รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 383 เรียกผมว่านฤ!
ตอนที่กนกอรเรียกเขา ไม่แบตบอสก็คนพาล คำสุภาพที่สุดในการเรียกเขาคือคุณเบศวร์ หรือไม่ก็เรียกชื่อเต็มของเขา ไม่เคยเรียกแค่ชื่อเล่นสั้น ๆ ของเขาเลย
แต่เธอเรียกชื่อของกันตภณ!
เธอตกหลุมรักกันตภณแล้วใช่ไหม ดังนั้น เธอจึงไม่ลังเลเลยที่จะร่วมมือกับแม่ของเธอเพื่อบังคับให้เขาตกลงหย่าร้าง?
เมื่อโสดแล้ว เธอก็สามารถคบกับกันตภณได้อย่างเปิดเผย
คนที่คิดไปเรื่อย เมื่อเขาเริ่มคิดอย่างนั้น ก็จะฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด แค่เงาก็สามารถทำให้เขาคิดไปไกลได้
ในการแข่งขันระหว่างนฤเบศวร์กับกนกอร เขาเป็นคนที่แพ้ตั้งแต่แรก เพราะเขาหวั่นไหวก่อน
คนที่หวั่นไหวก่อนคือผู้แพ้
เขากำลังจีบกนกอร แม้ว่ากนกอรจะไม่หลบเลี่ยงเขา และให้โอกาสเขาในการตามจีบ แต่กนกอรไม่ยอมตกลงคบเป็นแฟนหรือแต่งงานกับเขา
ดังนั้น หัวใจของนฤเบศวร์จึงมักกังวลเรื่องผลได้ผลเสีย
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป กนกอรก็กะพริบตาและตอบว่า “เขาชื่อภณ ถ้าฉันไม่เรียกเขาว่าภณ จะให้เรียกเขาว่าอะไร?”
นฤเบศวร์ตอบด้วยใบหน้าที่มืดมน “คุณสามารถเรียกเขาว่าคุณกันตภณได้ หรือเรียกเขาว่าควายป่าก็ได้ อะไรก็แล้วแต่ คุณจะเรียกเขาว่าภณไม่ได้!”
“คุณเบศวร์ ผมไม่ได้ชื่อควายป่า!”
กันตภณไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมนฤเบศวร์ถึงตั้งฉายา “ควายป่า” ให้แก่เขา
“ปากอยู่ที่ตัวฉัน ฉันจะเรียกเขาว่าอะไรก็ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ภณ ไม่ไปสนใจเขา”
กนกอรไม่อยากสนใจเขา ดังนั้น เธอจึงคิดที่จะดึงกันตภณแล้วจากไป
เธอเรียกชื่อของกันตภณ และนฤเบศวร์ก็หึงหวงถึงขั้นสุด แถมเธอยังลากตัวกันตภณออกไปต่อหน้านฤเบศวร์
นฤเบศวร์หึงหวงมากขึ้น อยากจะตัดมือของกันตภณทิ้งเสียจริง
เขาคิดเช่นนั้น แล้วก็ลงมือจริง เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ตบมือของกนกอรที่จับกันตภณอย่างแรง จากนั้นคว้าข้อมือของกนกอรและดึงเธอออกมา
กนกอรไม่ต้องการไปกับเขา
“เธอไม่อยากให้กระทบกับร้าน ก็เลยตามเขาออก”
คำพูดหนึ่งคำจากนฤเบศวร์ทำให้กนกอรเลิกดิ้นรน และตามเขาออกไปอย่างง่ายดาย เพื่อดูว่าเขาสามารถเล่นกลอุบายอะไรได้บ้าง
ทันทีที่เขาออกจากร้าน กนกอรก็สะบัดมือออก
“นฤเบศวร์ คุณสร้างปัญหาพอหรือยัง?”
“เรียกผมว่านฤ!”
กนกอร: “……”
“คุณสามารถเรียกชื่อกันตภณได้ แล้วทำไมเรียกชื่อผมไม่ได้?”
