รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 299 ยังไม่ทันได้เริ่มก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะหากนกอรเจอ
“พวกเธอเข้ามาด้วยทำไม?”
เทวิกาตอบว่า “ฉันรู้สึกว่านฤเบศวร์ดูออกแล้วว่าเป็นพวกฉัน เราต้องรีบหนี”
กนกอรเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “ผิดที่ฉันพลั้งปากแซวเอง ทำให้เราสองคนยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าแล้ว หนุ่มหล่อสักคนก็ไม่ได้จีบ”
มิลินท์เอาโทรศัพท์ออกมาเปิดเครื่อง ก่อนจะโทรหาเพื่อนคนหนึ่ง อีกฝ่ายเป็นผู้จัดการของคลับรักนะ เมื่ออีกฝ่ายรับสาย มิลินท์ก็ขอให้อีกฝ่ายส่งเสื้อผ้ามาที่ห้องน้ำเบอร์หนึ่งสามชุด
หลังจากได้ยินคำขอของมิลินท์ อีกฝ่ายก็เอ่ยว่า “ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง มีแต่เสื้อผ้าผู้ชาย”
“เสื้อผ้าผู้ชายก็ได้ เอาสูทมานะ รบกวนเธอรีบมาส่งให้เร็วที่สุดเลย”
“ได้ ฉันจะให้คนไปส่งให้เธอ”
“ขอบคุณมาก ฉันยังมีเรื่องด่วน ขอวางสายก่อนล่ะ”
มิลินท์พูดจบก็รีบวางสายแล้วปิดเครื่องทันที
เผื่อกษิดิโทรมาหาเธอ
เทวิกากับกนกอรไม่ได้เอาโทรศัพท์มากันทั้งคู่ จึงทำได้เพียงแค่มอง
“เราจะเปลี่ยนเสื้อหนีเหรอ?”
กนกอรถาม
“ถ้าไม่หนี เธอยังอยากจะคล้องแขนแลกแก้วเหล้ากับนฤเบศวร์ที่นี่หรือไง?”
เทวิกาเอ่ยอย่างขบขันว่า “อยู่ดีๆเธอจะไปหยอดหมอนั่นทำไม ถ้าไม่หยอดเขาแต่แรก เราก็ไม่ต้องเข้ามาได้ไม่ทันไร ขนาดเก้าอี้ยังนั่งไม่ทันอุ่นก็ต้องหนีกลับกันแล้ว”
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือนฤเบศวร์รู้ว่าพวกเธอเป็นใครแล้วโทรบอกยศพัฒน์มาจับเธอ
จากนิสัยของนฤเบศวร์ เขาต้องทำแบบนั้นแน่ ๆ
กนกอรยิ้มแหยๆ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาตาแหลมขนาดนั้น ปกติก็ไม่เห็นเขาตาดีขนาดนั้นสักหน่อย ผู้หญิงอย่างเปรมา เขาดูมาเกือบสามสิบปีก็ยังดูไม่ออกเลย ฉันแค่แต่งหน้าเปลี่ยนโฉม เขาก็ดันสงสัยซะงั้น”
มิลินท์รีบเปลี่ยนโฉมให้เพื่อนสองคนอย่างรวดเร็วไปพลาง พูดไปพลางว่า “ฉันสามารถเปลี่ยนโฉมให้พวกเธอได้ แต่ฉันเปลี่ยนเสียงของพวกเธอไม่ได้ รูปร่างของพวกเธอฉันก็เปลี่ยนไม่ได้ คนที่คุ้นเคยกับพวกเธอ ถ้าได้ยินเสียงและเห็นรูปร่างพวกเธอ ก็ย่อมสงสัยอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าพวกเธออยู่กับฉัน งั้นพวกเขาก็ยิ่งมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์”
“บางครั้งฉันเองก็เปลี่ยนโฉมเหมือนกัน ตอนที่ฉันไปเที่ยวเตร่ ก็ไม่กล้าบังเอิญเจอกับกษิดิมาก่อนเลย”
พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นกษิดิจำเธอได้แน่ ๆ
ลองคิดดูอีกมุมหนึ่งก็รู้สึกหวานแหวว แสดงว่าเธอเป็นคนพิเศษของเขาที่ไม่เหมือนใคร เขาประทับเสียง รูปลักษณ์ และรอยยิ้มของเธอไว้ในหัวใจแล้ว ดังนั้น จึงสามารถดูออกว่าเป็นเธอได้อย่างง่ายดาย
“เธอว่านฤเบศวร์จะโทรหาพัฒน์ไหม?”
