รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 535 เป็นของฉันก็ต้องเป็นของฉัน
กนกอรพูดอย่างไม่มั่นใจว่า: “ฉันจำได้ว่าฉันเคยพูดไปแล้วนิ งั้นไม่เป็นไร ฟังดีๆนะ นฤเบศวร์ ฉันรักนาย!
นฤเบศวร์กอดเธอไว้แน่น “ฉันรักเธอมากกว่า รักเธอเท่าชีวิต!”
จะได้กลายเป็นสามีภรรยากันเร็วๆนี้ พวกเขาแสดงความรู้สึกต่อกันระหว่างทางไปที่ว่าการอำเภอ
ในระหว่างทางไปที่ว่าการอำเภอทักษอรก็โทรมา
“อร เธอกับเบศวร์ไปจดทะเบียนกัน ตอนเที่ยงพวกเธอจะกลับมาหรือไปทานอาหารที่บ้านของเขา ถ้ากลับมากินก็บอกแม่เร็วๆหน่อย แม่จะได้ไปซื้อผักเยอะๆและฆ่าไก่ตอนนี้เลย”
ความคิดของทักษอรเหมือนกับเบศวร์ แม้จะไม่จัดงานแต่งงาน แต่เมื่อจดทะเบียนสมรสแล้วก็คือแต่งงานกันแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีและต้องมีการเฉลิมฉลอง
สำหรับครอบครัวของพวกเขา การเฉลิมฉลองก็คือการฆ่าไก่ ซื้ออาหารเพิ่ม และทุกคนมานั่งกินอาหารอร่อยด้วยกัน
คู่ครองใหม่ต้องกินขาไก่ชิ้นโต
ขณะที่กนกรกำลังจะถามผู้ชายที่อยู่ข้างๆเธอ นฤเบศวร์ก็ตอบข้างหูเธอว่า: “แม่ครับ ตอนเที่ยงเราจะกลับไปกินที่บ้าน ผมจะบอกกับคุณปู่ด้วย และคุณปู่ของผมจะมาพร้อมกับพ่อแม่ของผมแน่นอน”
ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็เปลี่ยนการเรียกก่อน ทักษอรรู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อย เมื่อคิดว่านฤเบศวร์เคยเป็นลูกเขยของเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ได้เรียกเป็นครั้งแรก ทักษอรจึงยิ้มและพูดว่า: “ก็ได้ แม่จะไปซื้อผักตอนนี้ เบศวร์อยากกินอะไรบอกแม่ได้ แม่จะทำให้กิน”
“แม่ทำอะไรผมก็กินอันนั้นครับ ผมไม่เลือกกิน”
ที่บ้านแม่ยาย เขาไม่เลือกกินจริง
เขามีความสุขมากที่ได้กินข้าวด้วย
นฤเบศวร์รู้อยู่ในใจว่าตระกูลภูสิทธ์อุดเคารพการเลือกของกนกอร แต่จริงๆแล้วยังคงไม่ชอบลูกเขยอย่างเขาคนนี้สักเท่าไหร่
เขาจะกล้าเลือกกินได้ยังไง มีให้กินก็ไม่เลวแล้ว
“ตกลง ฉันจะไปซื้อของตามแผนของฉัน พวกเธอยังไม่ถึงที่ว่าการอำเภอเหรอ”
“ใกล้ถึงแล้วครัม”
“อืม แม่ไปซื้อผักก่อนล่ะ”
ไม่นานทักษอรก็วางสายโทรศัพท์
นฤเบศวร์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรหาปู่ของเขา และบอกว่าเขาจะไปทานข้าวที่บ้านตระกูลภูสิทธ์อุดม
คุณปู่เร็นว่า: “พ่อแม่ของหลานและปู่กำลังเดินทางไปบ้านสะใภ้แล้ว ลูกไม่จำเป็นต้องมาเตือนเราหรอก”
นฤเบศวร์สำลักและพูดกับปู่ว่า: “คุณปู่เร็วมากเลยครับ”
“ในที่สุดก็ขายหลานชายคนโตของฉันได้ ถ้าปู่ไม่รีบร้อน ปู่กลัวบ้านสะใภ้จะกลับคำและคืนสินค้า”
