แม่ทั้งสองโล่งใจ
ไม่สนว่าเปรมาจะล้มลงอย่างไร
แค่คนที่ชื่อเปรมาไม่รังแกลูกสาวของพวกเธอก็พอแล้ว
การซุบซิบนั้น: ประเด็นใหญ่ แต่ไม่รู้จริง ก็ซุบซิบไม่ได้!
น่าเสียดาย!
แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้มาอีก เชื่อว่ายังคงซุบซิบต่อไปได้
แปลกใจเล็กน้อยกับการมาเยือนของเปรมา และเทวิกาก็ไปช่วยทำขนมต่อ
ในเวลานั้นเอง สามีของเธอก็โทรมา
เธอจึงต้องรับโทรศัพท์ก่อน
“ที่รัก”
ทันทีที่รับโทรศัพท์ เสียงทุ้มต่ำของยศพัฒน์ก็ดังขึ้น
กนกอรที่อยู่ข้าง ๆ ยังได้ยิน เธอโน้มตัวเข้าไปข้างหูของเพื่อน และหยอกล้อเสียงเบา “ได้กลิ่นคนมีความรักไหม?”
เทวิกาผลักเธอออกไป
กนกอรหัวเราะคิกคัก
อิจฉาวิกาจริง ๆ
ชีวิตคู่ในแต่ละวันผ่านไปอย่างมีความสุขและหวานมาก
“ที่รัก งานคุณไม่ยุ่งเหรอ?”
เทวิกาถามขึ้นเสียงเบา
“ยุ่งสิ แต่ว่าผมคิดถึงคุณเกินไป ก็เลยแอบอู้งานแล้วโทรมาหาคุณ”
เทวิกาหัวเราะ “เราเพิ่งกินข้าวเที่ยงด้วยกันเองนะ”
“แค่คุณไม่อยู่ข้าง ๆ ผมก็คิดถึงคุณตลอดเวลา”
“วิกา มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเหรอ?คุณดูอารมณ์ดีจัง”
ที่จริง ยศพัฒน์เพิ่งได้รับการรายงานจากวายุ ว่าเปรมาไปที่ One Day In Coffee อีกแล้ว
มีบอดี้การ์ดตระกูลสาระทาอยู่ ยศพัฒน์จึงไม่กังวลเลยสักนิดว่าภรรยาที่รักของเขาจะถูกรังแก ทว่า เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะโทรไปถาม แต่เขาไม่สามารถให้วิการู้ได้ว่า เขาให้วายุแอบติดตามเธอและคอยปกป้องเธออย่างห่าง ๆ
เพื่อไม่ให้วิกาคิดว่า เขากำลังจับตาดูและควบคุมเธอ
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอารมณ์ดี?”
“ฟังจากเสียงหัวเราะของคุณน่ะ ที่รัก บอกผมหน่อยสิ ว่ามีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้น เล่าให้ผมฟัง ให้ผมร่วมสุขกับคุณหน่อย”
เทวิกายิ้มและพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่ศัตรูหัวใจคนนั้นมาหาฉัน เธออาจต้องการมาหาเรื่องฉัน แต่เธอแค่โชคไม่ค่อยดี เข้าประตูมาเจอกับบอดี้การ์ดที่พี่ชายของฉันทิ้งไว้ และเธอทำตัวหยิ่งผยองมาก เอะอะก็คิดจะทำร้ายคนอื่น ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนนฤเบศวร์เสียหน่อย ที่ยอมเธอทุกอย่าง”
“บอดี้การ์ดของพี่ชายฉันพาตัวเธอออกไปอย่างไม่เกรงใจ และเธอก็โวยวายว่าบอดี้การ์ดของพี่ชายฉันอยากจะลวนลามเธอ แล้วปากของเธอก็ถูกอุดด้วยถุงเท้าที่มีกลิ่นเหม็น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ยศพัฒน์ก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เธออ้วกแตกตายเลยหรือเปล่า?”
“ตายน่ะไม่ตาย แต่ว่าอ้วกหนักอยู่ หนักกว่าอาการแพ้ท้องเสียอีก”
ยศพัฒน์พ่นคำสองคำออกมา “สมควร!”
“เธอคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น และทุกคนต้องยอมเธอเหรอ?อยากมาคิดบัญชีกับฉัน แต่กลับลื่นล้มในท่าที่น่าเกลียด พัฒน์ ฉันสงสัยจริง ๆ เลยว่า เธอตั้งใจมาทำให้ฉันหัวเราะจนตาย เพื่อที่จะได้ฮุบ One Day In Coffee ของฉันหรือเปล่า”
ยศพัฒน์หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ยังไงก็ไม่ถึงคราวเธอหรอก เธอสำคัญมาจากไหน?”
“ฮ่า ๆ ๆ ก็จริง”
หลังจากที่เล่าเรื่องเปรมาเป็นเรื่องตลกให้สามีฟังแล้ว คู่สามีภรรยาก็จู๋จี๋กันอีกครู่ จากนั้นถึงจะวางสาย
ทันทีที่วางสาย นฤเบศวร์ก็โทรมา
ยศพัฒน์กำลังพิจารณาว่าจะรับสายดีหรือไม่ นฤเบศวร์ก็วางสายไป แต่ไม่นานก็โทรมาอีกครั้ง และวางสายโดยไม่รอให้ยศพัฒน์กดรับ หลังจากทำแบบนี้ซ้ำหลายครั้ง ยศพัฒน์จึงตัดสินใจโทรกลับไป
นฤเบศวร์รับสายของเขาเกือบจะในทันที
“พัฒน์ นายโทรมาหาฉันทำไมเหรอ?เวลานี้ นายควรที่จะเคลียร์เอกสาร ประชุม หรือไม่ก็พบลูกค้าไม่ใช่เหรอ?”
นฤเบศวร์พูดเสียดสีอย่างอารมณ์ดี
ยศพัฒน์เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “คำถามนี้ฉันควรถามนายมากกว่าไม่ใช่เหรอ?นายมากวนฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดจะทำอะไร?”
“ใครว่าฉันกวนนาย ฉันแค่โทรผิด”
ยศพัฒน์กำลังจะวางสาย
ราวกับเดาความคิดของยศพัฒน์ได้ นฤเบศวร์ที่อยู่ปลายสายก็พูดขึ้น “ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย อย่าเพิ่งวางสาย”
“ว่ามา!”
“เปรมาได้ไปหานายหรือเปล่า?”
“ฉันไม่ได้เจอเธอ”
ยศพัฒน์พูดตอบนิ่ง ๆ ว่า “ถ้านายต้องการรู้ข่าวของเธอจากฉัน ต้องขอโทษด้วย นายหาผิดคนแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว และฉันก็รักชื่อเสียงของฉันมาก อย่าถามเรื่องผู้หญิงอื่นจากฉัน เดี๋ยวภรรยาของฉันจะเข้าใจผิด”
นฤเบศวร์นั่งตัวตรง ขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามขึ้นว่า “เปรมายังไปอ่อยนายอยู่จริง ๆ เหรอ?เธออ่อยนายมาเป็นสิบปี ก็ไม่สำเร็จไม่ใช่เหรอ?”
