ตอนที่ 484 บันทึกลับหลี่ว์กง
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าถูกขังในห้องเก็บฟืน พบว่าในห้องมีจุดหนึ่งที่ดูไม่ปกติ ตอนที่พวกท่านเพิ่งออกมา ข้าก็เลยตั้งใจสำรวจดูครู่หนึ่ง ผลปรากฏว่าพบสมุดบัญชีเล่มหนึ่งในลิ้นชักลับ”
อาจูขยิบตาให้เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมบอกว่า “หวังฮูหยินต้องการสังหารพวกเรา ข้านำสมุดเล่มบางๆ เล่มหนึ่งมาเพื่อล้างแค้นสักหน่อย คงจะไม่ถือว่าทำเกินไปหรอกกระมัง”
“ไม่เกินไปหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ ที่จริงก่อนหน้านี้เขาเองก็พบลิ้นชักลับนั่นแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเยี่ยเว่ยหมิงรอบคอบอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะทักษะ ‘เวทบรรจุศพ’ แจ้งเตือนเขา
แต่เขามาเพื่อรีบช่วยคน ประกอบกับหวังอวี่เยียนอยู่ข้างกาย ตนสังหารเหยียนมาม่าเพื่อช่วยคนก็ว่าหนักแล้ว ถ้ารื้อค้นของล้ำค่าในบ้านคนอื่นอีก นั่นก็จะฟังไม่ขึ้นแล้ว
ดังนั้น เขาก็แค่จำจุดลับนั่นไว้ในใจก่อน วางแผนไว้ว่าในภายหลังถ้ามีเวลา ค่อยกลับมาตรวจสอบให้ละเอียดอีกที
แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันรอให้เขาลงมือ อาจูกลับรื้อของในห้องนั้นก่อนแล้ว
ตอนนี้กลับได้ยินอาจูพูดต่อว่า “แม้จะไม่รู้ว่าในสิ่งที่ดูเหมือนสมุดบัญชีนี้จะซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่ แต่มันถูกซ่อนไว้ในลิ้นชักลับ คาดว่าน่าจะไม่ใช่ของธรรมดา…
…ที่จริงข้าขโมยมันออกมาก็เพื่อระบายความโกรธเท่านั้น เก็บของสิ่งนี้ไว้ที่ข้าไม่มีประโยชน์เลย ไม่สู้มอบให้คุณชายเยี่ยดีกว่า ถือว่าเป็นการขอบคุณที่ท่านเคยช่วยชีวิตข้าไว้”
นี่ถือเป็น…รางวัลภารกิจ?
ที่จริงถ้าเทียบกับสมุดบัญชีบางๆ นี่แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงอยากได้ ‘วิชาแปลงโฉม’ ของอาจูมากกว่า
เขารู้สึกว่าทักษะนั้นต่างหากที่มีวาสนาต่อเขา
แน่นอน หากเสริม ‘ทักษะปาก’ ที่เป็นทักษะเลียนเสียงไปด้วย ก็จะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
แต่ในเมื่ออาจูยืนยันรางวัลภารกิจแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สะดวกจะต่อรองเช่นกัน
อย่างไรเสีย หากพูดตามลำดับเหตุผล สาเหตุที่อาจูกกับอาปี้เกือบถูกฆ่าก็เป็นเพราะช่วยชีวิตเขา
เยี่ยเว่ยหมิงวางกับดักให้ NPC คนอื่นถึงตายได้ แต่สำหรับแม่นางสองคนนี้ เขาจะคิดเล็กคิดน้อยจนเกินเหตุไม่ได้
วิญญูชนมีบางสิ่งที่ทำได้ และมีบางสิ่งที่ทำไม่ได้
หลังจากรับสมุดบัญชีมาจากมืออาจูแล้วกล่าวขอบคุณ เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าเป็นโอกาสที่ไม่เลวเลย จึงถามคำถามที่คาใจเขามานาน “แม่นางอาจู ก่อนหน้านี้ต้องขอบคุณเจ้ากับอาปี้มากที่ช่วยข้าให้พ้นเงื้อมมือจองพระทิเบตนั่น เพียงแต่ตอนนั้นข้าถูกผึ้งต่อยจนสลบ ตอนหลังเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าไม่รู้เลย แม่นางอาจูคลายข้อสงสัยให้ข้าได้หรือไม่”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามถึงเรื่องนี้ ใบหน้างามของอาจูก็เผยรอยยิ้มรู้สึกผิด จากนั้นก็เล่าเรื่องที่นางกับอาปี้วางแผนช่วยชีวิตให้เยี่ยเว่ยหมิงฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
