ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 301 เคล็ดวิชานี้มีวาสนาต่อข้า!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 301 เคล็ดวิชานี้มีวาสนาต่อข้า!

ตอนที่ 301 เคล็ดวิชานี้มีวาสนาต่อข้า!

เยี่ยเว่ยหมิงแนะนำว่าก่อนสังหารเถียนปั๋วกวงควรจะกลับสำนักมือปราบเทพก่อนสักเที่ยว รับภารกิจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเถียนปั๋วกวงก่อน แบบนี้พอไปสังหาร BOSS อีกครั้ง ถึงจะได้ผลตอบแทนสูงสุด

เพียงแต่ก่อนหน้านั้น มิอาจปล่อยทิ้งศพของสตรีวัยแรกรุ่นทั้งสองได้

ด้วยเหตุนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นไม่เสียดายที่จะใช้สมบัติส่วนตัวของตัวเอง เขานำม้วนเสื่อมาเก็บร่างที่ยังไม่เย็นของสาวน้อยทั้งสองไว้แล้ว

[ติ๊ง! คุณได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ x1!]

[ติ๊ง! คุณได้รับ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ ภาคต้น x1!]

[ติ๊ง! คุณได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ x1!]

[ติ๊ง! คุณได้รับ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ ภาคท้าย x1!]

……

เยี่ยเว่ยหมิงนึกไม่ถึงว่าจะได้ผลตอบแทนเหนือความคาดหมายจากตัวของน้องสาวสองคนที่มีความสามารถพื้นๆ!

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงใช้โลงศพดีๆ มาเก็บศพพวกนางแล้ว แต่หลังจากดูตำราลับตระหนักรู้ที่ได้จากทั้งสองแวบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าใช้เสื่อเหมาะกับฐานะของพวกนางมากกว่า

[ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ] บันทึกวิชาหมัดของเหมียวฟู่ ศิษย์สำนักหมัดเทวะ ใช้วิชาหมัดหรือฝ่ามือที่กำหนด จะเพิ่มค่าประสบการณ์ 500 แต้ม!

[ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ] บันทึกวิชาหมัดของหวังเซิง ศิษย์สำนักหมัดเทวะ ใช้วิชาหมัดหรือฝ่ามือที่กำหนด จะเพิ่มค่าประสบการณ์ 500 แต้ม!

[คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร (ภาคต้น)] คัมภีร์โบราณที่มีเพียงครึ่งเดียว หลังจากใช้งานค่าตระหนักรู้ +1 (ทิ้งไม่ได้ ทำลายไม่ได้ ใช้ซ้ำไม่ได้ผล)

[คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร (ภาคท้าย)] คัมภีร์โบราณที่มีเพียงครึ่งเดียว หลังจากใช้งานค่าตระหนักรู้ +1 (ทิ้งไม่ได้ ทำลายไม่ได้ ใช้ซ้ำไม่ได้ผล)

……

ตำราตระหนักรู้วิชาหมัดเลเวลต่ำทั้งสองเล่ม แต่ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ สองเล่มนั้นกลับเป็นไอเทมคุณภาพสูงที่หายาก ถึงอย่างไรก็เป็นของดีที่เพิ่มค่าตระหนักรู้ได้!

พอมองศพสองร่างที่ถูกเก็บแล้วอีกรอบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็อดรู้สึกเสียดายแทนพวกนางไม่ได้

น้องสาวสองคนนี้ไม่ได้มีเพียงทักษะยุทธ์ พอมาดูตอนนี้จะพบว่าพื้นฐานวรรณกรรมก็ไม่ด้อยเช่นกัน

ต้องทราบไว้ว่าแม้ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ จะไม่ได้แฝงไปด้วยทฤษฎีมากมายเหมือนหนังสืออภิปรายทางการเมือง แต่นั่นก็คือคัมภีร์โบราณที่มีมาก่อนสมัยราชวงศ์ฉิน!

ตัวหนังสือลึกซึ้งเข้าใจยาก อ่านออกเสียงไม่คล่องปาก

ไม่น่าเชื่อว่าพวกนางจะอ่านคัมภีร์แบบนี้ออกด้วย ไม่ได้บอกว่าพวกนางมีสติปัญญาล้ำเลิศ มากวิชาความรู้ แต่อย่างน้อยก็นับเป็นผู้ที่รู้หนังสืออย่างแตกฉานเช่นกัน

น่าเสียดายที่คลื่นลูกใหม่ของยุทธภพที่จิตใจและร่างกายพร้อมพัฒนาในทุกด้าน ทั้งยังเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงามใช้ได้ต้องมาถูกทำลายด้วยน้ำมือคนเลวทรามอย่างเถียนปั๋วกวง

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังเก็บตำราสี่เล่มเงียบๆ เตรียมจะกลับไปแล้วหาเวลาค่อยๆ อ่าน เสียงแจ้งเตือนของระบบที่ทำให้เขาดีใจยิ่งกว่ากลับก็ดังขึ้นโดยไม่คาดคิด

[ติ๊ง! คุณได้รับ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ ทางภาคต้นและภาคท้าย จะรวมให้เป็น ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ ฉบับสมบูรณ์หรือไม่]

ใช่/ปฏิเสธ

ของแบบนี้รวมกันได้ด้วยหรือ

ไม่มีอะไรต้องลังเล เยี่ยเว่ยหมิงตอบตกลงทันที

[ติ๊ง! ได้รับ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ x1!]

[คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร: ตำราโบราณที่มีมาก่อนสมัยราชวงศ์ฉิน เป็นหนังสือภูมิศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดและเต็มไปด้วยตำนานโบราณ หลังจากใช้แล้วค่าตระหนักรู้ +5 (ทิ้งไม่ได้ ทำลายไม่ได้ ใช้ซ้ำไม่ได้ผล)]

ไม่น่าเชื่อว่า ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ จะก้าวร้าวขนาดนี้

ภายใต้สีหน้านิ่งสงบราวกับน้ำไร้คลื่นของเยี่ยเว่ยหมิง ก้นบึ้งของหัวใจกลับเหมือนมีเลือดลมสูบฉีด

นึกไม่ถึงว่าในระหว่างที่ตัวเองทำภารกิจไล่สังหารเถียนปั๋วกวง จะได้ถือโอกาสเก็บศพผู้หญิงสองคนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะนำผลตอบแทนมหาศาลขนาดนี้มาให้ตน!

นั่นคือค่าตระหนักรู้ห้าแต้มเต็มๆ!

คนดีก็คงได้รับผลตอบแทนที่ดีแบบนี้ละมั้ง

……

พอออกจากอำเภอชิงฉวี่แล้ว ทั้งสามก็นั่งรถม้ากลับไปยังเมืองหลวงทันที หลังจากกลับถึงสำนักมือปราบเทพ รับภารกิจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเถียนปั๋วกวงในรวดเดียวแล้ว ก็นั่งรถม้ากลับหัวซานอีกครั้ง

ตามข้อมูลที่แสดงในแผนที่ บนเขาหัวซานมียอดเขาทั้งหมดห้าลูก ตำแหน่งของผาสำนึกตนตั้งอยู่ระหว่างไหล่เขาของยอดเขาฝั่งใต้ ซึ่งอยู่นอกประตูสวรรค์ทางทิศใต้ของหัวซาน ปลายทางเดินเลียบหน้าผาของหัวซานกับกระโจมใหญ่ของสำนักหัวซานตั้งอยู่บนภูเขาลูกเดียวกัน หลังจากพวกเขามาถึงจุดพักม้าของสำนักหัวซาน ขอเพียงเดินตามทางภูเขาลงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงแล้ว ในระหว่างนั้นนอกจากทางเดินเลียบหน้าผาแล้ว ทางภูเขาก็นับว่าค่อนข้างเรียบ อย่างน้อยก็ถือเป็นเส้นทางที่ไม่เลวสำหรับผู้เล่นที่มีวิชาตัวเบา

[ข้าว่านะ ถ้าเทียบกับทางลัดนี้ ข้าว่าลงรถตรงตีนเขา แล้วหาจุดที่ไม่มีคนปีนขึ้นมาบนผาสำนึกตนดีกว่า ถ้าไปทางนั้นแม้จะไกลกว่าหน่อย เส้นทางเดินลำบากกว่าบ้าง แต่กลับปลอดภัยกว่า ไปถึงผาสำนึกตนได้แบบผีไม่เห็นเทพไม่รู้ หลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นได้เยอะเลย]

ตอนที่ทั้งสามเดินไปข้างหน้า เฟยอวี๋ก็ยังไม่ลืมบ่นในช่องทีม

“ที่จริงข้าคิดว่าเส้นทางรถม้าที่พวกเราเดินอยู่ตอนนี้ต่างหากที่ปลอดภัยที่สุด” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเบาๆ พร้อมตอบในช่องทีม [อย่างไรเสียในยุทธภพก็มีผู้เล่นตั้งมากมาย ผู้เล่นต่างสำนักไปมาหาสู่กันก็เป็นเรื่องปกติมาก ตรงกันข้าม ถ้าทำตัวลับๆ ล่อๆ ปีนขึ้นไปตรงจุดที่คิดว่าคนน้อย ถ้าถูกคนจับได้ขึ้นมากลับจะทำให้ผู้อื่นคิดมากโดยไม่จำเป็นด้วยซ้ำ]

เขาพูดจบแล้วกล่าวเสริมอีกว่า [เจ้ารู้หรือเปล่าว่าสำนักหัวซานมีผู้เล่นเยอะขนาดไหน]

เอ่อ…

พอได้ยินคำถามสุดท้ายของเยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ก็พูดไม่ออกทันที ถึงอย่างไรสำนักหัวซานก็เป็นสำนักที่ NPC กำหนดว่าเป็นสำนักเล็กๆ แต่สำหรับผู้เล่นแล้ว มันเป็นสำนักที่ใหญ่เทียบเท่าเส้าหลินกับอู่ตังแน่นอน

ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่คำกล่าวที่ว่า ‘ซ่อนเคล็ดกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพเอาไว้’ อย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะดึงดูดผู้เล่นที่จิตใจใฝ่หากระบี่ให้แห่กันมานับไม่ถ้วนแล้ว

อินปู้คุยก็กล่าวเสริมเช่นกันว่า “ถ้าเป็นที่เขาอู่ตัง ต่อให้จู่ๆ มีผู้เล่นสำนักฝ่ายมารโผล่มาทำภารกิจ ก็ไม่มีใครตื่นตกใจอยู่ดี”

เฟยอวี๋ถูกสองคนนี้เถียงกลับจนพูดไม่ออก ได้แต่ยกมือยอมแพ้แต่โดยดี “ก็ได้ ที่พวกเจ้าพูดก็มีเหตุผล พวกเราเดินทางกันต่อเถอะ!”

เยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ อินปู้คุย ถ้าจะถามว่าสามคนนี้ใครมีวิชาตัวเบาแข็งแกร่งที่สุด

ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ เกรงว่าทุกคนคงจะตอบเหมือนกัน

เยี่ยเว่ยหมิงคืออันดับหนึ่ง เฟยอวี๋รองลงมา อินปู้คุยอันดับสาม

ทว่าหลังจากอยู่บนทางเดินเลียบหน้าผาแล้ว ทั้งสามกลับแสดงฉากที่ตรงกันข้ามกับที่บรรยายออกมา

ในบรรดาพวกเขาสามคน อินปู้คุยมีค่าสเตตัสท่าร่างแย่ที่สุด ตอนอยู่บนทางเดินเลียบหน้าผาอันน่าหวาดเสียวที่ฝั่งหนึ่งเป็นท้องฟ้า กลับก้าวเดินได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าเส้นทางภูเขาจะเปลี่ยนแปลงขรุขระอย่างไร เขากลับยังอยู่ในท่าใช้สองมือไพล่หลัง เดินไปข้างหน้าด้วยความเร็วเฉลี่ยเท่าเดิมเหมือนอยู่บนพื้นราบ

ส่วนเฟยอวี๋ที่มีค่าสเตตัสท่าร่างดีเป็นอันดับสอง แม้จะเดินไม่สง่างามเท่าอินปู้คุย แต่ก็ยังถือว่าเดินได้อย่างผ่อนคลาย ตอนที่เดินยังพุ่งนำหน้าอินปู้คุยอย่างไม่ยอมแพ้ด้วย “น่าเสียดายที่วิชาตัวเบาของข้าไม่เหมาะกับการปีนเขา ไม่อย่างนั้นข้าทำได้ไม่ด้อยกว่าเจ้าแน่ วันหลังพวกเราไปหาพื้นหิมะเดินกันสักหน่อยไหม”

“ไม่ต้องแล้ว” อินปู้คุยหันกลับมาแล้วกล่าวพร้อมยิ้มตาหยี “ตอนเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์ ข้าไม่ได้เน้นไปที่วิชาตัวเบา เป็นเรื่องปกที่เทียบกับเจ้าไม่ติด ครั้งนี้ก็แค่เหนือความคาดหมาย”

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่ตามอยู่หลังสุดกลับย่ำเท้าหนักเบาสลับกันไป เดินอยู่ข้างหลังสุดอย่างหวาดเสียว ได้แต่มองทั้งสองโอ้อวดกันเงียบๆ พยายามทำตัวเองให้กลมกลืนกับฉากทิวทัศน์อันงดงามที่มีหมู่ขุนเขาเรียงซ้อนกัน

ทว่าตอนที่เขาเห็นอินปู้คุยหันกลับมาตอบเฟยอวี๋ กลับเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว เอ่ยปากเตือนอย่างไม่ลังเลว่า “ระวัง!”

คำเตือนของเยี่ยเว่ยหมิงมาทันเวลา แต่อินปู้คุยกลับรู้ตัวช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนอยู่บนทางเลียบหน้าผาที่ไม่มีอะไรป้องกันแบบนี้ การหันหน้ากลับมาคุยกันคนอื่น ถ้าไม่เรียกว่ารนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร!

