รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 644 มีสุขร่วมสุข มีทุกข์ร่วมทุกข์
เทวิกาไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย แต่หลังจากกนกอรวางสายไป ยศพัฒน์ก็โทรหาภรรยา
เทวิกาโกรธที่เขาไม่ปรึกษาเธอ เชื่อฟังการเตรียมการของพ่อเธอ ส่งเธอกับแม่เธอกลับเมืองแอคเซสซ์ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องในครอบครัวเธอ แต่เขาต้องช่วยเธอประคับประคอง ช่วยเธอต้านทาน สายที่เขาโทรมา เทวิกาไม่รับในตอนแรก
ในใจยศพัฒน์รู้ดีว่าภรรยาแสนสวยสุดที่รักกำลังโกรธ
แต่เขาไม่เสียใจหรอกนะที่ให้ความร่วมมือแผนการพ่อตา
หลังจากโทรติดต่อสองสามครั้ง เทวิกาถึงได้ไปซ่อนตัวในห้องตัวเองเพื่อรับสายเขา
“ที่รัก”
ยศพัฒน์จงใจทำเสียงให้อ่อนโยน มีความประจบเอาใจเล็กน้อย “ที่รัก ยังโกรธฉันอยู่เหรอ”
“ฉันจะกล้าโกรธนายได้ยังไง ฉันเป็นอะไรสำหรับนาย มีสิทธิ์อะไรไปโกรธนาย”
สองสามีภรรยาแต่งงานกันมาครึ่งปี ไม่เคยขัดแย้งกันเลย เป็นครั้งแรกที่เทวิกาพูดจาแดกดัน เหน็บแนมแบบนี้
“เธอคือภรรยาฉันนะ ในอนาคตคือแม่ของลูกฉัน เราต้องใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป เธอมีสิทธิ์โกรธฉันที่สุดแล้ว ที่รัก ขอโทษนะ เป็นครั้งแรกที่ฉันทำอะไรตามอำเภอใจ ฉันกับพ่อทำไปเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยเธอกับแม่”
“เธอก็รู้ว่าคนในตระกูลเลิศธนโยธาจิตใจอำมหิต ทำได้ทุกอย่าง ตอนอยู่เมืองแอคเซสซ์ พวกมันลงมือกับเธอสองครั้ง ยังดีที่อยู่เมืองแอคเซสซ์ พวกมันยังหวาดกลัวอยู่บ้าง เธอถึงได้ปลอดภัย แต่ที่เมืองซูเพร่า พวกมันไม่หวาดกลัวอะไรเลย”
“เธอกับแม่ไม่เคยเรียนศิลปะป้องกันตัว ถึงเธอจะมีความสามารถในการป้องกันตัว แต่สำหรับไอ้พวกใจดำอำมหิตนั่น เธอกับแม่ยังไร้เดียงสาเกินไป”
“เฮอะ!”
เทวิกาทำเสียงเฮอะอย่างหนักหน่วง แล้วพูดว่าเขา “ยศพัฒน์ นายรู้ไหมว่านี่มันเรื่องในครอบครัวใคร? นี่มันเรื่องในครอบครัวฉัน ฉันกับคนในครอบครัวฉันควรเผชิญหน้าด้วยกัน นายไม่ปรึกษาฉันก่อนเลย ก็เชื่อฟังพ่อฉันแล้ว”
“วิกา เรื่องในครอบครัวเธออะไรกัน? เรื่องในครอบครัวเธอก็คือเรื่องของฉัน แค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอมันก็เป็นเรื่องของฉันทั้งนั้น ต่อมาฉันก็ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์เครื่องใหม่เธอเพื่อบอกเธอไม่ใช่หรือไง”