“ชื่อของเขาเรียกง่ายกว่านิดหน่อย ชื่อของคุณมีพยางค์เดียว อืม ฟังไม่เพราะเลย”
ใบหน้าของนฤเบศวร์มืดมน
เขาจับมือเธออีกครั้ง ดึงให้สูงขึ้น ก้มศีรษะลง และจูบมือของเธออย่างไม่ใส่ใจ
กนกอรตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และชักมือกลับโดยสัญชาตญาณ แต่เขาจับและยืนกรานที่จะจูบมือของเธอก่อนที่จะพูดว่า “ห้ามคุณสัมผัสหรือใกล้ชิดกับกันตภณ!”
“นฤเบศวร์ คุณยังไม่เข้าใจสถานการณ์ใช่ไหม ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้ฉันทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น”
เธอสลัดมือของเขาออกอีกครั้ง กนกอรก็เริ่มรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอพูดขึ้นว่า “คุณก็เห็นแล้วว่า แม่ของคุณไม่ชอบฉันมาก เธอเอาเงินมาฟาดหัวฉันเพื่อให้ฉันออกไปจากเมืองแอคเซสซ์ สะใภ้ที่เธอชอบคือเปรมา และทั้งคู่ทำอะไรก็มีวิธีที่เหมือนกัน”
ล้วนชอบใช้เงินมาฟาดหัวเธอ
“บางที เราสองคนอาจจะไม่เหมาะกันจริง ๆ”
ตอนที่กนกอรพูดแบบนี้ สีหน้าของเธอดูเศร้าเล็กน้อย แต่เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ถ้าไม่ได้จ้องมองเธอ ก็จะไม่สามารถจับความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเธอได้
หากความสัมพันธ์ถูกขัดขวางโดยครอบครัวจากทั้งสองฝ่าย มันคงเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะเดินต่อ และมีคนมากมายที่เดินไม่ถึงปลายทาง
กนกอรคิดว่า เธอกับนฤเบศวร์ต่างก็เป็นมนุษย์ พวกเขาเท่าเทียมกัน แต่ในสายตาของคนอื่น พวกเขาเข้ากันไม่ได้ นั่นเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
“ยังไม่เคยลองแล้วจะรู้ได้ไงว่าไม่เหมาะสมกัน? กนกอร ให้เวลาผมหน่อย ผมจะโน้มน้าวแม่ของผมให้ได้ ในครอบครัวของผม มีแค่แม่ของผมที่รับไม่ได้ ส่วนคนอื่นนั้นชอบคุณมาก โดยเฉพาะคุณปู่ของผม”
นฤเบศวร์จับไหล่ของกนกอร และมองเธออย่างจริงจัง “หยุดพูดอะไรที่ว่าไม่เหมาะสม ได้ไหม? วันนี้ผมโวยวายสร้างปัญหาเอง เพราะผมหึง เห็นคุณเข้าใกล้ควายป่านั้นก็ทำให้ผมรู้สึกหึงหวงมาก คุณไม่เห็นอาการหึงของผมเหรอ?”
“กนกอร เพราะผมแคร์ก็เลยหึงหวง ผมชอบคุณจริง ๆ นะ! จุดประสงค์ของการตามจีบคุณคือการแต่งงาน ผมจะเอาชีวิตที่เหลือมอบให้กับคุณหมดเลย”
เมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังดูอยู่ กนกอรจึงละมือออกและพูดอย่างใจเย็น “คุณไปทำงานเถอะ ฉันก็จะทำงานแล้วเหมือนกัน เรื่องของเราค่อยว่ากัน”
พูดจบ เธอก็หันหลังกลับเข้าไปในร้าน
นฤเบศวร์ยืนอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง และในไม่ช้าก็เดินตามเข้าไปในร้าน
เขาไม่ได้รบกวนกนกอรอีกต่อไป และให้เวลากนกอรสงบสติอารมณ์สักครู่ เขาเข้าไปดึงควายป่าออกมาอย่างแรง ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในร้าน ควายป่าก็ไม่มีสิทธิ์อยู่
กันตภณ: .…..ฉันกำลังยั่วยุให้ใครโกรธ? กำลังจะถูกนฤเบศวร์ลากออกไปเหมือนซากศพหมา
ควายป่า?