ที่แท้อาจูกับอาปี้ก็ซาบซึ้งที่ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือ จึงตัดสินใจว่าจะช่วยเขาออกมาจากเงื้อมมือมารของจิวหมัวจื้อ
แต่ทักษะยุทธ์ของพวกนางต่ำต้อย ยามเผชิญหน้ากับ BOSS ใหญ่อย่างจิวหมัวจื้อ อย่าว่าแต่พวกนางเลย ขอเพียงไม่ใช่มู่หรงปั๋วที่แกล้งตายลงมือเอง ต่อให้เป็น NPC ยอดฝีมือทั้งสกุลมู่หรงเข้ามาพร้อมกัน แต่ก็เอาชนะจิวหมัวจื้อคนเดียวไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้น หากพวกนางอยากช่วยคน ก็ต้องใช้สติปัญญาเท่านั้น
โชคดีที่ก่อนหน้านี้หวังอวี่เยียนเคยมอบผงยาวิเศษที่ใช้เรียกผึ้งให้อาจูจำนวนหนึ่ง บอกว่าให้นางไว้ใช้ป้องกันตัว นำมาใช้รับมือกับศัตรูที่คิดร้ายกับสกุลมู่หรงได้เช่นกัน
ถ้าพูดถึงผึ้งเมาพวกนี้ ที่มาที่ไปถือว่าไม่ธรรมดา
ตอนเยี่ยเว่ยหมิงเห็นผึ้งทีแรกก็นึกไม่ออก จนกระทั่งได้ยินอาจูเอ่ยถึงชื่อผึ้ง เขาถึงได้นึกออกกะทันหัน ว่าตัวเองเคยเห็นชื่อนี้จากกลยุทธ์เนื้อเรื่องที่อินปู้คุยส่งมาให้
ในกลยุทธ์อธิบายไว้ว่า ผึ้งเมาเป็นสัตว์ที่หวังฮูหยินแห่งหมู่บ้านภูเขาม่านถัวเลี้ยงอย่างพิถีพิถันมาหลายสิบปี
เลี้ยงด้วยละอองเรณูของดอกชาที่มีฤทธิ์เป็นยาสลบ เหล็กในของผึ้งไม่มีพิษ แต่กลับแฝงยาสลบชนิดหนึ่งที่ทำให้คนหมดสติได้
เนื่องจากยาสลบใช้ในทางการแพทย์ หรือไม่ก็ถูกนำมาปรับใช้กับการแพทย์ ดังนั้นตามความหมายแล้วไม่ถือว่ามีพิษ
ตามต้นฉบับเดิม ต้วนอวี้ที่กินคางคกชาดวัวมาเหมือนกันก็ยังทนฤทธิ์ยาของผึ้งเมาไม่ไหวจนถูกหวังฮูหยินควบคุม เยี่ยเว่ยหมิงสลบไปก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
แต่ถึงอย่างไรจิวหมัวจื้อก็เป็น BOSS เลเวลสูงคนหนึ่ง แม้จะมีอาวุธลับอย่างผึ้งเมาอยู่ในมือ แต่ถ้าคิดจะลอบทำร้ายเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี
ยังดีที่พิษของผึ้งเมาไม่ทำอันตรายถึงแก่ชีวิต ดังนั้นแม้อาจูจะใช้วิธีการโหด โรยผงยาที่ล่อผึ้งเมาไว้ที่เบาะเก้าอี้ของทั้งสอง ขอเพียงทั้งสองนั่งลง บนเสื้อผ้าก็จะเปื้อนผงยาและกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของผึ้งเมา
เพื่อให้แผนการนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกนางจุดไม้จันทน์หอมเพื่อกลบกลิ่นหอมของผงยาในห้องอาหารที่บ้านน้อยทำนองพิณก่อน แล้วก็ใช้สุราที่ดูเหมือนน่าสงสัยแต่ความจริงไร้ปัญหามาดึงดูดความสนใจของจิวหมัวจื้อ ทำให้เขาคิดไปเองว่าปัญหาต้องอยู่ที่ของพวกนั้นแน่นอน ทำให้จิวหมัวจื้อกับเยี่ยเว่ยหมิงไม่พบความผิดปกติเลย
แน่นอน สาเหตุที่ทำให้แผนการนี้เป็นจริงได้ สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะแผนของอาจูยังโหดมากพอ
แม้เป้าหมายของนางจะทำไปเพื่อช่วยเยี่ยเว่ยหมิง แต่ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของผึ้งเมาเช่นกัน
จิตใต้สำนึกของจิวหมัวจื้อคิดมาตลอดว่าแม้ผู้หญิงสองคนนี้จะมีแผนการอยู่บ้าง แต่ก็ต้องคิดหาทางทำให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่บาดเจ็บแน่นอน ความคิดที่ไม่ยืดหยุ่นแบบนี้ นี่ต่างหากสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เขาติดกับดักอาจู
ผู้หญิงสองคนนี้ไม่มีอารมณ์ไปสนใจสถานการณ์ของจิวหมัวจื้อ สนใจแต่พาเยี่ยเว่ยหมิงพายเรือหนีออกจากบ้านน้อยทำนองพิณ
หลังจากออกจากบ้านน้อยทำนองพิณแล้ว พวกนางก็คิดจะพาเยี่ยเว่ยหมิงไปเรือนหอมริมน้ำทันที
แต่ระหว่างทาง จู่ๆ อาปี้ก็ปวดปัสสาวะ จึงเปลี่ยนเส้นทางไปที่หมู่บ้านภูเขาม่านถัว
เดิมทีคิดจะอาศัยกระท่อมที่นี่ พอใส่ปุ๋ยเสร็จแล้วก็จะไป แต่กลับถูกหวังฮูหยินจับได้คาหนังคาเขา
ซึ่งก่อนหน้านี้หวังฮูหยินพบความผิดปกติของผึ้งเมา พอถามซักไซ้แล้วถึงได้รู้รายละเอียด ทำให้นางยิ่งเกรี้ยวกราด สั่งให้เหยียนมาม่าฆ่าพวกนางทำปุ๋ยให้ดอกไม้ทันที
โชคดีที่อาจูเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว จึงยัดกระดาษแผ่นหนึ่งให้หวังอวี่เยียนล่วงหน้า ให้นางไปขอให้เยี่ยเว่ยหมิงมาช่วย
เล่าอดีตจบแล้ว…
……
หลังจากได้ฟังที่มาที่ไปจบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เรียบเรียงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดของภารกิจนี้
ที่แท้ภารกิจ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ก็มีทั้งหมดสองส่วน
ก่อนที่จะได้รับตำรากระบี่ คือสิ่งที่ทดสอบคือความสามารถของผู้เล่น
ว่าจะหาหนึ่งในหกพระทิเบตและสังหารในอาณาเขตต้าหลี่ที่กว้างใหญ่ได้อย่างไร นี่คือบททดสอบที่เข้มงวดสำหรับความสามารถด้านต่างๆ ของผู้เล่น
ต้องทราบไว้ว่าสถานการณ์ต่างๆ ที่ต่อเนื่องก่อนหน้านี้ คนที่ผู้เล่นต้องเผชิญหน้าไม่ได้มีเพียงพระทิเบตที่เลเวลต่างกัน ทั้งยังมีผู้ท้าชิงคนอื่นอีกนับไม่ถ้วน!
หลังจากได้ตำรากระบี่แล้ว ก็ต้องตัดสินใจเลือก
ทางเลือกอื่นจะเป็นอย่างไร เยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้ชัด แต่ถ้าเลือกเรียนตำรากระบี่เอง เช่นนั้นบททดสอบต่อไปที่ต้องเผชิญหน้าก็คือคุณธรรมของผู้เล่น
ในเนื้อเรื่องของแถบลุ่มน้ำกูซู ขอเพียงผู้เล่นแสดงจิตใจที่งดงามออกมามากพอ ทำให้อาจูและอาปี้รู้สึกดีได้ พวกนางก็ย่อมมีหนทางช่วยผู้เล่นจากเงื้อมมือของจิวหมัวจื้อได้
ถ้าใช้ประโยชน์จากวิธีการอื่น ยกตัวอย่างเช่นอาศัยจุดอ่อนที่จิวหมัวจื้อว่ายน้ำไม่เป็นเพื่อให้ตัวเองบรรลุจุดมุ่งหมาย ต่อให้ทำสำเร็จ แต่ก็จะต้องเกิดอุปสรรคมากมายอยู่ดี
ตัวอย่างเช่นพอเรือของอาจูโผล่มากะทันหัน ระบบก็จะเพิ่มระดับความยากในการฆ่าจิวหมัวจื้อ
แน่นอน ความยากเพิ่มขึ้นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางสังหารได้
แม้แต่พระรองที่เป็นร่างแท้ก็ยังตายได้ นับประสาอะไรกับตัวประกอบโหมดภารกิจ?
เพียงแต่ถ้าอยากจะฆ่าให้สำเร็จ ก็จะต้องเอาชนะบททดสอบขั้นแรกที่ระบบจัดมาให้
ตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงว่ายน้ำเก่งจริงๆ ตอนที่จิวหมัวจื้อจับตัวอาจู เขาก็รีบดำน้ำลงก้นทะเลสาบ จากนั้นโจมตีฝ่ามือขึ้นมาจากข้างล่างเพื่อพังเรือของอาจู ก็น่าจะทำให้จิ้วหมัวจื้อตายสนิทได้แล้ว
แต่ก็น่าเสียดาย ผู้เล่นที่ฝึกว่ายน้ำได้ถึงขั้นนั้นเดิมทีก็มีน้อยอยู่แล้ว
ผู้เล่นแบบนี้จะมีโอกาสชิงตำราดรรชนีกระบี่หกชีพจรต่ำที่สุด ดังนั้น…วิธีการผ่านด่านที่ปลอดภัยต้องใช้คุณธรรมของผู้เล่นทำให้อาจูกับอาปี้ซาบซึ้งใจ
ขอเพียงกอดต้นขางามๆ ของพวกนางไว้ ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงที่สะบักสะบอมกว่าต้วนอวี้ตามต้นฉบับเดิม แต่อาจูก็จะหาทางช่วยเขาออกมาจากเงื้อมมือจิวหมัวจื้อได้อยู่ดี
พอเข้าใจกุญแจสำคัญที่อยู่ในนั้นแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็มองอาจูด้วยสายตาสุภาพอ่อนโยนมากขึ้น
หลังจากอาจูสนทนากับเยี่ยเว่ยหมิงอีกหนึ่งประโยคก็บอกว่าจะไปช่วยอาปี้พายเรือแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องโดยสารเรือ
ขณะมองคล้อยหลังอาจูเดินออกไป เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ย้ายสายตากลับมาอยู่ที่สมุดบัญชีในมือ
เห็นบนปกของสมุดบัญชีเขียนตัวอักษรไว้ว่า ‘เกิง’ ไม่มีการลงชื่ออย่างอื่นด้วย ดูแล้วน่าจะเป็นหนึ่งในชุดสมุดบัญชี
พอเปิดอ่าน กลับเห็นรายการบัญชีที่เขียนไว้ละเอียดจุกจิกมาก รูปแบบเหมือนสมุดบัญชีทุกอย่าง
เพียงแต่ทั้งสมุดบัญชีบันทึกรายการสินค้าที่ซื้อเอาไว้ ทั้งเป็นหัวใจ ตับ ม้าม ปอด ไตของวัว หมูและแกะ แต่กลับไม่เห็นวัตถุดิบที่เป็นกระแสหลักอย่างกระดูกซี่โครง หนังติดมัน สมองและเส้นเอ็น
ถ้าทำอาหารตามสมุดบัญชีเล่มนี้ อย่าบอกนะว่าอาหารในแต่ละวันของหวังฮูหยินมีแต่ตุ๋นเครื่องในหมู กระเพาะวัวลวก ผัดเครื่องในสามสหาย ไส้ใหญ่ดิบ…
ชอบกินของคาวขนาดนี้เลยเหรอ!