เทวิกาทำหน้าหดหู่ “นายตีฉันจนสลบ ส่งฉันขึ้นเครื่องบิน ค่อยส่งข้อความมาหาฉันมันมีประโยชน์อะไร? นั่นมันประหารก่อนค่อยรายงานนี่ ไม่ใช่การปรึกษาเลย ยศพัฒน์ นายบอกว่าเราต้องใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป ถ้าต่อไปนายไม่ปรึกษาฉันแล้วทำตามอำเภอใจอีก นายเตรียมนอนในห้องทำงานสามเดือนได้เลย”
“โอเคๆๆ ต่อไปมีเรื่องอะไรจะปรึกษาเธอหมดเลย เธออย่าโกรธนะ โกรธมากจะทำร้ายสุขภาพ แล้วฉันจะปวดใจ”
ยศพัฒน์พูดกล่อมภรรยาแสนสวยสุดที่รัก
หลังจากเทวิกาบ่นสักพัก ความโกรธก็หายไปนิดหน่อย แต่เธอก็ยังพูดว่า “พัฒน์ ไม่ว่าพายุคลื่นข้างหน้าจะใหญ่แค่ไหน อันตรายจะมากแค่ไหน ฉันก็ไม่กลัว ฉันจะเผชิญมันไปกับนาย ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะไม่อยู่คนเดียว เราสองคนนอนหมอนเดียวกันและจะตายในหลุมศพเดียวกัน”
“นายอย่าคิดว่าผลักฉันออกไป แล้วฉันจะยอมอยู่คนเดียวเหรอ ไม่มีทาง! ไม่ว่าจะสวรรค์หรือนรก ฉันก็จะติดตามนายไป”
“ฉันอยู่เป็นเพื่อนแม่ฉัน อีกสองสามวันค่อยกลับไป นายรู้เอาไว้ก็พอ อย่าบอกพ่อฉัน แม่ฉันล่ะ ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่เมืองแอคเซสซ์ เธอไม่ได้รับความเป็นธรรมมามาก ฉันก็ไม่อยากให้แม่ฉันเผชิญหน้ากับอุปสรรคพวกนั้นอีก”
ยศพัฒน์ทอดถอนใจ “วิกา เธอเชื่อฟังหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ ฉันไม่เชื่อฟัง นายอย่าคิดจะแบกรับทุกอย่างแทนฉัน อย่าคิดจะผลักฉันออกไป! ทั่วทั้งสวรรค์และนรก ฉันจะติดตามนายไป!”
ยศพัฒน์ทอดถอนใจอีกครั้ง “วิกา เธอจะให้ฉันพูดยังไงกับเธอดี? เชื่อฉันกับพ่อนะ เราจะไม่เป็นอะไร แค่เธอกับแม่สบายดี เราก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ถึงจะได้ไม่ต้องห่วงหรือกังวล”
เทวิกาตาแดงแล้ว เธอพูดขึ้น “ถ้าพวกคุณเป็นอะไรขึ้นมา สอนเราสองแม่ลูกสิว่าจะเผชิญหน้ากับมันยังไง? สรุปแล้วฉันจะไม่ปลีกตัวออกห่าง นี่เป็นเรื่องในครอบครัวฉัน! นายที่เป็นลูกเขยยังเกี่ยวข้องได้เลย ฉันในฐานะลูกสาว จะคำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวได้ยังไง?”
ยศพัฒน์ฟังออกว่าในเสียงเธอมีความสะอึกสะอื้น ก็สงสารขึ้นมาทันที รีบปลอบเธอ “วิกา เธออย่าร้องไห้ ฉันไม่อยู่ข้างๆ เธอ ช่วยเธอเช็ดน้ำตาไม่ได้ เธออย่าร้องไห้เลยนะ ฉันจะเล่าเรื่องกนกอรกับกัญณิศาให้เธอฟัง เธออย่าร้องไห้ เธอร้องไห้แล้วหัวใจฉันเหมือนโดนมีดกรีด”
“นายเปล่าสักหน่อย ฉันจะร้องไห้ ร้องไห้ให้หัวใจนายเหมือนโดนมีดกรีด ดูสิว่าต่อไปยังจะทำแบบนี้กับฉันอีกไหม?”
“โอเคๆๆ ต่อไปฉันจะปรึกษาเธอก่อนค่อยทำ เธออย่าโกรธเลย พิรัตน์ก็คิดถึงแม่มากเลยนะ”
“เขากับฉันคนนั้นเข้ากันได้ไหม?”
