ตอนที่ 38 ข้าจะฆ่าเจ้า อยากซื้อต้องรีบซื้อ!
เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มความเร็วให้แปดก้าวไล่ทันคางคกเป็นครั้งที่สี่ ทำให้ความเร็วเหนือกว่าจ้างเย่ว์แล้วจริงๆ เพียงแต่เมื่ออยู่ภายในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้ด้วยความคล่องตัว ตอนนี้กลับแบกคนหนึ่งคนไว้บนบ่า เห็นได้ชัดว่าความเร็วถูกถ่วงลงแล้วไม่น้อย อีกทั้งกำลังภายในก็ลดลงเร็วกว่าอีกฝ่ายด้วย
ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ การจะปกป้องตัวเองก็ยังไม่ง่ายเลย ถ้าอยากจะสลัดอีกฝ่ายก็ยิ่งยากเข้าไปอีก!
เพิ่งหนีได้ไม่นาน จ้างเย่ว์ที่ตามหลังพวกเขามาก็อยู่ห่างไม่ถึงสามเมตร ตอนนี้อินปู้คุยได้แสดงบทบาทแล้ว เขาถูกเยี่ยเว่ยหมิงแบกไว้บนบ่า แต่กลับหันหน้าไปข้างหลัง เมื่อเห็นจ้างเย่ว์ตามเข้ามาใกล้ ก็ชูกระบี่แทงไปทางดวงตาอีกฝ่าย กระบวนท่านี้ของเขาจะได้ผลก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายรักษาความเร็วไว้เท่าเดิม จ้างเย่ว์เพียงผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเล็กน้อย ทำให้เขาแทงไม่โดนแล้ว เพียงแต่เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ถือว่าทำให้อีกฝ่ายวิ่งช้าลงได้สำเร็จเช่นกัน
ในขณะเดียวกันนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงที่แบกอินปู้คุยไว้บนบ่าขวาก็วิ่งผ่านกลุ่มคนพรรคทะเลทรายที่กำลังต่อสู้กับผู้เล่นคนหนึ่งพอดี เมื่อใช้มือขวางอนิ้วคำนวณ ก็ดึงค่าความแค้นของกลุ่มพรรคทะเลทรายให้เข้ามาทันที
กลุ่มคนพรรคทะเลทรายรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามมหาศาล พอหันกลับมาก็สาดเกลือพิษใส่โดยสัญชาตญาณ แต่กลับช้าไปแล้ว มันไม่ส่งผลกระทบต่อเยี่ยเว่ยหมิงเลยแม้แต่น้อย เป็นจ้างเย่ว์ที่ตามหลังมาติดๆ ถูกสาดใส่หน้าแทน
จ้างเย่ว์รีบเบี่ยงตัวหลบเกลือพิษ แต่กลับดึงดูดค่าความแค้นของศิษย์พรรคปลาวาฬที่อยู่อีกด้าน ศิษย์พรรคปลาวาฬโบกคราดเหล็กใช้ท่าสังหารพันปีที่ตัวเองชำนาญ เกือบทำให้ยอดฝีมือลึกลับท่านนี้บาดเจ็บแล้ว
ตอนที่เขาเตะศิษย์พรรคปลาวาฬออกไป เยี่ยเว่ยหมิงก็ดึงระยะห่างออกจากเขาได้อีกแล้ว
สถานการณ์ก็ดำเนินอย่างนี้ต่อไป จ้างเย่ว์ไล่ตาม ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็หนี…
ยังดีที่บนเขาหวังผานมีทั้ง NPC คลุ้มคลั่งและผู้เล่นที่ตีมอนสเตอร์ เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ยิ่งอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่สับสนอลม่าน ก็ยิ่งไม่เอื้อให้ไล่ตามเป็นเวลานาน
หลังจากนั้นสิบกว่านาที ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็สลัดจ้างเย่ว์หลุด แล้วไปซ่อนตัวอยู่หลังกระโจมค่ายที่อินซู่ซู่อยู่ก่อนหน้านี้
เมื่อวางอินปู้คุยลงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยื่นศีรษะไปมองข้างนอกแวบหนึ่ง พอเห็นจ้างเย่ว์ยังวนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน เขาถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
และในตอนนี้เอง เสียงของอินปู้คุยก็ดังมาจากข้างหลัง “จะว่าไปแล้ว เหตุใดเจ้าหมอนั่นต้องโจมตีเจ้าด้วยล่ะ แถมตอนหลบหนีเจ้าก็ยังพาข้ามาด้วยอีก ข้าถามตัวเองดูแล้ว ได้คำตอบว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก เกรงว่าจะช่วยเหลืออะไรเจ้าไม่ได้”
“จุดประสงค์ของเขาก็คือฆ่าพวกเราเพื่อดรอปตำราลับ!”
