ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 331 สามบททดสอบ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 331 สามบททดสอบ

ตอนที่ 331 สามบททดสอบ

เป็นอย่างที่คาดไว้ สะพานสวรรค์น้อยช่วยตนวางแผนเอาปลาขาวบึงหนาว นอกจากต้องโน้มน้าว NPC ในสำนักแล้ว ยังต้องทนต่อแรงกดดันของผู้เล่นในสำนักด้วย

ถ้าลองคิดอีกมุม ถ้าในสำนักมือปราบเทพมีของแบบนี้เหมือนกัน ทั้งยังมีจำนวนจำกัดแค่สามชิ้น ตัวเองได้ไปแล้วแต่ยังช่วยผู้เล่นสำนักอื่นคว้าโอกาสชิ้นสุดท้าย ซานเย่ว์กับเฟยอวี๋จะตกลงหรือเปล่า

เอ่อ…

ซานเย่ว์เหมือนจะไม่ค่อยถือสา เฟยอวี๋ก็เหมือนไม่กล้ายืนขึ้นต่อต้านตนอย่างโจ่งแจ้งเช่นกันหรือเปล่า

แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!

ประเด็นก็คือสะพานสวรรค์น้อยกำลังแบกรับแรงกดดันมหาศาลของเรื่องนี้แทนเขาอยู่ น้ำใจส่วนนี้ต้องจดจำไว้สิ!

เยี่ยเว่ยหมิงจำไว้เงียบๆ ว่าสองคนนี้มีเจตนาปล่อยผึ้งมาโจมตีตนก่อน จากนั้นก็มีสองสาวกระโดดออกมาท้าทายสะพานสวรรค์น้อย แล้วเขาก็ก้มหน้าก้มตาทำท่าทางเหมือนพระสงฆ์เข้าฌานสมาธิ ไม่พูดอะไรสักคำ

สถานการณ์ตอนนี้ก็คือ ถ้าเขาไม่พูดอะไร ปล่อยให้สะพานสวรรค์น้อยออกหน้าเอง ก็ยังควบคุมความขัดแย้งให้อยู่ภายในระดับของสุสานโบราณได้

ถ้าตอนนี้เขากระโดดออกมาพูด ไม่ว่าพูดอะไรก็มีแต่จะเกิดผลตรงข้าม

ตอนนี้เอง เขากลับเห็นสะพานสวรรค์น้อยพลิกข้อมือข้างที่ที่กุมขวดกระเบื้อง ผึ้งที่เพิ่งรวมฝูงแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางทันที จากนั้นสะพานสวรรค์น้อยถึงได้พูดกับทั้งสองว่า “ภารกิจใหญ่หลายครั้งของสำนัก ล้วนเป็นข้าที่นำพาให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องทำสำเร็จ ข้าสร้างผลงานต่อสำนักมากที่สุด ช่วยเหลือพี่น้องในสำนักเยอะที่สุดเช่นกัน ตอนนี้ข้าอาศัยความสามารถตัวเองทำภารกิจเพื่อช่วงชิงปลาขาวบึงหนาวสักตัวไม่ได้เชียวหรือ”

พอได้ยินดังนั้น สตรีตัวสูงกว่าที่ยืนฝั่งซ้ายก็เถียงกลับว่า “หากศิษย์พี่หญิงใหญ่จะช่วงชิงปลาขาวมาเพิ่มความสามารถให้ตัวเอง ข้าย่อมไม่เปลืองคำพูดมากอยู่แล้ว แต่ท่านกลับช่วงชิงทรัพยากรของพี่น้องไปให้คนนอก อาจจะฟังดูเหลวไหลไปหน่อย”

เห็นได้ชัดว่าสะพานสวรรค์น้อยไม่กลัวผู้หญิงสองคนตรงหน้า นางได้ยินแล้วเพียงยิ้มบางๆ เท่านั้น ตอนที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหญิงชราดังมาจากป่าทึบฝั่งตรงข้าม “ไม่ต้องเถียงกันแล้ว”

หญิงชราหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งกล่าวพลางเดินเนิบนาบออกมาจากป่า หลังจากกวาดสายตามองทุกคนแล้วจึงกล่าวว่า “ในเมื่อเขาฝ่าด่านเจ้าจมูกวัวของสำนักฉวนเจินพวกนั้นได้แล้ว ก็มีสิทธิ์เข้ามาอยู่รอบนอกของสำนักสุสานโบราณ ส่วนจะให้ปลาขาวกับเขาหรือไม่ สำนักย่อมตัดสินใจเอง”

