รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 689 สิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ อย่าเอาไปยัดเยียดให้คนอื่น
นายหญิงไม่ยอมกลับ คิดจะสลัดมือของนายท่านออกไป อยากจะจัดการญาณิน
“คุณเงียบสักที! คุณอยากให้ผมออกไปหาเมียน้อยสาวๆหรือไง?”
นายหญิงถลึงตาใส่สามีด้วยความตกใจ
นายท่านหน้าตาบึ้งตึง “กลับบ้าน”
เขาดึงภรรยาเดินไปอีกครั้ง
คราวนี้นายหญิงไม่สะบัดมือของสามีออก แต่เดินไปแล้วก็ยังหันกลับมา ถลึงตาใส่ญาณินอีก
ออกจากโรงพยาบาล หลังขึ้นรถแล้ว นายหญิงก็ด่าญาณินไม่หยุด ยังด่าสามีด้วย: “คุณหวั่นไหวแล้วใช่ไหม? ตาเฒ่า ฉันเตือนคุณไว้เลย ถ้าคุณกล้านอกใจฉัน เลี้ยงเมียน้อยล่ะก็ ฉันจะตัดทิ้ง!”
“อะไรที่ตัวเองไม่อยากทำ ก็อย่าไปยัดเยียดให้คนอื่น”
นายหญิงหยุดด่าทันที
“ยายเฒ่า คุณเบื่อที่ตระกูลเรายังวุ่นวายไม่พอหรือไง?”
นายท่านพูดโน้มน้าวอย่างไร้เรี่ยวแรง: “ต่อให้คุณไม่เห็นแก่หน้าของลูกชาย ก็เห็นแก่หน้าของหลานชายหลานสาวบ้างเถอะ คุณทำอย่างนั้นกับณิน ต่อไปวิกากับประยสย์จะปฏิบัติกับคุณยังไง? พวกเราไม่ใช่คนหนุ่มสาวกันแล้วนะ”
ประโยคสุดท้ายทำเอาสีหน้าของนายหญิงซีดเผือดไปเลย
เธอไม่ใช่สาวๆอีกแล้ว! หลานชายหลานสาวโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว สองพี่น้องคู่นั้นเป็นคนเก่งด้วย ถ้าเธอรังแกญาณินอีก ชีวิตในวัยชราของเธอ……
แต่เธอไม่ยินยอมจะยอมรับว่าตนเองผิด ยังคงปากแข็ง: “ต่อให้ฉันไม่ใช่สาวๆอีกแล้ว ก็ไม่ต้องพึ่งพาพวกเขาสักหน่อย ฉันยังมีหลานชายหลานสาวอีกเยอะแยะ เจน แดน พวกแกคงไม่อกตัญญูเหมือนพวกเขาใช่ไหม?”
เจนสันกับแดนที่โดนเรียกชื่อก็ต้องกตัญญูต่อคุณย่าอยู่แล้วสิ
นายหญิงยังคงพูดต่อ: “วันข้างหน้าใครกตัญญูต่อย่า ย่าก็จะแก้พินัยกรรม แบ่งทรัพย์สินส่วนตัวของย่าให้หลานชายที่กตัญญูต่อย่ามากหน่อย”
นายท่านพูดนิ่งๆ: “คุณคิดว่าพวกไซม่อนจะเสียดายทรัพย์สินส่วนตัวของคุณงั้นเหรอ?”
ทรัพย์สมบัติส่วนตัวของลูกชายคนโตมีตั้งแสนล้าน
ทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาสองสามีภรรยารวมเข้าด้วยกันก็แค่ขนไม่กี่เส้นของลูกชายคนโตเท่านั้นเอง
นายหญิง: “……”
คนที่ขวางหูขวางตาไปแล้ว ญาณินจึงนั่งลงไปบนเก้าอี้
น้ำตานองหน้า
เป็นเธอเองที่ไม่แข็งแกร่งพอ เป็นเธอเองที่อ่อนแอเกินไป ถึงโดนรังแก ถึงโดนบีบให้เสียสติ
ถ้าเธอแข็งกร้าวเหมือนเมื่อกี้ตั้งแต่แรก กล้าตอบโต้ ก็คงไม่ถึงกลับต้องเสียสติไปยี่สิบกว่าปีหรอก
“แม่คะ”
เทวิกานั่งลงไปข้างๆแม่ เธอไม่ได้ปลอบแม่ว่าอย่าร้องไห้ แค่โอบไหล่ของแม่เอาไว้เงียบๆ แล้วส่งทิชชูไปให้แม่
พิรัตน์ดิ้นอยากจะลงไปที่พื้น ยศพัฒน์ที่อุ้มเขาอยู่จึงย่อตัวลง ปล่อยเขาลงกับพื้น
“แม่”
พิรัตน์วิ่งเหยาะๆเข้ามา ปีนขึ้นมาบนต้นขาของญาณินราวกับลูกลิง หลังจากนั่งลงไป จึงใช้สองมือเล็กๆช่วยเช็ดน้ำตาให้ญาณิน พูดอย่างร้อนรน: “ไม่ร้องนะ”
ญาณินกอดเด็กน้อยเอาไว้ พิงไหล่ของลูกสาว สะอื้นไห้พูดกับลูกสาว: “วิกา แม่โทษพ่อของลูกมาโดยตลอด นั่นไม่ถูกเลย แม่ก็มีส่วนผิด ถ้าแม่แข็งแกร่งพอ ก็จะไม่มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายขนาดนั้น”
