ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 272 พบอาจ่งอีกครั้ง

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 272 พบอาจ่งอีกครั้ง

ตอนที่ 272 พบอาจ่งอีกครั้ง

วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์!

สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงประหลาดใจก็คือ ทักษะยุทธ์ที่ชายชราชุดเขียวคนนั้นใช้ ตกลงแล้วเป็นวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันหรือเปล่า!

จะว่าไป ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ คือสุดยอดทักษะเฉพาะของหวงเย่าซือไม่ใช่หรอกหรือ ทำไมเขาถึงใช้เป็น

อย่าบอกนะว่าชายชราชุดเขียวที่อยู่ตรงหน้านี้ก็เป็นผู้สืบทอดของเกาะดอกท้อเหมือนกัน

ท่ามกลางความฉงน เยี่ยเว่ยหมิงอดมองชายชราชุดเขียวที่ใช้อาวุธลับไม่ได้ เขาสวมชุดคลุมยาวสีเขียว หนวดสั้น อายุประมาณห้าสิบ ใบหน้าแห้งตอบ มีไอสีเขียวจางๆ ชั้นหนึ่งบนใบหน้าเขา บนศีรษะแสดงข้อมูลของบอสที่ทำให้คนเห็นรู้สึกไร้ความสามารถ

[เซี่ยเยียนเค่อ]

ยอดฝีมือบู๊ลิ้มที่ทั้งดีทั้งร้าย ได้ชื่อว่าเป็นคนรักษาสัญญา

เลเวล: ???

พลังชีวิต: ???/???

กำลังภายใน: ???/???

……

เจ้าหมอนี่ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ลึกลับยากคาดเดาขนาดนี้!

ชั่วพริบตาที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นข้อมูลค่าสเตตัสของอีกฝ่าย ก็ล้มเลิกความคิดที่จะสังหารสือจงอวี้ต่อทันที แต่เริ่มคิดว่าควรจะวิ่งหนีอย่างไรดี

ถึงขนาดว่าในฝ่ามือของเขาตอนนี้เรียกประกาศิตกระบี่บุปผาโรยออกมาอย่างเงียบๆ แล้ว เตรียมตัวไว้ว่าหากจนปัญญาจริงๆ ก็จะเรียกเหล่าหวงออกมาโจมตีกลับสักครั้ง

เมื่อมีป้ายอาญาสิทธิ์นี้อยู่ เยี่ยเว่ยหมิงก็มีความมั่นใจมากพอที่จะรับมือกับปัญหาที่ใช้ความสามารถของตัวเองแก้ไขไม่ได้อย่างพวกเหมยเฉาเฟิง เซี่ยเยียนเค่อ

นี่ก็คือสาเหตุที่เขาพกป้ายอาญาสิทธิ์ไว้กับตัว แต่กลับไม่เคยตัดใจใช้งานมันลงสักที

นี่คือยันต์ป้องกันอันตราย แน่นอนว่าถ้าเก็บไว้ได้ก็ควรเก็บไว้

นอกเสียจากยามจำเป็น ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่ใช้มันง่ายๆ เด็ดขาด!

ครั้งก่อนเหมยเฉาเฟิงเห็นป้ายอาญาสิทธิ์นี้แล้วตกใจจนหนีไป แต่เซี่ยเยียนเค่อคนนี้แม้จะไม่ได้เห็นประกาศิตกระบี่บุปผาโรย แต่ก็เหมือนไม่คิดหาเรื่องเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน

ถ้าจะถามว่าทำไมเยี่ยเว่ยหมิงถึงมั่นใจขนาดนี้

ก็เป็นเพราะวินาทีที่ข้อมูล BOSS ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของอีกฝ่ายแล้วก็เลือนหายไปอีกครั้ง ก็ย่อมอธิบายได้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาเป็นศัตรูกับเยี่ยเว่ยหมิงอีกแล้ว

“อาหวง!”

ตอนนี้เอง ‘สือจงอวี้’ คนนั้นก็สังเกตเห็นอาหวงที่วิ่งมาทางเขาแล้วเช่นกัน เขาอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะช้อนอาหวงที่กระโจนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ใช้สองมือชูตัวมันขึ้นมา แล้วกอดแรงๆ พร้อมกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “อาหวง ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าแล้ว!” ท่าทางตื่นเต้นของเขาดูไม่เสแสร้ง

ภาพเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว

ตอนนี้เอง ในที่สุดเซี่ยเยียนเค่อก็พูดกับ ‘สือจงอวี้’ ว่า “โก่วจ๋าจ่ง มือปราบทางด้านนั้นต้องการจะสังหารเจ้า คนผู้นี้แม้ทักษะยุทธ์ธรรมดา แต่ถ้าจะสังหารเจ้าก็ทำได้สบายมาก”

“แต่เจ้าก็ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เจ้าขอร้องข้า ข้าก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเจ้าทันที ถึงขั้นช่วยเจ้าสังหารเขา หรือไล่สังหารเขาจนเลเวลเหลือศูนย์ก็ไม่มีปัญหา”

พอเยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแบบนี้ จิตใจที่เพิ่งผ่อนคลายก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที

สังหารจนเลเวลเหลือศูนย์?