เขาอยากเป็นควายป่าขึ้นมาเสียจริง ๆ ควายป่านั้นตัวหนัก ถ้าเช่นนั้นนฤเบศวร์ก็จะไม่สามารถลากเขาออกไปได้
หลังจากที่ไล่กันตภณออกไปได นฤเบศวร์ถึงจะออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ด
ทว่า เขาไม่ได้กลับไปที่บริษัท แต่ไปที่บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป
ทั้งสองเป็นศัตรูตัวฉกาจ ต่อสู้กันแบบเอาเป็นเอาตายในโลกธุรกิจ
ยศพัฒน์ไม่เคยก้าวเข้าไปในRAกรุ๊ป และนฤเบศวร์ก็น้อยครั้งที่จะเข้าไปในบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป
ดังนั้น ตอนที่เขามาที่บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป และขอพบยศพัฒน์ ผู้คนในบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปจึงแปลกใจมาก อยากรู้ถึงสาเหตุการมาเยือนของคุณเบศวร์
ยศพัฒน์กำลังคุยกับอินทัช เมื่อเขาได้ยินว่านฤเบศวร์มา และยืนยันที่จะพบเขา
ยศพัฒน์จึงพูดกับอินทัชว่า “อินทัช นายต้องการเดิมพันกับฉันไหม?”
อินทัชก็ถามขึ้น “เดิมพันอะไรครับ?”
เจ้านายเพิ่งจ่ายค่าจ้างให้พวกเขาเมื่อวานนี้ หรือว่า เขาพยายามที่จะเอาค่าจ้างคืน?
“นฤเบศวร์มา นายว่าเขามาเพราะเรื่องอะไร? เรื่องธุรกิจ หรือเรื่องส่วนตัว? ฉันพนันได้เลยว่าเขามาหาฉันเพราะเรื่องส่วนตัว ต้องการให้ช่วยอะไรบางอย่างแน่ ๆ”
อินทัช “.….. เจ้านายเป็นคนชาญฉลาด ถ้าคุณบอกว่าใช่ก็คือใช่ ผมไม่พนันครับ ผมไม่มีโชคในการเล่นการพนัน ถึงพนันไปก็เสียอยู่ดี เงินเดือนเพิ่งเข้าเมื่อวานนี้ อยู่ในกระเป๋าของผมยังไม่นาน เจ้านายได้โปรดเมตตา และให้ผมเก็บเงินไว้ในกระเป๋านานหน่อยเถอะ”
ยศพัฒน์หัวเราะ: “ฉันเคยโกงเงินเดือนนายเหรอ?”
“ก่อนหน้านั้นเราเคยพนันกัน ก็เป็นวันที่ 2 หลังจากจ่ายเงินเดือน สุดท้ายผมก็แพ้ และเงินเดือนของผมก็กลับเข้าไปในกระเป๋าของคุณตามจำนวนที่กำหนด”
ยศพัฒน์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ? ฉันไม่เห็นจำได้เลย”
อินทัชหัวเราะ “แล้วคุณจะเจอนฤเบศวร์ไหม?”
“เจอ ทำไมจะไม่เจอล่ะ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูเรื่องตลกของเขา ถ้าเขาขอร้องฉัน แม้ว่าฉันจะยุ่งจนไม่มีเวลาดื่มน้ำ ฉันก็จะหาเวลาไปพบเขา”
“คุณเบศวร์นั้นโชคดีจริง ๆ!”
อินทัชยืนขึ้น “งั้นผมกลับไปทำงานก่อนนะครับ”
“รอเดี๋ยว”
ยศพัฒน์รั้งอินทัชไว้ จากนั้นหยิบการ์ดเชิญจำนวนมากออกมาจากลิ้นชัก เขาแบ่งการ์ดเชิญออกเป็นสองส่วน ยื่นครึ่งหนึ่งให้อินทัช และพูดกับอินทัชว่า “รับการ์ดเชิญนี้แล้วพาคุณหนูตระกูลกิจวณิชกุลไปดูสิ สามารถรับผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาให้ได้”
“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่มีปัญญาซื้อเสียหน่อย ทำไมต้องเอาเปรียบล่ะครับ”
ยศพัฒน์ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นนายก็ซื้อให้คุณหนูตระกูลกิจวณิชกุลสิ”