ส่วนสิ่งที่เขาต้องจ่ายให้กับพฤติกรรมรนหาที่ตายนี้ ก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาแล้วจริงๆ

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยเตือน อินปู้คุยก้าวพลาดแล้ว ร่างตกลงไปใต้หน้าผาสูงชันด้านล่างทันที

“ปู้คุย!”

ครั้งนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกับเฟยอวี๋ส่งเสียงร้องตกใจพร้อมกันแล้ว แต่อาศัยวิชาตัวเบาของทั้งสอง อยู่บนทางเดินเลียบหน้าผาแบบนี้ยังเกือบเอาตัวเองไม่รอด ถ้าคิดจะยื่นมือช่วยคนก็ยิ่งไร้ความสามารถ

ตอนที่ทั้งสองคิดว่าเจ้าหมอนี่ต้องจ่ายราคาให้กับความ ‘หลงระเริง’ ของตัวเอง ได้ลองใช้บริการส่งกลับจุดคืนชีพของหัวซานสักครั้ง อินปู้คุยกลับยืดเอว ร่างกายที่เดิมทีตกลงไปแล้วพลันตั้งตรงอยู่กลางอากาศ

จากนั้นเขาก็เหยียบหน้าผาที่อยู่ข้างกาย หยุดยั้งท่าทางที่กำลังจะตกลงไปทันที ปลายเท้าซ้ายของเขาแตะบนหลังเท้าขวา ร่างถูกดึงขึ้นมาจากกลางอากาศได้อีกสามฉื่อ แล้วปลายเท้าขวาก็เหยียบบนหลังเท้าซ้ายอีก ร่างถูกดึงขึ้นมาอีกสามฉื่อ สุดท้ายก็กลับขึ้นมาบนทางเลียบหน้าผาได้อย่างสบายๆ กลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง

อินปู้คุยถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เขาที่เพิ่งผ่านอันตรายมาได้ยังนึกกลัวไม่หาย “โชคดีที่ไหวตัวเร็ว ไม่อย่างนั้นคงอันตรายมากจริงๆ ถึงอย่างไร ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ของข้าก็ยังเลเวลต่ำ ตอนนี้ทำได้แค่นี้ ถ้าไหวตัวช้ากว่านี้หน่อยคงตกลงไปตายแล้ว”

พอเห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อิจฉาจนไม่อยากพูดอะไรแล้ว

วิชาตัวเบาทะยานบันไดเมฆานี้แม่งหล่อจริงๆ!

เมื่อเทียบท่าร่างที่สง่างามเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์ของสำนักสุสานโบราณ เห็นได้ชัดว่าท่าร่างนี้มีความเป็นชายมากกว่า

เยี่ยเว่ยหมิงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าทะยานบันไดเมฆาของอู่ตังเหมาะกับตัวเองมาก

ประการแรก เยี่ยเว่ยหมิงถูกชะตากับวิชาตัวเบานี้มาก

ประการต่อมา ตัวเองกำลังต้องการวิชาตัวเบาที่กระโดดสูงได้อยู่พอดี เอาไว้ใช้ตอนทำภารกิจกับน้องดาบ ในบรรดาวิชาตัวเบาที่เขารู้จักตอนนี้ ‘ทะยานบันไดเมฆา’ กระโดดได้สูงที่สุดแล้ว

ประการสุดท้าย จางซานเฟิงก็แจกภารกิจที่ได้รางวัลเป็นวิทยายุทธ์ระดับสูงของอู่ตังพอดี

เมื่อเชื่อมโยงสถานการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน ทุกอย่างก็เหมือนถูกชะตากำหนดไว้แล้ว

มีคำกล่าวไว้ว่าอะไรนะ

วิชานี้มีวาสนาต่อข้า!

หลังจากสัมผัสประสบการณ์สุดหวาดเสียวมาครั้งหนึ่ง อินปู้คุยก็ซื่อสัตย์ขึ้นเยอะแล้วเช่นกัน ระหว่างทางไม่มีติดขัดอีก ในที่สุดทั้งสามก็ผ่านทางเลียบหน้าผามาได้อย่างหวาดเสียวแต่ไร้อันตราย

ตรงปลายทางของทางภูเขามีหน้าผาสามด้าน ด้านหนึ่งเป็นแท่นหินข้างหน้าผาสูง มีพื้นที่ประมาณร้อยตารางเมตร

บนผาที่อยู่ด้านข้างแท่นหินสลักตัวอักษรไว้ว่า…ผาสำนึกตน!

ทั้งสามได้กลิ่นหอมของเนื้อและสุรามาตั้งแต่ไกลๆ บนแท่นหินมีชายสองคนนั่งล้อมกองไฟ พวกเขากำลังย่างขาแกะและดื่มสุรา ท่าทางสบายอกสบายใจมาก!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท