รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 055 ผู้ชายคนนี้หยอดเก่งมาก
เนคไทเส้นหนึ่งยื่นมาตรงหน้าเธอ
เทวิการู้ตัวทันที
แล้วยื่นมือไปรับเนกไทมา ก็ช่วยเขาผูกเนกไทเลย ปากก็พูดไปว่า “ยังดีนะคะที่บางครั้งพี่ชายฉันจะขอให้ฉันช่วยเขาผูกเนกไทบ้าง ไม่งั้นฉันก็คงจะผูกเนกไทไม่เป็นหรอกค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้ สายตาของยศพัฒน์ก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อย ปฏิกิริยาบนใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา แล้วยื่นข้อเสนอไปให้กับเทวิกาขึ้นว่า “วิกา ต่อไปนี้คุณจะต้องช่วยผูกเนกไทให้ผมได้คนเดียว”
“นั่นมันพี่ชายฉันนะคะ คุณจะมาหึงไม่เข้าเรื่องทำไม”
“เป็นพี่ชายของคุณ ผมก็หึงเหมือนกัน ในอนาคตถ้าพวกเรามีลูกกันแล้ว ถ้าคุณดีกับลูกมากกว่าผม ผมก็จะหึงเหมือนกัน ผมอยากให้คุณเอาผมไปอยู่อันดับหนึ่งในใจเสมอ”
เทวิกา “……ฉันสามารถพูดความจริงได้ไหมคะ?”
ยศพัฒน์มีท่าทางเหมือนกับได้เตรียมหูไว้รอฟังแล้ว
“ตอนนี้ในใจฉัน คนในครอบครัวฉันจัดอยู่อันดับต้น ๆ เลยค่ะ ครอบครัวฉันมีพ่อกับแม่ ปู่ย่า แล้วก็พี่ชาย ทั้งหมดก็ห้าคนแล้ว คุณได้จัดอยู่อันดับที่เจ็ดค่ะ”
คุณชายบางท่านหน้าดำคร่ำเครียด
“ทำไมผมถึงไปอยู่อันดับเจ็ดได้ล่ะ ถึงผมจะจัดอยู่หลังคนในครอบครัว ก็น่าจะเป็นอันดับที่หกซิ อันดับที่หกคือใคร?”
มาแย่งตำแหน่งของยศพัฒน์อย่างเขา!
รายงานชื่อออกมา เขารับรองว่าจะทำให้อีกฝ่ายไสหัวออกมาจากใจของภรรยาเขาแน่ ไม่ให้ติดสักอันดับด้วยซ้ำ!
“ก็กนกอรไงคะ กนกอรเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เป็นเพื่อนรักของฉัน แล้วก็เป็นหุ้นส่วนด้วย”
คุณชายบางท่าน “……”
โชคยังดีที่เป็นผู้หญิง!
“เทวิกา”
มือทั้งสองข้างของยศพัฒน์รวบกอดเข้ามา กอดมือของเธอที่ช่วยเขาผูกเนกไททั้งคู่เอาไว้
นิ้วมือของเธอเรียวยาวและอ่อนนุ่ม เขากอดไว้แล้วก็ไม่อยากคลายออก แล้วดึงให้สูงขึ้น มาชิดอยู่ข้างริมฝีปากเขา ดวงตาดำสนิทของเขาจ้องมองเธอเอาไว้ เรียวปากที่ร้อนผ่าวค่อย ๆ จูบลงบนหลังมือของเธอ
เทวิกาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ผู้ชายคนนี้ดึงดูดเธอเก่งมาก
“พี่พัฒน์ ……”
“เรียกผมว่าสามี เราเป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผมชอบให้คุณเรียกว่าสามี มาเร็ว วิกา เรียกสามีให้ผมฟังซะสองคำเร็ว”
เทวิกาใช้แรงชักมือตัวเองกลับมา และไม่ให้เขาเอาน้ำลายมาเปื้อนบนหลังมือตัวเองอีก
แถมเธอยังเหมือนกับระบายอารมณ์เอาหลังมือไปเช็ดถูลงบนเสื้อเขา ปากก็ตั้งใจพูดรังเกียจเขาไปว่า “ทำให้หลังมือฉันเปื้อนน้ำลายเต็มไปหมดแล้วนะคะ”
ยศพัฒน์หัวเราะเสียงต่ำขึ้น ชอบมองท่าทางที่เขินอายแล้วแกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรของเธอจัง น่ารักมาก
“เมื่อกี้คุณอยากพูดอะไรคะ?”
เทวิกาถามเขา
“ที่ผมอยากพูดคือ คุณจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งของผมกับกนกอรหน่อยได้ไหม? พวกเรารู้จักกันมานานกว่านะ?”