อินปู้คุยได้ยินแล้วนึกถึงสิ่งที่เซี่ยซุนกำชับไว้หลังจากส่งตำราลับให้พวกเขา ตอนนี้ภารกิจของพวกเขายังไม่ถือว่าจบลง ก่อนที่จะกลับไปส่งภารกิจที่สำนักอย่างปลอดภัย ก็ถือว่ายังอยู่ในระหว่างทำภารกิจ หากตายก็จะดรอปตำราลับร้อยเปอร์เซ็นต์!
หลังจากคิดได้ถึงประเด็นสำคัญนี้ อินปู้คุยก็ตกใจทันที “นี่เจ้ากำลังบอกว่า ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้ว ว่าอาจดรอปตำราลับจากตัวพวกเราได้ทุกเมื่อ?”
“คงจะไม่ใช่ทุกคน เพียงแต่เจ้าหมอนั่นน่าจะเป็นข้อยกเว้น” เยี่ยเว่ยหมิงอธิบาย “ก่อนหน้านี้เซี่ยซุนบอกไว้ ว่าผู้เล่นที่ตามคนของพรรคทะเลทราย พรรคปลาวาฬ และสำนักหมัดเทวะมาจะไม่ได้รับรางวัลไอเทม ดังนั้น หลังจากเซี่ยซุนจบภารกิจแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเตือนพวกเขาเรื่องนี้ แต่เจ้าอย่าลืมนะ ว่าท่ามกลางอำนาจหลายฝ่ายที่มาเกาะแห่งนี้ นอกจากพวกเรากับสามสำนักที่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ ยังมีอำนาจอีกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเซี่ยซุนอย่างลึกซึ้งด้วย”
“พรรคอินทรีฟ้า!”
เยี่ยเว่ยหมิงหยักหน้าเล็กน้อย “ตอนอยู่สำนักคุ้มภัยหลงเหมินก่อนหน้านี้ ข้าเคยประมือกับผู้เล่นพรรคอินทรีฟ้าคนหนึ่ง วิธีการของอีกฝ่ายเฉียบขาดมาก เขาใช้กรงเล็บอินทรี พอมาดูตอนนี้แล้ว ข้าว่าเป็นจ้างเย่ว์ไม่ผิดแน่”
“ตอนนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นผู้เล่น ไม่ใช่ NPC ” อินปู้คุยถาม
ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ หากผู้เล่นคิดจะปิดบังตัวตนก็ทำได้ง่าย นอกเสียจากจะเปิดเผยตัวตนเอง เพราะเหนือศีรษะของผู้เล่นจะไม่แสดงชื่อ ต่อให้เกิดการ PK ขึ้น ระบบก็จะบอกเพียงว่าคุณถูกคนโจมตี แต่กลับไม่บอกว่าเป็นใคร
นอกจากประเภทที่ถูกกำหนดให้เป็นมอนสเตอร์หรือ BOSS ถ้าเป็น NPC ทั่วไปตามโครงเรื่อง ภายนอกก็จะดูไม่ต่างจากอะไรจากผู้เล่น ทางเกมออฟฟิเชียลอธิบายว่าทำแบบนี้เพื่อเพิ่มความสมจริงให้เกม แต่จากที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็น ดูเหมือนเพื่อวางกับดักผู้เล่นมากกว่า
ส่วนคำถามของอินปู้คุย เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายว่า “ที่จริงผู้เล่นกับ NPC ก็ยังมีความแตกต่างกันพอสมควร ก็เหมือนความแตกต่างระหว่างยุคปัจจุบันกับยุคโบราณ สิ่งที่ต่างกันไม่ได้มีเพียงการแต่งกาย สิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าอีกฝ่ายคือผู้เล่นก็คือ ตอนนั้นข้าพูดไปว่า ‘ปีที่แล้วข้าซื้อนาฬิกามาเรือนหนึ่ง’ แล้วอีกฝ่ายตอบข้ามาว่า ‘นาฬิกาอะไร’”