ความหมายแฝงในคำพูดก็คือ เรื่องนี้ยังไม่ถึงคราวให้ผู้เล่นอย่างพวกเจ้ามาชี้โบ๊ชี้เบ๊

พอได้ยินเสียงนั้น สะพานสวรรค์น้อยกับหญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงหน้าก็พยักหน้าให้หญิงชราคนนั้นพร้อมกัน “เจ้าค่ะ ท่านยายซุน”

หญิงชราที่ถูกเรียกว่าท่านยายซุนได้ยินแล้วพยักหน้าพอใจ จากนั้นหันกายเดินเข้าป่าทึบไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

สาวน้อยสองคนที่มีเจตนาโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงพอเห็น NPC ของสำนักออกหน้าแล้วก็ได้แต่ถลึงตาใส่เยี่ยเว่ยหมิงปราดหนึ่งแล้วค่อยหันตัวเดินตามไป

ตอนนี้สะพานสวรรค์น้อยก็ยิ้มให้เยี่ยเว่ยหมิง “พี่ใหญ่เยี่ย พวกเราไปกันเถอะ”

“อืม!”

เยี่ยเว่ยหมิงขานรับแล้วเดินเคียงข้างสะพานสวรรค์น้อยไป

ระหว่างเดิน เยี่ยเว่ยหมิงได้รับข้อความจากสะพานสวรรค์น้อยผ่านช่องทีม [ท่านยายซุนเป็นบ่าวรับใช้ของสุสานโบราณ แต่ขนาดเจ้าสำนักของพวกเราก็เป็นนางที่เลี้ยงมาจนเติบใหญ่ ดังนั้นทั้งสำนักจึงไม่มีใครกล้าไม่เคารพนาง]

[แต่เจ้าก็ไม่ต้องกังวลนะ ท่านยายซุนนิสัยดีมาก ในใจนางคิดอย่างไร แค่มองหน้าก็ดูออกแล้ว ก่อนหน้านี้นางไม่ได้แสดงความเป็นศัตรูต่อเจ้าก็แสดงว่าความประทับใจแรกที่มีต่อเจ้าไม่เลวเลย ดูท่าแล้ว การท้าสู้ของภารกิจปลาขาวบึงหนาวหลังจากนี้คงไม่ยากมาก]

เยี่ยเว่ยหมิงจดจำข้อความที่สะพานสวรรค์น้อยบอกเงียบๆ พร้อมส่งคำเชิญซื้อขายให้ ท่ามกลางสายตาสงสัยของอีกฝ่าย เขาก็ส่งซ่างฟู่ขอทานหนึ่งตัวกับหญ้าจู้อวี๋สิบต้นให้แล้ว

ค่าสเตตัสของซ่างฟู่ขอทานก่อนหน้านี้กล่าวไว้แล้ว แต่เนื่องจากตอนปรุงมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้คุณภาพและขีดจำกัดพลังชีวิตเพิ่มน้อยไปหน่อย แต่ดูรวมๆ แล้วก็ไม่ต่างกันมาก ไม่ขออธิบายซ้ำตรงนี้อีก

ส่วนหญ้าจู้อวี๋ก็เป็นพืชที่มีเฉพาะในเสินหนงจย้า ไม่ได้มีค่าสเตตัสที่ทำให้คนตาลุกวาว ข้อดีอย่างเดียวก็คนกินหนึ่งต้นจะทำให้ไม่หิวไปสามวัน

ปกติอาจจะไม่ได้ใช้มัน แต่เมื่อไปยังสถานที่พิเศษบางแห่ง ก็อาจจะใช้งานมันเหมือนเป็นยาปี้กู่[1]ได้

สะพานสวรรค์น้อยเห็นสองสิ่งนี้แล้วลังเลอยู่สองวินาที สุดท้ายก็เลือกรับไว้ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ขอบคุณพี่ใหญ่เยี่ย”

“คนที่พูดคำว่าขอบคุณควรจะเป็นข้ามากกว่า” เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง

มีท่านยายซุนคอยนำทาง พวกเขาเดินผ่านป่าทึบ ตรงหน้าก็คือตีนเขาของเขาจงหนาน

ตรงนี้นี่มีผู้เล่นเจ็ดคนมารวมตัวกันตั้งนานแล้ว ทั้งหมดเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่น อายุประมาณยี่สิบ