เปิดสมุดบัญชีตั้งแต่ต้นจนท้ายด้วยความเคยชินแต่ก็ยังจับใจความไม่ได้ กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงได้รับค่าประสบการณ์ ‘คำนวณ’ ห้าร้อยแต้มอย่างไม่คาดคิด
แต่หลังจากอ่านแล้ว สมุดบัญชีเล่มนี้กลับไม่หายไป ยังคงมีสภาพเหมือนก่อนหน้านี้
อธิบายได้อีกอย่างว่าอาจูไม่ได้โกหก ในสมุดบัญชีต้องซ่อนความลับอย่างอื่นเอาไว้แน่นอน
เหมือนกับ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ ก่อนหน้านี้
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บสมุดบัญชีไว้ก่อน แล้วนำ ‘ตระหนักรู้พุทธธรรม’ ที่ได้จากการเก็บศพไต้ซือเสวียนเปยก่อนหน้านี้ออกมาแทน
ขณะเตรียมจะจัดระเบียบสิ่งที่ได้มาซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่มีเวลาดู จู่ๆ บนฟ้ากลับมีเสียงประกาศระบบที่คุ้นเคยดังขึ้น
[ประกาศระบบ: มีพระทิเบตที่พกตำรากระบี่ถูกฆ่าอีกหนึ่งคน ตำรากระบี่เล่มที่สี่ปรากฏแล้ว!]
[ยินดีกับผู้เล่นหนิวจื้อชุนแห่งสำนักฉวนเจิน ได้รับตำรา ‘กระบี่ส้าวซาง’ ส่วนหนึ่งของ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจรฉบับไม่สมบูรณ์’!]
พอได้ยินเสียงประกาศระบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็หยุดเปิดหนังสือทันที แล้วรีบส่งพิราบสารไปให้หนิวจื้อชุนสามข้อความโดยเร็วที่สุด
[หลังจากได้ตำรากระบี่แล้วยังไม่ต้องรีบเรียนก็ได้ ถ้าจิวหมัวจื้อกับพระวัดเทียนหลงปรากฏตัว เจ้าใช้ตำรากระบี่แลกเป็นของรางวัลอื่นก่อนก็ได้]…เยี่ยเว่ยหมิง
[แต่ถ้าเจ้าเรียนไปแล้ว ข้าแนะนำว่าเจ้าควรมีเมตตา จำไว้ว่าต้องมีเมตตา!]…เยี่ยเว่ยหมิง
ส่วนข้อความที่สาม เยี่ยเว่ยหมิงก็แนะนำขั้นตอนของภารกิจอย่างละเอียด รวมทั้งการวิเคราะห์บางส่วนของตัวเอง แต่หลังจากส่งพิราบออกไป กลับได้รับแจ้งเตือนจากระบบว่า หนิวจื้อชุนกำลังอยู่ในสถานะพิเศษ ยังไรับส่งข้อความไม่ได้
ข้อความนี้เรียกคืนได้ ถ้าไม่เรียกคืน ก็จะส่งถือมืออีกฝ่ายทันทีที่ออกจากสถานะพิเศษ
เมื่อเห็นแจ้งเตือนจากระบบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่ายหน้าด้วยความจนใจ
ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าสู้สถานะที่รับส่งข้อความไม่ได้ เช่นนั้นไม่ต้องถามก็รู้ว่าสหายแพะรับบาปของพวกเราเรียนตำรากระบี่เล่มนั้นทันทีที่ได้มาแน่นอน ทั้งยังถูกจิวหมัวจื้อจับตัวและจี้สกัดจุดไว้แล้วด้วย
ตอนนี้สิ่งที่ตัวเองทำได้ก็ทำไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ทำได้เพียงพึ่งดวงและความสามารถของเขาเอง
สู้ๆ แล้วกัน พี่ช่วยเจ้าได้แค่เท่านี้!