นฤเบศวร์: “……”
เขาวางสายไปทันที
กนกอรได้ยินสิ่งที่คุณปู่เร็นพูดด้วย และเธอก็เม้มปากและยิ้ม
เมื่อเห็นเบศวร์มองมา เธออยากจะหยุดหัวเราะ แต่เธอไม่สามารถควบคุมมันได้ จึงรีบเอามือปิดปาก หันหน้าไปมองข้างนอก เพื่อแสร้งทำเป็นว่ากำลังมองดูทิวทัศน์
“อยากหัวเราะก็หัวเราะไปเถอะ เพราะอย่างไรก็ตามฉันถูกเธอหัวเราะเยาะหลายครั้งจนชินไปแล้ว”
กนกอรหันศีรษะกลับมา ตบไหล่ของนฤเบศวร์แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ไม่ต้องกังวล ครั้งนี้ฉันจะไม่คืนคำหรอก และจะไม่คืนสินค้าด้วย”
“ฉันต้องบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน”
นฤเบศวร์ที่เคยถูกคืนสินค้ามาแล้วครั้งหนึ่งเปิดฟังก์ชั่นการบันทึกเสียงของโทรศัพท์อย่างจริงจัง ให้กนกอรพูดยืนยันคำสัญญาอีกครั้ง และเขาก็บันทึกคำพูดสัญญาทั้งหมดของกนกอร จนทำให้กนกอรขำจนปวดท้อง
เพราะเขารักเธอมาก ดังนั้นเขาจึงกลัวเสียเธอไป
ด้วยฐานะของเขาแล้ว จริงๆเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการแต่งงานเลย
หลังจากหัวเราะ กนกอรก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาและพูดอย่างมีความสุขว่า: “นฤเบศวร์ ฉันจะรักนายตลอดไป แค่มีนายฉันก็รู้สึกว่าชีวิตของฉันมีสีสันและมีความสุขเป็นพิเศษ”
“เธอต่างหากเป็นคนที่เพิ่มสีสันเข้ามาในชีวิตฉัน”
นฤเบศวร์ก้มหัวของเขา จูบที่ริมฝีปากของเธอ กระชับแขนแล้วกอดเธอไว้อย่างแน่นหนาในอ้อมแขน
ในชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยมืออีก
เมื่อพวกเขามาถึงที่ว่าการอำเภอ ทั้งสองเห็นคนๆหนึ่งโดยไม่คาดคิด
คุณณัฏฐา
คุณณัฏฐานั่งอยู่ในรถ เมื่อเห็นขบวนรถของนฤเบศวร์กำลังใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ และในที่สุดก็หยุดที่หน้าประตูที่ว่าการอำเภอ เธอเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหานฤเบศวร์อย่างรวดเร็ว
บอดี้การ์ดที่ลงจากรถสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังตรงมาหานายน้อย จึงขัดขวางไม่ให้คุณณัฏฐาเข้าใกล้
“นฤ นี่ฉันเอง”
คุณณัฏฐาถอดแว่นกันแดดออกแล้วเรียกนฤเบศวร์
แม้ว่าบอดี้การ์ดของตระกูลเดชอุปจะรู้ว่าคุณณัฏฐาคือใคร แต่พวกเขาก็ยังปิดกั้นไม่ให้เธอเข้าใกล้
คุญหญิงของพวกเขาได้ตัดขาดกับคุณณัฏฐา แล้วนับประสาอะไรกับนายน้อย
นับตั้งแต่นายน้อยไม่ชอบคุณเปรมา ท่านก็ตีตัวออกห่างจากแม่ลูกคู่นี้แล้ว ยิ่งหลังจากนายน้อยรู้ว่าเปรมาถูกตัดสินโทษ ถึงแม้จะเงียบไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร และยิ่งไม่ไปเยี่ยมเปรมาเลย