คนในครอบครัวเธอจัดอยู่ข้างหน้า ตอนนี้เขาก็ยอมรับแล้ว
เพราะว่าเขาเพิ่งจะดึงเธอเข้ามาในโลกเขาได้ไม่นาน ระยะเวลามันสั้นไป เธอยังไม่ได้ตกหลุมรักเขาเลย ก็จะมาเบียดคนในครอบครัวเธอไปข้างหลังแล้ว นั่นมันดูไม่ค่อยจะเป็นไปได้นะ
ดังนั้น เขาจึงยอมแพ้ที่จะไปแข่งกับคนในครอบครัวเธอ แล้วมาแข่งกับกนกอร
“รู้จักฉันมาสิบเอ็ดปีแล้วมันมีประโยชน์อะไร? คุณมีสถานะยังไง ฉันก็ยังไม่รู้เลย”
ยศพัฒน์หมดคำพูด
เขารู้ ที่เขาปิดบังสถานะมาตลอด เป็นความผิดของเขา
ก็เขากลัวนี่ กลัวว่าถ้าบอกสถานะไปตั้งแต่เนิ่น ๆ เธอก็จะจากเขาไป แม้แต่ชเนนทร์ก็คงจะไม่มีทางยอมเป็นเพื่อนและกลับบ้านกับเขา
คนบ้านตระกูลวาชัยยุง เป็นคนซื่อสัตย์กันทั้งนั้น ไม่ชอบเกาะใครให้สูงส่งขึ้น แค่ชอบพึ่งความสามารถของตัวเองปีนขึ้นที่สูงเท่านั้น
“คุณเข้างานช่วงสายกี่โมงคะ?”
“ปกติแล้วก็ไปให้ถึงบริษัทก่อนแปดโมงถึงสิบโมง ถ้ามีธุระ ก็อาจจะสายหน่อยก็ได้ หรืออาจจะไม่กลับไปบริษัทเลยก็ได้ บี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ปก่อตั้งขึ้นมาเป็นสิบปีแล้ว ทีมผู้บริหารเป็นผู้ใหญ่กันมาก ล้วนเป็นขุนพลเก่าของบริษัทกันหมด ถึงผมจะเป็นแค่เจ้านายที่อยู่เฉย ๆ คนหนึ่ง บี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ปก็ยังสามารถดำเนินงานไปตามปกติได้อยู่ดี”
บี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ปเข้าไปเกี่ยวข้องกับสายงานต่าง ๆ มากมาย ผู้ดูแลสายงานใหญ่ต่าง ๆ ล้วนเป็นพวกน้อง ๆ ของเขาทั้งนั้น
แล้วก็เป็นพวกที่เขาเชื่อใจได้ทั้งนั้น
พอมีพวกเขาอยู่ บางครั้งเขาก็สามารถเป็นเจ้านายที่อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องสนใจอะไรได้
เพียงแต่ว่า พอเขาเป็นเจ้านายที่ไม่ยอมสนใจอะไร พวกน้องชายของเขาก็จะต้องลำบากโอดครวญ จากนั้นแต่ละคนก็จะมาร้องทุกข์กับเขา
“ตอนนี้ก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว ถ้าคุณยังไม่ออกจากบ้านไปอีก ก็จะไปทำงานสายแล้วนะคะ”
จากบ้านของเขาไปบริษัทถึงจะไม่ถือว่าไกลมาก แต่ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนในการทำงาน รถจึงติดได้ง่าย จึงต้องเผื่อเวลาออกจากบ้านไปล่วงหน้า
ยศพัฒน์ “……ผมก็นึกว่าคุณจะเป็นห่วงว่าผมงานยุ่งหรือเปล่า เหนื่อยหรือเปล่า ที่แท้ก็กลัวผมจะไปทำงานสาย”
“ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างพวกคุณ ทุกวินาทีคงจะต้องมีค่ามากใช่ไหม รีบไปรักษาเวลาหาเงินของคุณไว้ให้ดีเถอะค่ะ”
เทวิกาลากเขาออกจากบ้านไป
ยศพัฒน์ปล่อยให้เธอลากเขาเดินไป
งานวันนี้ค่อนข้างสำคัญจริง ๆ ต้องเข้าประชุมเรื่องสำคัญหลายครั้ง ยังต้องเจอลูกค้าสำคัญอีกสองคน เพื่อคุยเรื่องร่วมงานกันด้วย
ทีแรกช่วงนี้เขาต้องบินไปต่างประเทศ แต่ไม่อยากจากเธอไป เขาถึงได้เอาเรื่องพวกนั้นมอบให้กับกษิดิ คุณชายรองแห่งตระกูลอริยชัยกุลไป
กษิดิเป็นลูกชายคนโตของอารองของเขา เกิดหลังยศพัฒน์สองเดือน ทั้งสองคนเกิดปีเดียวกัน
ตอนนั้น แค่ปีเดียวคุณย่ามีหลานชายเพิ่มขึ้นมาสองคน ท่านดีใจจนแทบบ้าเลย
“วิกา เดี๋ยวผมส่งคุณกลับบ้านเช่าก่อนนะ”
ยศพัฒน์พลิกมือกลับมาจับมือเทวิกาไว้ สิบนิ้วประสานเข้าหากันแล้วเดินลงตึกไปด้วย