ถามถึงเด็กน้อยที่ตนเก็บมาเลี้ยง เทวิกาปาดน้ำตา ยังคงเป็นห่วงเจ้าหนูน้อยคนนั้นมาก
พูดถึงเรื่องนี้ ยศพัฒน์ก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เจ้าหนูน้อยนั่นสุดยอดมากเหมือนกัน ตัวปลอมที่พ่อเตรียมไว้เหมือนเธอขนาดนั้น คนในคฤหาสน์ยังไม่รู้เลยว่าเป็นตัวปลอม ถึงแม้เจ้าหนูนั่นต้องการกอดจากคนที่เป็นตัวปลอม แต่ก็ไม่สนิทสนม ไม่เรียกแม้แต่แม่ ปกติไม่ตัวติดกับฉัน ตอนนี้ชอบตัวติดกับฉันมากกว่าเดิม ดีที่ฉันสอนเขาบ่อยๆ บอกว่าเธอไม่ใช่แม่ ตอนนี้เขาไม่เรียกแม่แล้ว คนอื่นเลยนึกว่าฉันสอนได้ดี”
“ไม่ได้คิดไปทางอื่นเลย เจ้าหนูนี่แสนรู้มาก”
อารมณ์อยากร้องไห้ของเทวิกาดีขึ้นมากโดยฉับพลัน พูดขึ้นว่า “อย่ามองว่าเขาอายุยังน้อย จิตใจเขาบริสุทธิ์ แววตาใสแจ๋ว ถึงจะพูดไม่ได้ แต่ก็แยกได้ชัดเจนว่าใครดีกับเขา”
ตัวปลอมมีท่าทาง รูปร่าง เสียงพูดเหมือนกับเธอมาก ก็เพราะจงใจแสร้งทำออกมา ไม่ใช่เธอตัวจริง
เมื่อพิรัตน์เห็นเธอก็เรียกเธอว่าแม่ ถึงได้สังเกตเห็นว่าแตกต่าง
ยังดีที่ตอนนี้พิรัตน์พูดคำอื่นไม่ได้ จึงไม่โป๊ะแตก
“เกิดอะไรขึ้นกับกนกอรกับณิศา?”
“กนกอรสบายดี หล่อนไม่รู้เรื่องของเรา ส่งข้อความมาถามเรื่องพี่ชายเธอกับณิศา ฉันช่วยเธอตอบข้อความหาหล่อน พี่ชายเธอไปหากัญณิศามา พอเจอหน้า ก็บอกหล่อนว่าเขามาเพื่อผูกมิตรกับกัญณิศา”
เทวิกา “……ณิศาตกใจแย่เลยใช่ไหม?”
“กนกอรบอกว่าตอนนั้นกัญณิศาตกใจจนเผ่นหนีไป”
“พี่ฉัน อืม ตรงไปตรงมาจริงๆ ทำให้ณิศากลัวจนหนี เขาไม่ตามไป? อธิบายหน่อยเหรอ?”
ยศพัฒน์ก็รู้สึกว่าพี่เขยตรงไปตรงมาเกินไป เขายิ้มแล้วพูดขึ้น “กนกอรเตือนเขาไปแล้ว เขาบอกว่ายังไงฉันก็ไม่แต่งงานกับเธอ จะจีบติดหรือไม่ติดก็ไม่เป็นไร ทำให้กนกอรกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กนกอรก็เลยมาระบายความคับอกคับใจกับเธอ”
เทวิกา “……คนโสด นี่สินะความสามารถคนโสด”
ยศพัฒน์หัวเราะฮ่าๆ
“ก็ไม่ต้องกังวล พี่ชายฉันแค่อ้างเรื่องไปจีบกัญณิศาเฉยๆ ภารกิจที่แท้จริงของเขาก็เพื่อรวบรวมหลักฐานตระกูลเลิศธนโยธาค้ายาเสพติดจากอีกเบาะแสหนึ่ง ถ้าเขากับกัญณิศามีบุพเพสันนิวาส ก็จะกระจ่างมากขึ้น”
เรื่องนี้เทวิกาก็รู้
เธอพูดขึ้น “พี่ชายฉันชอบหญิงสาวสวมหน้ากากมากกว่า เว้นเสียแต่ว่าเขาพิสูจน์ได้ว่าณิศาคือหญิงสาวสวมหน้ากากที่เขาลืมไม่ลง ไม่งั้นเขาคงไม่รักณิศาหรอก ถ้าสองคนไม่ใช่คนคนเดียวกัน ฉันก็ไม่จับคู่พวกเขาเหมือนกัน คนหนึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของฉัน อีกคนเป็นเพื่อนสนิทฉัน ฉันไม่อยากให้พวกเขากลายเป็นคู่เวรคู่กรรมกัน”
หวังว่าคนรอบข้างเธอจะมีความสุขได้