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังเอ่ยปากว่า “เจ้าให้ข้ายืมใช้กระบี่ก่อนดีไหม ข้าจะออกไปจัดการไอ้เวรนั่น แต่หากเจ้าไม่วางใจ ข้าก็จ่ายเงินมัดจำได้”
ในเมื่ออีกฝ่ายรู้แล้ว ว่าหากพวกเขาตายจะดรอปตำราลับร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นนั้นหากลองคิดอีกมุม หากอีกฝ่ายตายก็จะมีไอเทมให้ดรอปร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกันใช่หรือเปล่า
ยกตัวอย่างเช่น กระบี่ชิงจู๋เล่มนั้น
หากกระบี่เล่มนี้ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาจากการทดสอบของเซี่ยซุน เยี่ยเว่ยหมิงคิดหาเหตุผลไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายมาอยู่ในภารกิจแบบนี้ ทั้งยังพกอุปกรณ์คุณภาพสูงสุดที่ตัวเองใช้งานไม่ได้ติดตัวไว้ด้วย
ตอนนี้ตัวเองขาดอาวุธที่เหมาะมืออยู่พอดี หากดรอปกระบี่ชิงจู๋เล่มนั้นได้ ก็จะสมบูรณ์แบบสุดๆ ไปเลย!
“ไม่ใช่ปัญหาเงินมัดจำ ไม่ใช่ว่าให้ยืมไม่ได้ด้วย” อินปู้คุยปฏิเสธคำขอของเยี่ยเว่ยหมิงด้วยรอยยิ้มเจื่อน ก่อนจะส่งลิงก์ไอเทมให้
[กระบี่ซงเหวิน: กระบี่ยาวของศิษย์สำนักอู่ตัง
โจมตี +50
กำลังภายใน 10%
ซื้อขายไม่ได้!]
ก็ได้ สำหรับสถานการณ์อย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงแสดงความจนใจ
พรึ่บๆๆ…
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน จู่ๆ ก็มีพิราบส่งจดหมายตัวหนึ่งมาเกาะบนบ่าเยี่ยเว่ยหมิง
อินปู้คุยเห็นดังนั้นก็อดถามไม่ได้ว่า “ใครติดต่อมาหาเจ้า”
เยี่ยเว่ยหมิงจับภาพหน้าจอส่งมาให้เขา [จ้างเย่ว์: 1]
“เลข ‘1’ นี่หมายความว่าอย่างไร” อินปู้คุยงงไปชั่วขณะ
คำตอบของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือแบกเขาไว้บนบ่าอีกครั้ง แล้วเลี้ยวหนีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เพราะตอนนี้จ้างเย่ว์ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังพวกเขาไม่ถึงสามจั้งแล้ว
ฟังก์ชั่นพิราบส่งจดหมาย ทุกครั้งที่ใช้งานจะเสียหนึ่งเหรียญเงิน เดิมทีเป็นฟังก์ชั่นสื่อสารที่สะดวกระหว่างสหาย แต่เพื่อความสมจริงของเกม หลังจากปล่อยพิราบออกมาแล้ว มันก็จะบินไปสักระยะก่อนจะหายไป จากนั้นก็ปรากฏตัวอีกครั้งเมื่ออยู่ห่างจากผู้รับจดหมายหนึ่งจั้ง[1] แล้วเกาะลงบนบ่าของอีกฝ่ายโดยตรง
ฟังก์ชั่นแบบนี้ อย่างมากก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจว่าอีกฝ่ายอยู่ทิศทางทางไหน และในบางครั้งกลับทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดคิดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่นตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงพบว่าบะหมี่หมั่นโถวซุ่มโจมตีศิษย์อู่ตัง แล้วก็เหมือนในครั้งนี้ด้วย