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันโบกรถกลับไปเอง ร้านของฉันไม่ต้องเปิดเช้าขนาดนี้หรอกค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมจัดรถส่งคุณไป”
เทวิกาครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วก็ตอบตกลง ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของเธออีก เขาจะได้ไม่ต้องไปทำงานสายเพราะต้องการไปส่งเธอ
“คุณชายใหญ่คะ”
พอป้ามะนาวเห็นสองสามีภรรยาลงจากชั้นบนมา ก็รีบเข้าไปหาทันที หันมองไปที่เทวิกาครู่หนึ่ง แล้วทำตัวยึกยักไม่ยอมพูดอะไรออกมา
ดวงตาดำของยศพัฒน์เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นว่า “ป้ามะนาว วิกากับผมเป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยาก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน ต่อไปถ้าจะพูดเรื่องอะไรต่อหน้าผม ไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงวิกา”
“คุณชายใหญ่คะ คุณกชนิภายังเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูรั้วอยู่เลยค่ะ”
ยศพัฒน์พูดเสียงเย็นขึ้นมาว่า “อยากเฝ้าก็เฝ้าไปซิ หล่อนชอบเฝ้าประตูซะขนาดนั้น ก็ให้หล่อนเฝ้าจนชั่วฟ้าดินสลายเลย”
อากาศร้อน เดี๋ยวตอนพระอาทิตย์ขึ้นสูง เขาไม่เชื่อหรอกว่ากชนิภายังจะเฝ้าต่อไปได้อีก
เทวิกาเอียงหัวมองผู้ชายที่อยู่ข้างกายเล็กน้อย
เมื่อมีข้อเปรียบเทียบแล้ว เธอก็เข้าใจขึ้นมาแล้วว่า
ความอ่อนโยนของเขามีเพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น
สำหรับคนอื่นแล้ว เขาเย็นชามาก
แม้แต่เปรมา คนที่เคยเป็นคู่สร้างคู่สมกันมาก่อน เขาก็ยังปฏิบัติด้วยความเย็นชา
ยศพัฒน์เคยพยายามปฏิเสธซ้ำ ๆ ว่าเปรมาไม่ใช่คู่สร้างคู่สมของเขา แต่เทวิกาก็ยังคิดว่าพวกเขาเคยเป็นคู่สร้างคู่สมกันมาก่อนด้วยความเคยชิน
ผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็เติบโตมาด้วยกัน จนถึงตอนที่เขาอายุสิบเก้าปี เปรมาถึงออกนอกประเทศไป ถ้าจะบอกว่าพวกเขาเป็นคู่สร้างคู่สมกันนั้น ก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปเลย
เทวิการู้สึกแปลกใจจริง ๆ ตกลงเปรมาเคยทำเรื่องอะไรที่ทำให้ยศพัฒน์รู้สึกรังเกียจขนาดนั้นเอาไว้ เขาถึงได้ยังไงก็ไม่ยอมรับว่าเธอเป็นคู่สร้างคู่สมของเขา
“วิกา พวกเราไปกันเถอะ”
ยศพัฒน์จูงมือเทวิกาแล้วก็เดินไป ในขณะเดียวกันก็สั่งกำชับป้ามะนาวขึ้นว่า “ป้ามะนาว เดี๋ยวเตรียมรถเพิ่มอีกคันหนึ่งนะ เดี๋ยวผมกับวิกาออกไปด้วยกันก่อน แล้วค่อยให้วิกานั่งรถอีกคันหนึ่งไปต่อ”
กชนิภาเฝ้าอยู่หน้าประตูรั้วของคฤหาสน์บ้านเขา เขาไม่ไว้ใจที่จะให้เทวิกาออกไปคนเดียว กลัวว่าเธอจะใจอ่อน แล้วจะถูกกชนิภารั้งเอาไว้ได้
ถ้าเป็นรถของเขา กชนิภาอยากจะขวางก็ไม่มีทางกล้าขวางหรอก
ยัยผู้หญิงเพ้อฝันคนนั้นเคยขวางรถของเขามาก่อนแล้ว แต่เขาใจแข็ง ไม่ยอมเหยียบเบรก แล้วก็ขับพุ่งตรงไปเลย จนทำให้กชนิภาตกใจจนหน้าเสีย แล้วสุดท้ายตัวเองก็ต้องเป็นฝ่ายหลบไปเอง ไม่งั้นถ้าถูกยศพัฒน์ชนไปทั้งแบบนั้น กชนิภาไม่ตายก็คงจะต้องพิการแล้ว
ด้วยเหตุนี้ กชนิภาก็เลยไม่กล้าขวางรถของยศพัฒน์อีกเลย
“ค่ะคุณชายใหญ่ เดี๋ยวฉันจะรีบไปเตรียมเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ป้ามะนาวรีบโทรหาคนขับรถอีกคนหนึ่งที่ชื่อลุงเจย์ แล้วแจ้งให้ลุงเจย์ออกมารอรับคำสั่ง