ยศพัฒน์ “.……”
“ไม่สิ เธอน่าจะไปคุยเรื่องธุรกิจกับนาย พัฒน์ นายก็ใจร้ายเกินไป เธอย้ายธุรกิจทั้งหมดของเธอกลับมาในประเทศ และลงทุนไปเยอะมาก แค่แป๊บเดียว นายก็ทำให้เธอล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เธอเสียเปรียบและขาดทุนมาก”
ยศพัฒน์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เธอทำตัวเองทั้งนั้น ไม่ยอมลดทิฐิตัวเองและดื้นรั้น ช่วงสายมาก่อกวนฉันที่บริษัท เมื่อกี้ก็ไปหาภรรยาของฉัน”
นฤเบศวร์ “……เธอไปสร้างปัญหาให้ภรรยาของนายอีกแล้วเหรอ?ทำไมเธอถึงดื้อรั้นไม่เปลี่ยนแบบนี้?ไม่นานมานี้ เธอเพิ่งถูกสุดที่รักของนายตี และเธอโกรธภรรยาของนายมาก เธอก็ยังคงหัวแข็งจริง ๆ กลับไปที่ One Day In Coffee อีกแล้ว”
“ร้านพังหรือเปล่า?มีใครบาดเจ็บไหม?ฉันจะชดใช้ให้เอง”
นฤเบศวร์อยากถามมากว่ากนกอรเป็นอย่างไรบ้าง
คำพูดติดอยู่ปลายลิ้น เขาก็กลืนมันลงไป ไม่ได้ถาม
เขาไม่แน่ใจว่ากนกอรได้บอกเทวิกาเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาหรือเปล่า ถ้าเทวิการู้ คู่อริของเขาจะต้องรู้อย่างแน่นอน
ทว่า นฤเบศวร์ไม่ได้ไปตรวจสอบสิ่งเหล่านี้
เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของกนกอรแล้ว นฤเบศวร์ก็รู้สึกว่าเธอไม่น่าจะเป็นอะไร
เมื่อเปรมาเผชิญหน้ากับเธอ น่าจะแพ้สถานเดียว
หลังจากที่ยศพัฒน์เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “นายรู้จักเธอดีทีเดียว ร้านน่ะไม่พัง และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่เธอหาเรื่องภรรยาของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า นายไม่ไปดูแลเธอหน่อยเหรอ?ปกตินายชอบยุ่งเรื่องของเธอไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันจะไปดูแลเธอยังไง?ไปดูแลเธอในสถานะอะไร?”
“นฤเบศวร์ เป็นเรื่องยากที่นายจะมีสติแบบนี้สักครั้ง”
นฤเบศวร์เงียบไปทันที
เขาผิดหวังจากเปรมามาหลายครั้ง
ตอนนี้ยังคงรู้สึกท้อแท้ใจ
ตอนที่เปรมาออกมาจากศูนย์กักกัน เขาเป็นคนไปรับเธอ
แต่หลังจากที่เธอได้รับอิสรภาพ คนที่เธอคิดถึงยังคงเป็นยศพัฒน์
หากมันเป็นจริงตามที่คุณปู่พูด หลังจากที่เปรมาออกมา เธอจะไม่กลับใจ เธอมีแต่จะแย่ลง และพยายามทุกวิถีทางเพื่อแยกยศพัฒน์และเทวิกาออกจากกัน
หลังจากนั้นไม่นาน นฤเบศวร์ก็ถามขึ้นเสียงเบาว่า “เปรมาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
สำหรับเปรมา เขายังคงเป็นห่วงอยู่
“ภรรยาของฉันบอกว่า เธอลื่นล้มเอง ซึ่งทำให้ภรรยาของฉันหัวเราะอย่างหนักจนปวดท้อง”
นฤเบศวร์: “……”
ช่วงนี้เปรมานั้นน่าจะโชคร้ายจริง ๆ ไม่โดนตี ก็ถูกยั่วโมโห หรือไม่ก็ลื่นล้ม
“แล้วเธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปเกลี้ยกล่อมเธอ แต่ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกลี้ยกล่อมเธอได้”
ในน้ำเสียงคำพูดของนฤเบศวร์มีความโศกเศร้าและหมดหนทาง
“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเธอไปไหน เธอไม่ได้ไปร้องไห้แล้วฟ้องนายเหรอ?”
นฤเบศวร์ “……ฉันไม่ได้ติดต่อเธอสองวันแล้ว”
“เช้านี้พระอาทิตย์ขึ้นทิศไหน นายจำได้ไหม?ฉันจำได้ว่าไม่ได้ขึ้นทางทิศตะวันตกนะ”
“ยศพัฒน์ นายไม่ต้องล้อเลียนฉัน!ที่ฉันกับเปรมามีปัญหากัน ร้าวฉานกัน ทั้งหมดก็เป็นเพราะนาย ถ้านายไม่โทรไปฟ้องปู่ฉัน ฉันกับเปรมายังคงดีกันอยู่”
เขาจะไม่ถูกบังคับให้แต่งงาน
ธุรกิจของเปรมามีปัญหา เขาก็จะไม่นิ่งดูดาย
เขาในตอนนี้ ไม่สามารถแข่งขันกับยศพัฒน์เพื่อเปรมาได้จริงๆ ปู่ของเขาเตือนเขาว่า ถ้าเขากล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของเปรมา ปู่ของเขาจะตัดขาดกับเขา