โหดร้ายขนาดนี้!

ช่างดีจริงๆ เซี่ยเยียนเค่อ ข้าจะจำเจ้าไว้ ทางที่ดีเจ้าอย่าตายเร็วก็แล้วกัน รอให้ข้าเลเวลสูงขึ้นก่อนเถอะ คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!

ในใจด่าตาแก่ไร้ยางอายเซี่ยเยียนเค่อไม่หยุด แต่สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงกลับมองบนตัวสือจงอวี้อย่างระแวดระวัง เพราะดูจากการแสดงออกต่างๆ ก่อนหน้านี้ของสือจงอวี้ เขาก็แน่ใจมากว่าหลังจากเจ้าหมอนั่นได้ยินข่าวนี้ จะต้องขอให้เซี่ยเยียนเค่อฆ่าตนแน่นอน

ดูท่าแล้ว วันนี้คงรักษาประกาศิตกระบี่บุปผาโรยไว้ไม่ได้แล้ว

เดี๋ยวก่อนนะ…โก่วจ๋าจ่ง[1]?

ชื่อนี้เหมือนค่อนข้างคุ้นหูนะ ตาแก่หนังเหนียวเซี่ยเยียนเค่อกำลังด่าสือจงอวี้ หรือว่า…

ตอนนี้เอง ‘สือจงอวี้’ เงยหน้าขึ้นอย่างฉงนใจ หลังจากเห็นสีหน้าระแวดระวังของเยี่ยเว่ยหมิง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นดีใจอย่างบ้างคลั่งในชั่วพริบตาเดียว “พี่ใหญ่ ท่านช่วยข้าตามหาอาหวงจริงๆ ด้วย ท่านเป็นคนดีมากจริงๆ!”

ขณะที่พูดก็หันไปมองเซี่ยเยียนเค่อแวบหนึ่ง แล้วยิ้มอย่างใสซื่อ “ท่านลุงเซี่ย ท่านล้อข้าเล่นอีกแล้ว พี่ใหญ่ท่านนี้เป็นคนดี ข้าเพิ่งรู้จักเขาก่อนหน้านี้ เขายังช่วยข้าตามหาอาหวงด้วย จะมาสังหารข้าได้อย่างไร”

เซี่ยเยียนเค่อทำเสียงฮึดฮัดแล้วหันหน้าไปอีกด้าน ไม่สนใจเด็กหนุ่มที่ทำให้เขารำคาญใจอีก

เขาถึงขั้นขี้คร้านจะมองตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับ ‘สือจงอวี้’ คนนี้คุยกัน ต่อให้ ‘สือจงอวี้’ คนนี้ถูกเยี่ยเว่ยหมิงสังหารต่อหน้าเขา เขาก็จะไม่ยื่นมือห้ามแน่นอน

จะว่าไป ก่อนหน้านี้ถ้าปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ถูกอาวุธลับของมือปราบนั่นยิงตาย ตนก็จะหายหนักใจไม่ใช่หรอกหรือ

ทำไมต้องยื่นมือช่วยเขาด้วย

เป็นคนต่ำช้าหรือเปล่า

……

ไม่มีเวลาไปสนใจความคิดในใจของเซี่ยเยียนเค่อ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังคำพูดของเด็กหนุ่มที่หน้าตาคล้ายสือจงอวี้ เขาก็อดงงไม่ได้เช่นกัน หลังจากคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ แล้ว ก็ถามหยั่งเชิงว่า “เป็นเจ้าหรือ”

“ข้าคือโก่วจ๋าจ่ง!” เด็กหนุ่มที่หน้าตาเหมือนสือจงอวี้ตอบกลั้วเสียงหัวเราะ “ไม่เจอกันเจ็ดแปดปี พี่ใหญ่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด อ้อ ใช่แล้ว ตอนนั้นท่านยังตั้งชื่อให้ข้าด้วย ชื่ออาจ่งอะไรสักอย่าง”

เหอะๆ!