เขาย้ายสายตากลับมาบน ‘ตระหนักรู้พุทธธรรม’ อีกครั้ง ขณะเตรียมจะเปิดอ่าน จู่ๆ กลับได้ยินเสียงพิราบกระพือปีกพักหนึ่ง พอเงยหน้ามอง ก็เห็นพิราบขาวตัวหนึ่งบินผ่านกระดานไม้ของห้องโดยสารเรือมาเกาะอยู่บนบ่าเขาแล้วหายไป
เขาเปิดหน้าข้อความทันที แต่กลับเห็นรูปโปรโฟล์ของเชิญร่ำสุรากะพริบแสงอีกแล้ว
[สหายเยี่ย เรื่องของพวกเราก่อนหน้านี้ยังคุยกันไม่จบ ครั้งนี้น้องชายจะพูดสั้นๆ นะ พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันสองรายการเป็นอย่างไร]…เชิญร่ำสุรา
เจ้าหมอนี่ วิญญาณไม่ไปผุดไปไปเกิดสักที
เยี่ยเว่ยหมิงตอบทันที
[แลกเปลี่ยนอะไร]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ตอนนี้ในมือข้ามีทิศทางและผลลัพธ์ของตำรากระบี่สองเล่ม ข้าอยากจะใช้ข้อมูลนี้มาแลกกับข่าวของสหายเยี่ย เจ้าหนีพ้นจากจิวหมัวจื้อสำเร็จแล้ว ได้รับตำรา ‘กระบี่จงชง’ แล้วใช่ไหม]…เชิญร่ำสุรา
เนื่องจากก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงมีธุระหลายเรื่อง ยังไม่ทันสนใจผลลัพธ์ของภารกิจ พอถูกเชิญร่ำสุราถามจึงนึกขึ้นได้ว่าต้องตรวจดูหลังบ้านของระบบ
พอดูที่หน้าภารกิจก็เป็นอย่างที่คาดไว้ ในนั้นบอกว่าเขาหลุดพ้นเงื้อมมือของจิวหมัวจื้อโดยสมบูรณ์แล้ว ทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับ ‘กระบี่จงชง’ สำเร็จแล้ว
ตั้งแต่ตอนนั้น (เขาสลบและถูกอาจูกับอาปี้พาตัวไป) ‘กระบี่จงชง’ ก็กลายมาเป็นทักษะส่วนตัวของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่แตกต่างกับทักษะอื่น
ไม่เกิดสถานการณ์ที่มีตัวละครตายแล้วทักษะหายอีกแล้ว!
เมื่อเห็นข่าวดีที่เหนือความคาดหมาย มุมปากของเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
โล่งใจไปหนึ่งเปลาะ!
สำหรับคำถามของเชิญร่ำสุรา คำตอบของเขาก็คือ…
[เจ้าว่ามาก่อน]…เยี่ยเว่ยหมิง
เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงคิดว่าอีกฝ่ายจะต่อรองกับเขาแน่นอน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะให้คำตอบโดยตรง
[ตำรากระบี่เล่มแรก ‘กระบี่ซางหยาง’ เมฆเคลื่อนเดียวดายเป็นคนได้ไป แต่เขาหนีไม่พ้นเงื้อมมือของจิวหมัวจื้อ ถูกจิวหมัวจื้อพาตัวไปหมู่บ้านชานเหอ ถูกเผาหน้าหลุมศพมู่หรงปั๋วแล้วกลับมาที่จุดฟื้นชีพ ทักษะก็หายไปด้วย…
…ตำรากระบี่เล่มที่สาม ตำรากระบี่ ‘กระบี่ส้าวชง’ ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้สุ้มเสียงได้ไป แต่เขาก็ไม่ได้เลือกเรียนทันที ส่งมันคืนให้ไต้ซือคูหรงที่วัดเทียนหลง ได้รับรางวัลจากสำนักแทน แต่รายละเอียดว่าเป็นรางวัลอะไร ข้าไม่สะดวกจะเปิดเผย
ข้ารู้เพียงเท่านี้ ไม่ทราบว่าสถานการณ์ทางฝั่งสหายเยี่ยเป็นอย่างไร]
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่ทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จแล้วจับภาพแจ้งเตือนระบบที่บอกว่า ‘กระบี่จงชง’ กลายเป็นทักษะส่วนตัวของเขาโดยสมบูรณ์ไปให้
อีกฝ่ายส่งลิงก์ไอเทมเข้ามามาทันที
[บันทึกลับหลี่ว์กง] ผลงานของหลี่ว์ปัน บรรพจารย์แห่งการก่อสร้าง สร้างหรือปรับปรุงเครื่องมือต่างๆ ได้ จะได้รับโบนัสค่าสเตตัสจำนวนหนึ่ง
เงื่อนไขการฝึก: ความว่องไว 30 ค่าตระหนักรู้ 50
[ข้อแลกเปลี่ยนที่สอง ข้าเตรียมจะใช้ของสิ่งนี้เพื่อแลกกับข้อมูลการผ่านบททดสอบ ‘ตำรากระบี่’ ของเจ้า สหายเยี่ยคิดว่าอย่างไร]…เชิญร่ำสุรา