หลังจากถือโอกาสบล็อกจ้างเย่ว์แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงแบกอินปู้คุยหลบหนีอีกฝ่ายอีกครั้ง และเนื่องจากมอนสเตอร์บนเกาะถูกผู้เล่นฆ่าตายจนลดน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งยังรีเฟรชใหม่ไม่ได้ ครั้งนี้พวกเขาจึงใช้เวลามากขึ้นหนึ่งเท่าเพื่อจะสลัดอีกฝ่ายให้พ้น จนกระทั่งผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ถึงได้สลัดคู่ต่อสู้สำเร็จ ส่วนกำลังภายในของเยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกใช้ไปกับการต่อสู้อันยืดเยื้อจนหมด
ขณะซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ เยี่ยเว่ยหมิงกินยาเม็ดฟื้นฟูกำลังภายในและเริ่มนั่งสมาธิฟื้นฟูกำลังภายใน ส่วนอินปู้คุยก็รับหน้าที่เฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวด้านนอก
หลังจากผ่านไปอีกสิบกว่านาที จู่ๆ อินปู้คุยก็กล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ “ท่าเรือรีเฟรชแล้ว เรือกลับมาวิ่งแล้ว!”
“รออีกสักหน่อย” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าว
ผ่านไปอีกสามนาที อินปู้คุยบอกอีกว่า “พวกผู้เล่นไปกันหมดแล้ว”
“รออีกไม่กี่นาที”
หลังจากนั้นอีกสามนาที อินปู้คุยเตือนว่า “ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแล้วจริงๆ”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าออกไปดูสถานการณ์ก่อน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตราย ข้าค่อยมาเรียกเจ้า”
“เจ้าช่างระวังตัวจริงๆ ทำตามที่เจ้าบอกแล้วกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงเดินออกจากที่ลับอย่างเงียบเชียบ หลังจากตีวงอ้อมขนาดใหญ่ด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้มบางๆ เตรียมจะพุ่งไปทักทายคนพายเรือที่เพิ่งถูกรีเฟรชไม่นาน แต่กลับรู้สึกหนาวสันหลังชอบกล
มีการดักซุ่มโจมตีอย่างที่คาดไว้!
เยี่ยเว่ยหมิงที่เตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้วพลันโน้มตัว หลบกรงเล็บของอีกฝ่ายที่โจมตีมายังหลังคอของเขา ตามด้วยปลดปล่อยฝีเท้าวิ่งหนี
ดูสภาพเถอะ ตอนแบกคนฉันก็วิ่งไม่พ้นแก ตอนนี้ฉันก็ยังวิ่งไม่พ้นแกอีกเหรอ
ยังวิ่งออกมาได้ไม่ไกลเท่าไร ทันใดนั้น เขาก็พบว่าผู้เล่นขาวท้วมที่สวมเครื่องแบบสำนักหัวซานคนหนึ่งเดินออกมาจากจุดซ่อนตัวบนไหล่เขา ตามด้วยกางแผงตั้งร้านบนพื้นเสียเลย ติดป้ายว่า:
[กระบี่เหล็กกล้า 1 เหรียญทอง 50 เหรียญเงิน อยากซื้อต้องรีบซื้อ!]
[1] 1 จั้ง ประมาณ 3.33 เมตร