มิลินท์ “……วิกา ปากเธอล้างซวยมาหรือยัง?”
เทวิกาเอ่ยอย่างลังเลว่า “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเคยล้างซวยหรือ้ปล่า แต่ฉันสังหรณ์แบบนี้ รู้สึกว่านฤเบศวร์ต้องบอกพัฒน์แน่ ๆ ลินท์ เราสองคนต้องรีบหน่อยแล้ว เดี๋ยวถ้าพัฒน์มา เราสองคนจะหนีไม่ทัน”
มิลินท์เร่งมือทันที
ทุกคนล้วนภาวนากันในใจว่านฤเบศวร์จะไม่โทรหายศพัฒน์ เพราะเขาเป็นคู่อริกับยศพัฒน์
ไม่นาน เพื่อนของมิลินท์ก็ให้คนมาส่งเสื้อผ้าให้พวกเธอ
เธอเองก็เปลี่ยนโฉมให้เทวิกาเสร็จแล้ว ก่อนจะยัดเสื้อสูทผู้ชายให้เทวิกาหนึ่งชุด เอ่ยว่า “วิกา เธอรีบไปเปลี่ยนเสื้อเร็ว จากนั้นเธอก็ไปก่อน เราสามคนไปพร้อมกันไม่ได้ ไม่แน่บอดี้การ์ดตระกูลเดชอุปอาจจะเฝ้าอยู่ตรงประตูคลับก็ได้”
“จริงสิ เธออย่าลืมลากหนุ่มหล่อสักคนไปด้วยล่ะ พูดคุยไปพลางเดินไปพลาง ต้องใจเย็นนะ”
บอดี้การ์ดตระกูลเดชอุปไม่ใช่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของที่นี่ จึงไม่กล้ารั้งคนไว้สุ่มสี่สุ่มห้า
หลังจากเปลี่ยนเสื้อสูท อีกทั้งยังเปลี่ยนโฉม เธอก็ดูเหมือนนักธุรกิจหญิงมากๆ
เทวิกาเปลี่ยนเสื้อเสร็จก็รีบออกไปจากห้องน้ำทันที
เธอทำตามที่มิลินท์พูด โดยรั้งหนุ่มหล่อคนหนึ่งเอาไว้ โกหกอีกฝ่ายว่าเธอมาที่นี่ครั้งแรก ในนี้ใหญ่เกินไปจนเธอหลงทาง แล้วขอให้อีกฝ่ายส่งเธอออกไปด้านนอก
หนุ่มหล่อคนนั้นเองก็ตอบตกลงเธอทันที
ผ่านไปไม่นาน มิลินท์กับกนกอรก็ทำแบบนี้เช่นกัน
เทวิกาเดินออกจากคลับมาได้อย่างราบรื่น เธอมีน้ำใจ ตัวเองหนีออกมาแล้ว ก็ไม่ได้ทิ้งเพื่อนสองคนแล้วหนีไปเอง แต่กลับหลบซ่อนอยู่ในมุม จับจ้องไปที่ประตูคลับ รอเพื่อนสองคนของเธอออกมา
เธอยังไม่ทันเห็นเพื่อนสองคนออกมา ก็ดันเห็นยศพัฒน์พากษิดิมาถึงกันอย่างเร่งรีบเสียก่อน
เธอตกใจจนรีบหลบหนี ก่อนจะหันหลังใส่พี่น้องคู่นั้น
เธอไม่เห็นพวกเขา พวกเขาก็น่าจะไม่เห็นเธอ
โชคยังดี ที่เธอหลบอยู่ในมุม
เพียงแต่ เธอเหมือนจะได้ยินยศพัฒน์กำลังคุยโทรศัพท์ น้ำเสียงนั่นดังลอดมาอย่างเลือนราง เธอจึงฟังไม่ชัด
ยศพัฒน์พาน้องชายหยุดที่หน้าทางเข้าคลับ แล้วถามบอดี้การ์ดตระกูลเดชอุปว่า “คุณชายใหญ่พวกนายล่ะ?”
