กนกอรยื่นมือดึงเขากลับมา เธอยื่นตัวไปข้างหน้า ระยะห่างระหว่างสองสามีภรรยาใกล้ชิดกันจนเธอสามารถได้กลิ่นโคโลญจ์มาจากตัวเขา เธอไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมแบบนี้ ทว่าบนตัวเขากลับมีกลิ่นแบบนี้ตลอด เดาว่าคงเป็นกลิ่นที่เปรมาชอบ
“นฤเบศวร์ ไม่จำเป็นต้องให้นายเตือน ฉันก็จำได้เสมอว่าเราสองคนมีความสัมพันธ์ร่วมมือกัน วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางคิดอะไรกับนายหรอก บนโลกนี้มีผู้ชายดีๆตั้งเยอะแยะ นายเป็นผู้ชายที่ดีสำหรับเปรมา แต่ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีสำหรับฉัน ฉันไม่ได้โง่จนถึงขั้นจะตกหลุมรักผู้ชายใจร้ายอย่างนายหรอก”
สีหน้าของนฤเบศวร์ย่ำแย่มาก
เขาสะบัดมือกนกอรออก
ก่อนจะนั่งตรงตัว แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าถมึงทึงว่า “ระหว่างที่เราร่วมมือกัน ฉันหวังว่าเธอจะไม่เล่นชู้ลับหลังฉัน”
“ในสัญญาเราเขียนไว้นี่ว่าระหว่างที่ร่วมมือก็ต่างคนต่างเล่นของใครของมันได้? อีกอย่าง นายหัวฉันทุกวัน ฉันจะยอมนายทุกอย่างหรือไง? นายคิดว่าฉันชอบคนมีชู้มากนักเหรอ?”
นฤเบศวร์เถียงไม่ออก
เธอไม่ได้เรียกร้องให้เขารักษาความบริสุทธิ์ไว้เพื่อเธอ แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องให้เธอรักษาความบริสุทธิ์ไว้เพื่อเขา?
อีกอย่าง พวกเขาก็เป็นแค่สามีภรรยากันในนาม เธอทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ เขาทำเพื่อรักษายศถาบรรดาศักดิ์ของเขา
เขาไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไรกับเธอ
ครู่หนึ่ง นฤเบศวร์จึงจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “ถ้าเธอมีผู้ชายที่ชอบ ก็สามารถคบกันก่อนได้ รอเราสองคนหย่ากันเมื่อไหร่ เธอจึงจะสามารถเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับอีกฝ่ายได้ เผื่อว่าสักวันความสัมพันธ์ของเราถูกเปิดโปง ฉันจะได้ไม่ต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ”
“ฉันต่างหากที่จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ เพราะใครๆต่างก็รู้จักนายกับนางฟ้าของนาย”
นฤเบศวร์เถียงไม่ออกอีกครั้ง
“ไปเถอะๆ จะตีหนึ่งแล้วเนี่ย”
กนกอรเร่งให้นฤเบศวร์ขับรถ
นฤเบศวร์ถลึงตาใส่เธอ ก่อนจะสตาร์ทรถออกเดินทาง
ใครสั่งให้เขาหวังดีอยากส่งเธอกลับบ้านล่ะ?
ให้เธอขี่จักรยานไฟฟ้ากลับไปเอง ก็ไม่ลำบากอะไรเขาแล้ว
แต่เขาดันเจ้ากี้เจ้าการ กังวลว่าเธอจะเจอโรคจิตระหว่างทาง……
“นายบอกเปรมาหรือยัง ว่านายแต่งงานแล้ว?”