ส่วนข้างหลังของหญิงสาวเหล่านั้นก็คือสำนักสุสานโบราณที่เจาะสร้างจากตัวภูเขา ประตูใหญ่ของสำนักสุสานโบราณเปิดกว้าง ไม่ได้วังเวงน่ากลัวเหมือนที่เยี่ยเว่ยหมิงจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ ด้านบนประตูหินไม่มีป้ายชื่อน่าเกรงขามที่เขียนว่า ‘สุสานโบราณ’ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นถ้ำภูเขาทั่วไปเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบทางสายตาให้รู้สึกทึ่งมากนัก

ถึงจุดที่อยู่ห่างจากประตูหินของสำนักสุสานโบราณสิบจั้ง จู่ๆ ท่านยายซุนก็หยุดเดิน นางหันกลับมามองเยี่ยเว่ยหมิงแล้วกล่าวเย็นชาว่า “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ก่อนหน้านี้สะพานสวรรค์คริสตัลทำบททดสอบชุดหนึ่งของสำนักสำเร็จ ช่วยหาโอกาสให้เจ้าได้ชิงปลาขาวบึงหนาวหนึ่งครั้ง แต่นั่นเป็นเพียงโอกาสครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะได้ปลามาไว้ในมือเสมอไป…

…อย่างไรเสีย ปลาขาวบึงหนาวเหล่านี้ก็เป็นสัตว์ที่สุสานโบราณใช้เลี้ยงลูกศิษย์ เจ้าเป็นคนนอก ต่อให้เป็นสหายของสะพานสวรรค์คริสตัล แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการปฏิบัติเหมือนศิษย์ของสำนักสุสานโบราณ เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม”

ความหมายที่นางต้องการสื่อ เยี่ยเว่ยหมิงย่อมเข้าใจอยู่แล้ว จึงกุมหมัดคารวะ “ไม่ทราบว่าข้าต้องทำอย่างไร หรือต้องจ่ายอะไรบ้างเพื่อแลกมา ท่านยายซุนได้โปรดบอกมาตรงๆ เลยขอรับ”

ท่านยายซุนพยักหน้าแล้วกล่าวเสียงเอื่อยเฉื่อย “ถ้าอยากได้ปลาขาวบึงหนาว เจ้าก็ต้องผ่านบททดสอบสามอย่าง แน่นอนว่าแต่ละบททดสอบไม่ธรรมดา ถึงขั้นกล่าวได้ว่ายากมาก หากจอมยุทธ์น้อยเยี่ยไม่อาจทำให้สำเร็จทั้งหมดได้ ยายเฒ่าคนนี้ก็พูดได้แค่คำว่าขออภัยด้วย”

พอได้ฟังเงื่อนไขของท่านยายซุน เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกหงุดหงิด กลับดีใจด้วยซ้ำ

ตราบใดที่มีมาตรฐานชัดเจนก็ดีอยู่แล้ว อย่างอื่นไม่กล้ารับประกัน แต่ถ้าพูดถึงการทำภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงถามใจตัวเองแล้วได้คำตอบว่าไม่เคยกลัว

ยิ่งไปกว่านั้น อิงตามกฎเหล็กระหว่างการทุ่มเทและการรับผลตอบแทนในเกม ในเมื่อรางวัลภารกิจคือปลาขาวบึงหนาว เช่นนั้นภารกิจก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่ยากเกินไป

พอนึกถึงจุดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็กุมหมัดคารวะด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “ท่านยายซุนบอกโจทย์ได้เลยขอรับ!”

“ดี!”

พอเห็นเยี่ยเว่ยหมิงตรงไปตรงมาขนาดนี้ ท่านยายซุนก็พูดตรงมากเช่นกัน “ด่านแรก ในเมื่อเจ้าต้องการนำปลาขาวบึงหนาวไป ก็ต้องพิสูจน์ว่าตัวเองมีคุณสมบัตินั้น ในเมื่อทุกคนล้วนเป็นชาวยุทธ์ ย่อมคุยกันด้วยวิทยายุทธ์อยู่แล้ว ขอเพียงเจ้าเอาชนะศิษย์สำนักสุสานโบราณสามคนที่เข้ามาโจมตีพร้อมกันได้ ก็ถือว่าผ่านด่าน!”

[1] ยาปี้กู่ 辟谷丹 ยาที่ทำให้นักพรตเต๋าบำเพ็ญเพียรโดยหลีกเลี่ยงการกินธัญพืชทั้งห้าชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี และถั่ว

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท