจึงมองพวกเขาจากไปอย่างงงๆ
‘ทำได้ดีงั้นเหรอหรือเขาจะอวยพรให้ฉันกันนะ สงสัยผู้ชายคนนี้จะไม่ค่อยเต็มเต็งนะที่จู่ๆมาอวยพรแบบนี้’
ด้วยการปรากฏตัวของสัตว์อสูรชนชั้นนักรบจำนวนมากที่ป่าบริเวณรอบนอกก่อนจะถึงภูเขาดายัง โดยป่ารอบๆนี้มีสัตว์อสรเลเวลต่ำๆอาศัยอยู่ ออร่าของพวกสัตว์อสูรของผู้เข้าสอบมันแข็งแกร่งมากทำให้สัตว์อสูรในป่ารอบนอกนั้นต้องสั่นด้วยความหวาดกลัว หนีตายกันอย่างเจ้าละหวั่น
….
“ใกล้จะถึงสถานที่สอบรอบที่สองแล้ว ไปถ่ายภาพที่นั่นกันเถอะ” ตากล้องบนเฮลคอปเตอร์กล่าว
“ตกลง”
‘ในที่สุดพวกเขาก็ไปซะที’ เด็กหนุ่มบนแร้งภูเขาไฟ ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่พวกเขาไปถ่ายอย่างอื่นซะที
ตากล้องถ่ายไปมีกลุ่มสัตว์อสูร 3ตัวที่กำลังนำหน้าขบวนอยู่ในขณะนี้ พวกมันมีความเร็วที่สูสีมากจึงบอกไม่ได้ว่าใครเป็นผู้นำ
ร่างแรกเป็นเสือชีต้าห์วิ่งผ่านป่าอย่างรวดเร็ว ร่างกายของมันมีสีทองแวววาวระยิบระยับและด้านของมันที่ผู้ฝึกสัตว์อสูณนั่งอยู๋
ส่วนที่ตามาติดๆเป็นสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายมนุษย์ร่างยักษ์ที่วิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ ทุกๆย่างก้าวของมันเต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทันใดนั้นสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายมนุษย์ก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศจับกิ่งและเหวี่ยงไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
*ตูม*
มันลงจอดอย่างสวยงาม สายลมพัดผ่ายร่างของมันเผยให้เห็นโครงกระดูกที่อยู่ใต้เสื้อคลุม ที่คอของมันมีเด็กหนุ่มขี่คออยู่
“เฮ้ ทำไมสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายมนุษย์ถึงมีหัวสีเขียวล่ะ” หนึ่งในตากล้องได้พูดขึ้นมา
สีของเขียวมันแสบตา แม้แต่ตากล้องที่อยู่ไกลก็เห็นันได้อย่างชัดเจน ยิ่งเอาแสงไฟไปส่องก็ยิ่งทำให้สีเขียวของมันสว่างและแสบตามากขึ้นไปอีก
“นั่นใช่หมวกของมันรึเปล่า” ตากล้องสงสัย เขาซูมไปที่ศีรษะของดัมมี่ใกล้ๆ
ดัมมี่ยืนอย่างภาคภูมิใจ มันส่งเสียงฮึดฮัดอย่างที่มันได้เป็นผู้ชนะ
ที่ด้านหลังก็มีหมูสีเงินตามมาติด มันวิ่งอย่างเต็มกำลังแต่สุดท้ายก็แพ้ดัมมี่อยู่ดี
มันจ้องดัมมี่ด้วยความโมโห ก่อนจะเหวี่ยงเจ้านายออกมาจากหลังของมัน ก่อนที่มันจะเริ่มบ่นเย่ฮานเป็นชุดๆ
หมูขาวเจิดจรัสอารมณ์เสียที่ตัวเองแพ้แต่ไม่รู้จะลงที่ใคร เลยลงมันกับเจ้านายของมันแทน ใบหน้าของเย่ฮานเต็มไปด้วยน้ำลายของเจ้าหมู
เกาเผิงที่ลงมาจากดัมมี่ เขาได้มองพวกเขาอย่างทึ่งๆ นี่เป้นครั้งแรกที่เขาเห็นอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่สัตว์อสูรจะเชื่อฟังเจ้านายของมันเป็นอย่างดี แต่บางครั้งหากเจ้าของมีบุคลิกที่อ่อนแอจนเกินไป จะทำให้สัตว์อสูรแสดงอากัปกิริยาแบบนี้
สักพักผู้เข้าสอบก็เริ่มทยอยมาถึงที่หมาย สตีปี้ที่ตามมา พอมันเจอเกาเผิงมันเลยวิ่งไปหาเขาและคลอเคลียด้วยความคิดถึง
ผู้ที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายก็คืออสูรหินเครือลดา มันผ่านป่ามาช้าๆ เนื่องจากต้องปัดพวกกิ่งไม้เพื่อไม่ให้พวกมันโดนและทำให้เจ้านายของมันได้รับบาดเจ็บ
“ที่นี่คือทางเข้าไปยังภูเขาดายัง” มีเสียงประกาศจากเฮลิคอปเตอร์ “ทางเราได้วางเป้ไว้ตรงทางเข้า ข้างในจะมีเสบียง น้ำและอาหารอยู่จำนวนหนึ่งแต่ละคนหยิบเป้ไปได้คนละ 1อันเท่านั้น”
“พวกคุณหลายคนได้มีประสบการณ์การเอาตัวรอดจากป่ามาแล้ว ด้วยประสบการณ์เหล่านั้นจะทำให้คุณรอดไปได้ ดังนั้นยิ่งพวกคุณรอดชีวิตอยู่ที่นี่ได้นานเท่าไหร่ พวกคุณก็จะได้คะแนนมากขึ้นเท่านั้น ขอให้โชคดี เข้าไปข้างในได้เลย”