“อยู่ข้างใน”
“เห็นพวกเธอออกมาไหม?”
“ไม่เห็นครับ”
ยศพัฒน์จึงถามนฤเบศวร์ในโทรศัพท์ว่า “พวกเธอยังอยู่ไหม?”
“ไปหลบในห้องน้ำแล้ว น่าจะกำลังคิดว่าจะหนีออกไปยังไง วางใจเถอะ ฉันให้คนเฝ้าประตูทั้งหน้าหลังแล้ว พวกเธอหนีออกไปไม่ได้หรอก”
นฤเบศวร์ดื่มเหล้าอีกหนึ่งแก้ว รู้สึกว่าตัวเองสามารถจับผู้หญิงใจกล้าสามคนไว้ได้แน่ ๆ
ยศพัฒน์ถามเขาว่า “พวกเธอเข้าไปในห้องน้ำนานแค่ไหนแล้ว?”
“ก็ประมาณครึ่งชั่วโมงล่ะมั้ง”
“นฤเบศวร์! มิลินท์อยู่กับพวกเธอสองคน เข้าไปในห้องน้ำครึ่งชั่วโมง นายยังนั่งชิลอยู่ได้ยังไง? พวกเธออาจจะเปลี่ยนโฉมหนีไปนานแล้วก็ได้”
ยศพัฒน์รังเกียจเพื่อนร่วมทีมซื่อบื้อคนนี้ชะมัด ยังจะสบายใจเฉิบอีก
คนหนีไปแล้ว นฤเบศวร์ก็ยังไม่รู้ตัว
นฤเบศวร์ “…..บัดซบ! ฉันลืมมิลินท์ไปเลย!”
เขารีบวางสายแล้ววางแก้วเหล้าลง ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องทันที
ยศพัฒน์หมดคำพูดจนถึงขีดสุด
โทรบอกให้เขามาจับคน แต่ไม่แน่อาจจะได้กลับไปมือเปล่าก็ได้
“บัดซบ!”
มิลินท์เห็นกษิดิก็รีบหันตัวเดินกลับไปทันที พลันไล่หนุ่มหล่อที่เธอขอให้ช่วยไปด้วย ซ้ำยังรั้งกนกอรเอาไว้
“มีอะไรเหรอ?”
กนกอรเห็นสีหน้าเธอตื่นตระหนก พลันรีบถามว่า “วิกาถูกจับได้แล้วงั้นเหรอ?”
“วิกาออกไปอย่างราบรื่นแล้ว แต่สองพี่น้องพัฒน์มาแล้วจริงๆด้วย ปากวิกาแม่นสุดๆไปเลย!”
กนกอร “……เราเปลี่ยนโฉมแล้วก็ยังออกไปไม่ได้เหรอ?”
“กษิดิตาแหลมกว่านฤเบศวร์อีก ต่อให้ฉันสลายเป็นขี้เถ้า หมอนั่นก็ยังจำฉันได้ เร็ว ฉันพาเธอหนีออกจากประตูด้านหลัง วิกาก็ทำได้เพียงต้องภาวนาให้ตัวเองแล้ว”
มิลินท์จูงกนกอรไปที่ประตูหลัง
“มิลินท์!”
เสียงตะโกนน่ากลัวดังลอดมาจากด้านหลัง
มิลินท์: แม่เจ้า ความลับแตกเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
ทันทีที่กษิดิเข้ามา ก็พลันเห็นเงาร่างที่คุ้นตาจากที่ไกลๆ
เขาตะโกนเรียก ก่อนจะเอ่ยกับพี่ชายว่า “พี่ใหญ่ ผมเห็นพวกเธอแล้ว”
สิ้นเสียง พี่ใหญ่เขาก็รีบเดินไปราวกับสายลม
กษิดิ “……พี่ใหญ่ รอผมก่อน รอผมด้วย!”
หลายนาทีผ่านไป
“มิลินท์ กนกอร? วิกาล่ะ?”
พี่น้องยศพัฒน์รั้งมิลินท์กับกนกอรเอาไว้ หลังจากที่กษิดิจับข้อมือของมิลินท์ไว้หมับ ยศพัฒน์ก็ดูรูปร่างของอีกคน ไม่ใช่วิกาของเขา พลันรู้ว่านั่นคือกนกอร