ไม่เจอกันเจ็ดแปดปีอะไรกัน สำหรับข้าแล้วยังไม่ถึงสองเดือนเลย

แต่สำหรับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก เยี่ยเว่ยหมิงก็พอเข้าใจได้

อย่างไรเสียเมื่ออยู่ในเกม การเติบโตของ NPC ก็ถูกกำหนดตามจุดเชื่อมต่อของเนื้อเรื่อง ก็เหมือนที่หนิวจื้อชุนบอกเขาตอนอยู่หมู่บ้านมือใหม่ก่อนหน้านี้ กัวจิ้งกับหยางคังยังเป็นเพียงทารกในครรภ์อยู่เลย ปรากฏว่าพอเจอกันที่งานประลองยุทธ์เลือกคู่ หยางคังก็เกี้ยวพาราสีหญิงสาวชาวบ้านได้แล้ว กัวจิ้งก็พบเจอกับเรื่องที่ไม่เป็นธรรมแล้วเช่นกัน

ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงขนาดไหนกัน?

เมื่อเทียบกับพวกเขาสองคน การเติบโตของอาจ่งยังนับว่าช้า

เยี่ยเว่ยหมิงเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม แต่กลับใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนซ้ายของอาจ่งไว้ แต่จู่ๆ ก็ถูกปราณแท้ในร่างกายอีกฝ่ายทำให้มือของเขาสะเทือนออก ตอนที่มองใบหน้าไร้เดียงสาของอาจ่ง ในที่สุดเขาถึงได้เชื่อว่าคนคนนี้ไม่ใช่สือจงอวี้ที่เขาไล่ฆ่าก่อนหน้านี้

ประการแรก มือของสือจงอวี้เพิ่งจะถูก ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ของน้องดาบขยุ้มบาดเจ็บ แผลไม่ได้สมานตัวเร็วขนาดนั้น

ประการที่สอง กำลังภายในสือจงอวี้ไม่ได้ลึกล้ำขนาดนี้แน่นอน

และก่อนหน้านั้น อย่างมากเขาก็ทำได้เพียงยืนยันว่าคนตรงหน้าคืออาจ่งในปีนั้น

แต่ใครจะรับประกันได้ว่าอาจ่งที่เคยใสซื่อไร้เดียงสา หลังจากเติบโตแล้วจะไม่กลายเป็นสือจงอวี้ที่ดีแตก

เรียนดีมาสามปี แต่กลายเป็นคนชั่วในสามวัน!

ก็เหมือนที่อาจ่งบอกไว้ ในโลกของอีกฝ่าย พวกเขาไม่ได้เจอกันมาเจ็ดแปดปีแล้ว

เห็นได้ชัดว่าอาจ่งไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังภายในของตัวเองทำให้เยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังหยั่งเชิงมือสะเทือนออก เขาได้แต่ยิ้มอย่างใสซื่อพร้อมบอกว่า “หลังจากพี่ใหญ่เจออาหวงแล้ว ก็ตั้งใจนำมันมาส่งคืนให้ข้าหรือ”

“อืม…ช่างเถอะ”

บอกตามตรง หลังจากได้อาหวงมาแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าสุนัขตัวนี้ยิ่งนับวันยิ่งใช้งานคล่องมือ ถึงขั้นทำใจคืนมันให้กับเจ้าของเดิมไม่ลง

แต่มองออกเลยว่าสำหรับอาจ่ง อาหวงไม่ได้เป็นเพียงสุนัขที่คอยช่วยเหลือตัวหนึ่งแน่นอน

ระหว่างคนกับสุนัข มีความผูกพันพิเศษบางอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่อาจเข้าใจได้!

และสำหรับหนุ่มน้อยไร้เดียงสาคนนี้ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้หน้าด้านฝืนทวงอาหวงกลับมา

อาจ่งย่อมไม่เข้าใจความคิดมากมายในหัวของเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว ก็นำแป้งทอดชิ้นหนึ่งออกมาจากหน้าอก ยื่นมันให้เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมบอกว่า “พี่ใหญ่ แม้ข้าจะทำอาหารเองเป็น แต่นี่ก็คืออาหารที่อร่อยที่สุดในความทรงจำของข้า มันคือแป้งทอดธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้น…

…ตอนหลังข้าเองก็เรียนทำมันเช่นกัน ทั้งยังใส่วัตถุดิบที่ไม่เหมือนใครไว้ข้างในด้วย ข้ามอบให้พี่ใหญ่แล้วกัน รอกินตอนหิวจะอร่อยเป็นพิเศษ!…

…แต่ระวังจะเจ็บฟันนะ…”

[แป้งทอดเซาปิ่ง] แป้งทอดเซาปิ่งที่อาจ่งพิถีพิถันปรุงขึ้นมา คุณภาพ 100 กินแล้วจะลดค่าความหิว 20 แต้ม ภายในหนึ่งชั่วโมงเพิ่มพละกำลัง 100 แต้ม

[1] โก่วจ๋าจ่ง 狗杂种 เป็นคำด่า แปลว่า ลูกไอ้สำส่อน

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท