ตอนที่ 16 วังใต้ดินเหลยเฟิง
ในฐานะที่เป็นชายอกสามศอก การจ้องมองจุดด้อยของผู้หญิงถือเป็นพฤติกรรมที่เสียมารยาทมากอยู่แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงที่รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบด้านเหตุผลก็ย่อมไม่มองนางกลับด้วยสายตา ‘มองทำแป๊ะอะไร’ อยู่แล้ว เพียงเก็บสายตากลับมาแต่โดยดี ไม่มองนางอีก
นี่ไม่เรียกว่ากลัว แต่เรียกว่าสุภาพบุรุษ!
พี่สาวคนนั้นก็ดูเหมือนจะไม่อยากหาคำตอบกับความไร้สาระของเยี่ยเว่ยหมิงต่อ นางลุกขึ้นจากพื้น และเดินหน้าไปยังป่าที่ห่างจากเจดีย์เหลยเฟิงไม่ไกลนัก
ยังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงโล่งใจ กลับเห็นพี่สาวคนนั้นเดินวนชายป่ารอบหนึ่งแล้วกลับมา เพียงแต่ในมือมีกิ่งไม้และหญ้าแห้งกองใหญ่เพิ่มขึ้นมาด้วย
จากนั้น หางตาของเยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังเฝ้าสังเกตก็พบทันทีว่า พี่สาวคนนี้เดินกลับไปยังหน้าประตูใหญ่ของเจดีย์เหลยเฟิง จากนั้นก่อกองไฟขึ้นบนพื้นกองหนึ่ง ต่อด้วยหยิบไก่เนื้อขาวที่ถอนขนออกหมดแล้วและเสียบไม้ทั้งตัวออกมา ดูจากท่าทางแล้ว นางคงตัดสินใจจะทำปิ้งย่างกลางแจ้งที่นี่ กินเสร็จแล้วค่อยไปต่อ!
ท่าทางคล่องแคล่วของพี่สาวคนนี้ ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงมองจนรู้สึกสงสัยอยู่พักหนึ่ง
หลังจากอดทนมาทั้งคืน เยี่ยเว่ยหมิงที่รู้สึกท้องว่างเช่นกันก็ตัดสินใจว่าจะไม่เสียเวลากับนางต่อไปแล้ว
ถึงจะสู้ไม่ไหว แต่ฉันจะหลบไม่ไหวเชียวเหรอ?
เยี่ยเว่ยหมิงลุกขึ้นจากพื้น ใช่ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกพุ่งไปยังฝั่งทะเลสาบซีหูตลอดทาง เขาใช้น้ำในทะเลสาบล้างหน้าก่อน ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั้งตัวทันที จากนั้นหยิบหมั่นโถวในกระเป๋าสะพายหลังขึ้นมากินหมดสามลูกในอึดใจเดียว ตามด้วยกระดกสุราสยงหวงย้อมใจอีกขวด
ส่วนสาเหตุว่าทำไมต้องล้างมือก่อนแล้วค่อยกินหมั่นโถวน่ะหรือ
อย่าลืมว่าคืนนี้เขาต้องทักทายศพอยู่ตลอด แม้ในเกมจะไม่ถึงขนาดว่ามีเชื้อโรคเชื้อไวรัสอะไร แต่ถ้าไปจับหมั่นโถวกินโดยไม่ล้างสักหน่อย มันก็จะน่าขยะแขยงเกินไปนะ
เมื่อเติมท้องด้วยอาหารที่สุดแสนจะเรียบง่ายจนอิ่มแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เรียกพลั่วออกมาและเริ่มขุดหลุมตรงริมทะเลสาบ
นี่คือผลพลอยได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสกิลเวทบรรจุศพ สำหรับศพที่เก็บมา มีวิธีจัดการเพียงสองอย่างเท่านั้น
หนึ่งคือส่งให้ห้องชันสูตรจัดการ แต่อีกฝ่ายก็คงจะไม่รับไปหมดเสียทุกศพ จะต้องเป็นศพที่เป็นหลักฐานหรือเบาะแสก่อนคลี่คลายคดีได้เท่านั้นถึงจะรับไว้
ไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะต้องขุดหลุมฝังแล้ว
หากโยนทิ้งมั่วซั่ว จะโดนหักค่าวีรบุรุษ!
ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ฝังกลบศพทั้งหมดจนเสร็จ เขาคาดคะเนว่าพี่สาวคนนั้นน่าจะกินไก่เสร็จและจากไปแล้ว ถึงได้ย้อนกลับมาที่ด้านนอกของเจดีย์เหลยเฟิง และเห็นเพียงกองไฟที่ดับมอดไปแล้วกองหนึ่งเท่านั้น
พี่สาวคนนั้นไปแล้วจริงๆ ด้วย
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความยุ่งยากโดยไม่จำเป็น เยี่ยเว่ยหมิงเดินอ้อมเจดีย์เหลยเฟิงอีกรอบหนึ่ง เมื่อไม่พบว่ามีผู้เล่นคนอื่นอยู่อีก จึงได้ก้าวเข้าไปในตัวหอ ตามวิธีที่ผู้เฒ่าหลี่เขียนไว้ ให้บิดศิลาลายมังกรรูปครึ่งวงกลมบนกำแพงด้านซ้าย
ได้ยินเสียง กึก! ดังขึ้นเบาๆ อิฐบนพื้นกลางของหอสมบัติดีดขึ้นมาสองก้อน ปรากฏเป็นบันไดเหล็กลึกลงไปเป็นแนวยาว
ไต่บันไดลงไปเพื่อเข้าสู่วังใต้ดิน พบว่าทางเดินกลางวังใต้ดินนั้นกว้างมากทีเดียว คงจะให้คนเดินพร้อมกันสองคนได้ ด้านบนของกำแพงทั้งสี่ด้าน ล้วนแต่งแต้มด้วยกองถ่านติดไฟหลายกอง ส่องให้โลกใต้ดินนี้สว่างไสว
เยี่ยเว่ยหมิงบิดศิลาลายมังกรที่เหมือนกับด้านบนแต่อยู่ทางขวามืออีกครั้ง เพดานด้านบนก็ปิดลงอีกครั้ง
เดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเลี้ยวผ่านทางโค้งหนึ่งก็พบว่า บนพื้นมีศพนอนอยู่สองร่าง และเป็นศพของโจรลุ่มน้ำซีหูข้างนอกที่ก่อนหน้านี้พเนจรไปทั่วสารทิศ
ในวังใต้ดินที่เจดีย์เหลยเฟิงนี้ ยังมีอาณาเขตที่โจรลุ่มน้ำซีหูยึดครองไว้ด้วยหรือ?
จดหมายที่ผู้เฒ่าหลี่ทิ้งไว้ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้
แม้ในใจจะยังสงสัย แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในเมื่อที่เขาเห็นคือโจรลุ่มน้ำซีหูที่ตายไปแล้ว อีกทั้งศพก็ยังอุ่นอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงหาข้อสรุปได้ไม่ยาก นั่นก็คือเขาไม่ใช่ผู้เล่นคนแรกที่เข้ามาในนี้ ตอนนี้มีผู้เล่นคนอื่นที่มาถึงวังใต้ดินก่อนเขา!
หรือว่าเบาะแสที่ผู้เฒ่าหลี่ทิ้งไว้จะไม่ได้มีอยู่แค่ในมือฉันคนเดียว?
ขณะกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น เยี่ยเว่ยหมิงเดินผ่านทางแยกสองทางและพบว่าศพโจรลุ่มน้ำบนพื้นมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ทำให้เขากังวลยิ่งขึ้นคือ คนที่มาถึงก่อนคนนั้นดูเหมือนจะคุ้นเคยกับพื้นที่ในวังใต้ดินนี้อย่างมาก เส้นทางที่อีกฝ่ายเลือกเดินล้วนเป็นทางที่เดินลึกเข้าไปในวังใต้ดินพอดิบพอดี แม้บนทางแยกอื่นน่ามีโจรลุ่มน้ำเร่ร่อนอยู่ แต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆ ของการต่อสู้เลย
เมื่อเห็นว่าสมบัติของตัวเองกำลังจะถูกคนอื่นพบก่อน เยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังร้อนใจก็ใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกโดยไม่รู้ตัว ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นทวีคูณโดยฉับพลัน กระทั่งผ่านทางแยกสองทางอีกครั้งต่อเนื่องกัน เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
ด้านหน้าเป็นทางสามแยก ในแผนที่ของผู้เฒ่าหลี่ ระบุไว้ว่าตำแหน่งของสมบัติอยู่ทางด้านขวาของวังใต้ดิน ส่วนโจรลุ่มน้ำที่อยู่บนทางด้านซ้ายนั้นได้กลายเป็นศพไปหมดแล้ว
หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า เริ่มตั้งแต่ตรงทางแยกนั้น ทิศทางที่อีกฝ่ายมุ่งไป ท้ายที่สุดแล้วเป็นคนละทางกับจุดมุ่งหมายของฉันเหรอ?
แยกกันไปได้ก็ดี!
นายก็ยุ่งเรื่องของนาย ฉันก็ค้นหาสมบัติของฉัน ทุกคนไม่ต้องมารบกวนกันและกัน แบบนี้ปรองดองดีออก?
เยี่ยเว่ยหมิงชักกระบี่ยาวออกมา เตรียมจะเบิกทางที่นำไปสู่จุดหมายปลายทางของตัวเอง แต่ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบและวุ่นวายดังมาจากด้านซ้าย ตอนอยู่ในทางปิดตายเช่นนี้ก็ยิ่งได้ยินชัดเจน จากนั้นก็เห็นหญิงสาวผมสั้นเสมอหูผู้หนึ่งในชุดจิ้นจวงสีดำ นางกำลังทั้งสู้ทั้งถอย ไม่ใช่ใครที่ไหน นางคือแม่สาวรอยมีดกรีดที่ได้เจอกันนอกเจดีย์คนนั้นนั่นเอง
ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงยังสงสัยอยู่เลยว่าหลังจากที่โจรลุ่มน้ำหายไปแล้ว ทำไมพี่สาวคนนี้ยังเอาแต่ยึกยักอยู่นั่น ไม่ยอมไปไหนเสียที ที่แท้เป้าหมายของนางก็คงเป็นวังใต้ดินเช่นกัน
แต่ในตอนนี้ สีหน้าของพี่สาวไม่สู้ดีนัก ดูเหมือนจะเริ่มเขียวขึ้นนิดๆ เห็นได้ชัดเลยว่าถูกพิษเข้าให้แล้ว ด้านหลังของนางยังมีโจรลุ่มน้ำที่คอยแกว่งไกวดาบไล่ตามฆ่าอยู่อีกเป็นสิบคน
เดิมที ผู้เล่นที่เคยเรียนท่าร่างมาแล้ว หากต้องการสลัดการไล่ล่าของมอนสเตอร์ตัวเล็กทั่วไปพวกนี้ก็กล่าวได้ว่าง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ ยิ่งเป็นผู้เล่นที่เชี่ยวชาญอาวุธลับอย่างสาวรอยมีดกรีด ก็ยิ่งโจมตีได้สบายๆ แต่คาดว่าเป็นเพราะตอนนี้นางถูกพิษ ย่างก้าวอ่อนแรงลงอย่างชัดเจน ความเร็วก็ถูกดึงลงจนอยู่ในระดับที่ไม่ต่างจากโจรลุ่มน้ำที่ไล่ฆ่านางเท่าไรนัก ดูอย่างไรก็สลัดพวกที่วิ่งตามมาไม่หลุด
เมื่อเห็นเงาร่างของเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏอยู่ตรงหน้า สาวรอยมีดกรีดก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่นางในตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะมาห่วงเรื่องนี้ สาวเท้าไม่หยุดจนผ่านเยี่ยเว่ยหมิงไป แต่เหล่าโจรลุ่มน้ำที่ไล่ตามนางมาติดๆ ได้โจมตีเข้ามาใกล้ตรงหน้าของเยี่ยเวยหมิงแล้ว
พอเห็นว่าเหล่าโจรลุ่มน้ำมาถึงข้างกายตัวเองที่ไร้การป้องกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็ไหวตัวตวัดกระบี่ในมือออกไป แทงทะลุลำคอของคนที่วิ่งอยู่ด้านหน้าสุดเสียเลย
-286!
ตัวเลขคริติคอลตัวใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของโจรลุ่มน้ำ ปลิดชีพในพริบตา!
การลงมือของเยี่ยเว่ยหมิงครั้งนี้ ราวกับเป็นการโยนหินลงในทะเลสาบ เพียงครู่เดียวเกิดระลอกคลื่นนับพัน สิ่งที่ตามมาติดๆ ก็คือความแค้นของโจรลุ่มน้ำเหล่านั้นถูกกระบี่เล่มนี้ดึงดูดเข้ามาหาตัวเขาแล้ว พวกโจรจึงเริ่มพร้อมใจกันโบกดาบโจมตีมาที่เขา
สำหรับพวกคนเถื่อนที่พลังยุทธ์แทบจะเป็นศูนย์พวกนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเองไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด โดยเฉพาะบนทางเดินแคบแบบนี้ ความได้เปรียบด้านจำนวนคนแสดงประโยชน์ไม่ได้เลย บวกกับโจรที่ไล่ตามเหล่านี้ถูกแม่สาวรอยมีดกรีดโจมตีไปแล้วตั้งนานสองนาน ค่าพลังชีวิตไม่เต็มหลอด ดังนั้น ด้วยการโจมตีอันทรงอานุภาพของเยี่ยเว่ยหมิง ใช้แรงเพียงครู่เดียวเดี๋ยวมอนสเตอร์พวกนี้ก็กลายมาเป็นค่าประสบการณ์ของเขาหมดแล้ว
ขณะเก็บของที่โจรลุ่มน้ำดรอปไว้ทีละอย่าง เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่า โจรลุ่มน้ำในวังใต้ดินนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่าประสบการณ์หรืออัตราการดรอปไอเทม ล้วนแต่ให้สูงกว่าด้านนอกอยู่ไม่น้อย นับว่าเป็นที่ที่เหมาะสำหรับฝึกระดับที่หนึ่งเลยทีเดียว
พอหันหลับมา เยี่ยเว่ยหมิงพบว่าสาวรอยมีดกรีดไม่ได้เดินไปไหนไกล แต่นั่งอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังของเขานัก หลังหยิบยาใส่ปากไปเม็ดหนึ่ง ก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น แล้วเริ่มปรับลมหายใจอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ตรงนั้น
“ข้าว่า…” เยี่ยเว่ยหมิงพูดติดตลกว่า “ตำแหน่งของวังใต้ดินนี้ลึกลับมาก เจ้าไม่กลัวข้าจะครอบครองของดีเอาไว้เพียงผู้เดียว ฉวยโอกาสที่เจ้าป่วยสังหารเจ้าทิ้งหรือ”
สาวรอยมีดกรีดมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างสงบนิ่งปราดหนึ่ง ก่อนจะพ่นออกมาสองคำด้วยเสียงแผ่วเบา “ตามสบาย”
พูดจบก็หลับตาลง ไม่มองเยี่ยเว่ยหมิงอีก ท่าทางเฉกเช่นผู้กล้าที่ยอมให้ท่านฆ่าแกงตามอำเภอใจ