“ฉันไม่ได้บอก”
นฤเบศวร์ไม่กล้าบอก
เขายังไม่แต่งงาน เปรมายังไม่เลือกเขา
เขาแต่งงานแล้ว เปรมาก็ยิ่งไม่ทีทางเลือกเขา
แต่ตอนยังไม่แต่งงาน พวกเขาสองคนสนิทสนมกันกว่านี้ เธอเองก็พึ่งพาเขามากกว่านี้
เขาไม่ใช่ยศพัฒน์ เปรมารู้ว่ายศพัฒน์แต่งงานแล้วก็ทั้งอิจฉาและคลุ้มคลั่ง แต่กับเขานั้นไม่มีทาง
“แต่ว่า เธอจะรู้แน่นอน แม่ฉันบอกน้าณัฏฐาแล้ว น้าณัฏฐาคือแม่ของเปรมา”
เขาหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “กนกอร ถ้าเปรมามาหาเรื่องเธอจริงๆ เธอหนีไปก่อน จากนั้นก็โทรหาฉัน ฉันมาจัดการเอง เธออย่าลงไม้ลงมือกับเธอเด็ดขาด เปรมาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ถ้าเปรมาเจ็บ ฉันจะปวดใจ แต่ถ้าเธอเจ็บ……”
นฤเบศวร์หยุดไปเนิ่นนานจึงจะพูดประโยคหลังจนจบว่า “ถ้าเปรมาทำเธอบาดเจ็บ ฉันก็ต้องชดใช้เงิน ไม่ว่าจะผลลัพธ์ไหนฉันก็ไม่อยากเห็นทั้งนั้น”
กนกอรมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงอ้อ เอ่ยว่า “ถ้าโทรบอกนายทัน ฉันจะพยายามให้นายมาจัดการ ถ้าไม่ทัน ฉันก็จะจัดการเอง”
เธอพิงพนักเบาะ แล้วหาวติดต่อกันไม่กี่ที บ่นเสียงอุบอิบว่า “ง่วงชะมัด”
“งั้นก็นอนก่อนเถอะ ถ้าถึงแล้วฉันเรียกเธอ”
“ใกล้ถึงแล้ว ไม่นอน”
นฤเบศวร์เม้มปากไม่พูด
ก็จริงที่บ้านตระกูลภูสิทธิ์อุดมห่างจาก One Day In Coffee ไม่ไกล
ปกติกนกอรขี่จักรยานไฟฟ้าก็ใช้เวลาเดินทางแค่สิบกว่านาที
ถ้าขับรถก็ยิ่งเร็ว
รู้สึกว่าแค่กระพริบตาไม่กี่ที รถของนฤเบศวร์ก็จอดอยู่ในซอยบ้านตระกูลภูสิทธิ์อุดมแล้ว
เขาไม่ได้ขับเช้าไปใกล้มาก เพราะไม่อยากรบกวนคนบ้านเธอ
กนกอรเองก็ไม่อยากให้คนในบ้านรู้ว่าเธอนั่งรถของนฤเบศวร์กลับมา
แม้เวลานี้ คนในบ้านต่างนอนหลับฝันดีกันแล้ว แต่แม่เธอหลับตื้น มีเสียงแค่เล็กน้อยก็ตื่นแล้ว
เธอไม่อยากเสี่ยง
นฤเบศวร์จอดรถ ขณะที่กนกอรกำลังเปิดประตูจะลงจากรถ จู่ ๆ เขาก็พลันเรียกเธอ
“มีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”
กนกอรหัรศีรษะไปถามเขา
นฤเบศวร์เอากระเป๋าเงินออกมา แล้วควักธนบัตรหนึ่งร้อยไม่กี่ใบยื่นให้เธอ
“ให้ทำไม?”
“ค่าแท็กซี่ของเธอพรุ่งนี้ ทั้งที่รายได้ทุกเดือนก็สูงมากแล้วแท้ๆ ยังจะงกขนาดนี้อีก”
กนกอรรับเงินไม่กี่พันนั้นมาอย่างไม่เกรงใจ
“ขอบใจ”
“แต่ก่อนปากก็เอาแต่บอกว่าไม่ใช่ปัญหาของเงิน นี่ก็คือปัญหาของเงิน”
“ตอนนี้นายเป็นคนอะไรของฉัน?”
จู่ ๆกนกอรก็โพล่งถามนฤเบศวร์
“เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แน่นอนฉันก็ต้องเป็นสามีเธอสิ”
กนกอรถามเขายิ้มๆว่า “งั้นนายต้องเคยได้ยินคำพูดจีบสาวนี้มาก่อนแน่ ๆ ที่ว่า ‘เงินของสามีก็คือหามาให้ภรรยาใช้’”
นฤเบศวร์ “……”
“ฉันไปล่ะ ราตรีสวัสดิ์”
กนกอรโบกมือเอ่ยราตรีสวัสดิ์เสร็จก็จากไปโดยไม่แม้แต่จะหันหัว
นฤเบศวร์มองส่งเธอจนกระทั่งไม่เห็นเงาเธอ
“ยัยผู้หญิงไร้หัวใจ ไม่แม้แต่จะหันหัวกลับมาจริงๆด้วย”
นฤเบศวร์ตำหนิ
“กริ๊งๆ ๆ……”
จู่ ๆโทรศัพท์เขาก็พลันดังขึ้น
เมื่อเห็นสายโทรเข้า นฤเบศวร์ก็กดรับสายทันที
“เปรมา ยังไม่นอนเหรอ?”