บอดี้การ์ดต่างสามารถมองสีหน้าออก
สายตาของนายน้อยพวกเขาในตอนนี้เต็มไปนายหญิง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ให้คนที่ชื่อเปรมาเข้าใกล้แม้แต่เก้าเดียว เพื่อไม่ให้คุณหญิงเกิดความเข้าใจผิด
ในวันดีๆแบบนี้ เมื่อเห็นคุณณัฏฐา สีหน้าของนฤเบศวร์ก็มืดลง
ทว่ากนกอรกลับไม่สนใจอะไร
ในความคิดของเธอ ในเมื่อนฤเบศวร์รักเธอจริงๆ ถึงแม้เปรมาจะกลับมาก็ไม่สามารถแย่งนฤเบศวร์ไป และไม่สามารถหยุดการจดทะเบียนสมรสครั้งที่สองของเธอกับนฤเบศวร์ได้
ดังนั้นเธอจึงไม่กังวลเลย และไม่ได้เห็นคุณเปรมาในสายตา
“ฉันคิดว่าเธอกำลังตามหานาย นายไปดูสิ ฉันจะรอนายที่นี่”
กนกอรพูดอย่างใจกว้าง
นฤเบศวร์มองไปที่เธอ
กนกอรยิ้มแล้วใช้มือสองข้างบีบใบหน้าทั้งสองข้างของเขาว่า: “ฉันต้องการให้นายจัดการเรื่องทั้งหมดให้จบ จากนั้นเราค่อยเข้าไปจดทะเบียนกัน จะได้ไม่มีคนมารบกวนจนทำให้เสียอารมณ์ และฉันเชื่อว่านายจะไม่ทิ้งฉันและไม่สนใจฉันในตอนนี้”
“นอกจากนี้คนที่มาคือคุณณัฏฐา ไม่ใช่เปรมา ฉันจึงไม่กังวลเลย และถึงแม้คนที่มาจะเป็นเปรมาฉันก็ไม่กลัว นายเป็นของฉันก็ต้องเป็นของฉัน!”
นฤเบศวร์บีบหน้าของกนกอรกลับและพูดกับเธอว่า: “เธอใจกว้างจริงๆ แต่ฉันชอบสิ่งที่เธอพูด”
เขาเป็นของเธอก็ต้องเป็นของเธอ!
“รอฉันที่นี่ ฉันไปดูก่อนนะ”
“โอเค”
นฤเบศวร์ก็ไม่อยากถูกคุณณัฏฐารังควานตลอดเวลา จึงคิดว่าสิ่งที่กนกอรพูดนั้นถูกต้อง และถ้าเขาจัดการเสร็จแล้วอนาคตก็จะได้ไม่มีปัญหาอีก
เขาเดินไปหาคุณณัฏฐา
บอดี้การ์ดถอยไปด้านข้างอย่างเงียบๆ
“นฤ”
คุณณัฏฐาหน้าซีดมากและการแต่งตัวของเธอก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
หลังจากที่เปรมาติดคุก บริษัทและการงานของเธอก็ตกไปอยู่ในมือของคุณณัฏฐา และยังไม่ทันจะเริ่มตน เธอก็ถูกขัดขวาง ซึ่งถูกกำหนดไว้แล้วว่าเปรมาจะขาดทุน
คุณณัฏฐาขายคฤหาสน์เพียงหลังเดียวที่มีไว้ในเมืองแอคเซสซ์ของตระกูลไชยรัตน์ และยังขอให้สามีส่งเงินมาเพื่อช่วยลูกสาวเก็บกวาดเรื่องต่างๆ
บริษัทถูกยุบในทันที
ตอนคุณณัฏฐาไปเยี่ยมที่เรือนจำ เธอบอกลูกสาวว่าควรโอนธุรกิจกลับไปต่างประเทศอีกครั้ง เพื่อหลังจากลูกสาวออกมาแล้วจะได้ไปต่างประเทศและไม่กลับมาที่เมืองแอคเซสซ์อีก และถึงแม้เธออยากจะกลับมา ก็ต้องตั้งตัวเป็นใหญ่อีกครั้ง ให้แข็งแกร่งจนทั้งยศพัฒน์และนฤเบศวร์ก็ไม่สามรถขัดขว้างได้ แล้วค่อยกลับมาแก้แค้นอีกครั้ง
ก็แค่ต้องแข็งแกรงมากยิ่งขึ้นถึงจะสามารถแก้แค้นได้
นี่ก็คือสิ่งที่คุณณัฏฐาสัญญากับยศพัฒน์ไว้เมื่อตอนี่เปรมาขอโทษเทวิกา
สัญญาว่าจะไม่ให้ลูกสาวไปรบกวนยศพัฒน์และเทวิกาอีก