น้ำเสียงเขาอ่อนโยน
หากกนกอรได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เดาว่าคงจะรู้สึกสะอิดสะเอียนแน่ ๆ
“เบศวร์ นายไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ? แม้แต่นายก็ไม่ต้องการฉันแล้ว นายบอกว่าจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไปไม่ใช่เหรอ? นายเคยบอก ว่าตราบใดที่ฉันต้องการนาย นายก็จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อฉัน”
เสียงร้องไห้ของเปรมาดังลอดมาจากโทรศัพท์ เธอร้องไห้ไปพลางติเตียนนฤเบศวร์ไปพลาง
นฤเบศวร์เข้าใจแล้ว กระดาษห่อไฟไม่ได้ เรื่องของเขากับกนกอร คุณณัฏฐาบอกเปรมาแล้ว
เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พลันยกมือข้างที่ไม่ได้จับโทรศัพท์ขึ้นมานวดขมับ แกไม่รู้จักเลือกเวลาพูดให้มันดีกว่าเหรอ? ตอนนี้ก็ตีหนึ่งแล้ว แกบอกเรื่องนี้กับเปรมา มีเจตนาไม่อยากให้เปรมาได้นอนดีๆชัดๆ
“เปรมา เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ฉันจะไม่เอาเธอได้ยังไงกัน ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอ คนทั้งเมืองแอคเซสซ์ต่างก็รู้กันทั้งนั้น”
มีคนมากมายบอกให้เขาตัดใจจากเปรมา บอกว่าเปรมาไม่คู่ควรจะให้เขาทุ่มเทขนาดนี้
แต่เขาตัดใจไม่ได้สักที
เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ปีนี้เขาอายุยี่สิบเก้า รู้จักกับเปรมามานานถึงยี่สิบห้าปี ความรู้สึกที่ยาวนานขนาดนี้ แม้เขาจะรู้ว่าเปรมาไม่มีใจให้เขา แต่เขาก็ปล่อยวางไม่ลง
“เปรมา เธออย่าร้องสิ เธอร้องจนฉันใจสลายไปหมดแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ไปอธิบายต่อหน้าเธอให้ชัดเจน”
นฤเบศวร์พูดจบก็กดวางสายทันที ก่อนจะขับรถซิ่งไปยังบ้านตระกูลไขยรัตน์
เมื่อถึงบ้านตระกูลไชยรัตน์ คุณณัฏฐาก็รออยู่หน้าคฤหาสน์แล้ว เมื่อเห็นเขามาถึง ณัฏฐาก็เอ่ยกับเขาด้วยสีหน้าโทษตัวเองว่า “เบศวร์ ป้าไม่ดีเอง ป้าเผลอหลุดปากไป แต่ป้าก็พูดเพื่อให้เปรตัดใจจากพัฒน์”
“ป้าครับ เปรมาอยู่ไหน?”
“ชั้นบนน่ะ ล็อกตัวเองไว้ในห้องไม่ยอมออกมา ป้าอยู่นอกห้องยังได้ยินเสียงเธอพังข้าวของ เฮ้อ ดันมาอาละวาดตอนดึกดื่นป่านนี้……”
ณัฏฐาโทษตัวเองไปพลาง พานฤเบศวร์เข้าบ้านไปพลาง
นฤเบศวร์เร่งฝีเท้าเดินเข้าไป
หลังจากเข้ามาในบ้านแล้วก็ไม่เกรงใจ พลันตรงดิ่งขึ้นไปยังชั้นบน
เพิ่งอยู่ตรงบันได เขาก็ได้ยินเสียงเปรมาพังข้าวของแล้ว
เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก
กลัวว่าเปรมาจะเผลอทำตัวเองบาดเจ็บ