“ในอดีต แม่อ่อนแอเกินไป หลายปีมานี้ พ่อของลูกก็ลำบากเช่นกัน แต่แม่ยังคงเอาตัวเองไปวางไว้ที่ตำแหน่งของเหยื่อ ตำหนิพ่อของลูกตั้งมากมาย โกรธเคือง……ถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น แม่กับพี่ชายของลูกคงตายไปหลายรอบแล้ว”
เธอในฐานะที่เป็นภรรยา ไม่ได้ทำให้ดี ในฐานะที่เป็นแม่คน ก็ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เช่นกัน
แม้ไซม่อนจะเล่นสนุกอยู่กับพลอยไพลินตั้งหลายปี แต่เขากับพลอยไพลินไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย เขายังคงซื่อสัตย์กับชีวิตแต่งงานของพวกเขา ยังคงจงรักภักดีต่อเธอ ถึงเธอจะเสียสติ เขาก็ไม่แตะต้องผู้หญิงข้างนอกแม้เพียงสักนิด
เขาเป็นพระมายี่สิบกว่าปีแล้ว
อ้อ ไม่ใช่สิ เขาไม่ได้เป็นพระ ทุกครั้งที่เธอฝัน จะฝันว่าโดนคนจูบ ตอนที่โดนคนทำอย่างนั้น จริงๆแล้วเป็นเขาต่างหากที่รังแกเธอ ใช้ชีวิตอย่างสามีภรรยากับเธอ
เพียงแต่ตอนที่เธอเสียสติกลับกลัวเขามากๆ เขาจึงต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมของพวกอันธพาลนิดหน่อย
ทั้งยังช่วยเธอคุมกำเนิดด้วย ไม่ยอมให้เธอตั้งท้องตอนที่เสียสติ
นึกถึงสถานการณ์ที่คลุมเครือพวกนั้น ญาณินเช็ดน้ำตา รู้สึกว่าใบหน้าที่มีริ้วรอยค่อนข้างร้อน
“แม่คะ พ่อไม่โทษแม่หรอก รอให้พ่อฟื้นแล้ว แม่คุยกับพ่อดีๆนะคะ”
ญาณินอืมออกมา “แม่จะพูดกับเขาดีๆ วิกา พ่อของลูกต้องฟื้น เขาต้องฟื้นขึ้นมาแน่ๆ”
เทวิกาพยักหน้า “พ่อต้องฟื้นค่ะ”
ก่อนพ่อออกจากบ้านกลับคิดไว้ว่าจะตายไปพร้อมกับตระกูลเลิศธนโยธา เธอจึงจงใจหลอกพ่อ บอกว่าเธอเปลี่ยนยาคุมของแม่ ซึ่งเป็นไปได้มากว่าแม่อาจจะท้อง ทำให้พ่อเธอไม่กล้าคิดที่จะตายไปพร้อมกับศัตรู
ยศพัฒน์มองสองแม่ลูก ขยับริมฝีปากอยู่หลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดกลับไม่พูดอะไร
บรรดาบอดี้การ์ดของไซม่อนก็หมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ กลัวว่าตนเองจะทนไม่ไหวพูดเรื่องที่หมอบอกไว้ออกมา
ความรู้สึกที่ท่านผู้นำมีต่อคุณผู้หญิงไม่เคยเปลี่ยนไป
ตอนนี้คุณผู้หญิงกลับมาแล้ว ให้อภัยท่านผู้นำแล้ว บางทีมีคุณผู้หญิงอยู่ อาจจะปลุกให้ท่านผู้นำตื่นขึ้นมาก็ได้
แม้ยศพัฒน์กับพวกบอดี้การ์ดจะไม่ได้บอกเรื่องที่ไซม่อนอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราออกมา แต่ทว่าตอนใกล้ๆเที่ยง สองแม่ลูกกลับรู้เรื่องแล้ว
หลังจากที่หมอตรวจอาการไซม่อนแล้ว จึงให้พวกพยาบาลย้ายไซม่อนออกจากห้องไอซียูไปที่ห้องคนไข้ธรรมดา
จากนั้นจึงพูดกับญาณิน: “คุณหญิงธิษณา ตอนนี้ที่คุณไซม่อนยังไม่ฟื้นขึ้นมา มีความเป็นไปได้ว่าจะหลับไม่ได้สติเช่นนี้ต่อไป กลายเป็นเจ้าชายนิทรา คุณคุยกับคุณไซม่อนเยอะๆหน่อยนะครับ ดูสิว่าจะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาได้ไหม”
“ปลุกให้เขาตื่นยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีครับ”
ได้ฟัง ญาณินรู้สึกว่าทั้งร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง เทวิกาจึงรีบประคองแม่เอาไว้
เธอเองก็มองหมอด้วยความตกใจหวาดกลัวเช่นกัน ถามอย่างร้อนรน: “หมอคะ ที่พ่อฉันได้ย้ายออกจากไอซียูไปอยู่ห้องธรรมดา ไม่ใช่ว่าใกล้จะฟื้นแล้วเหรอคะ? ทำไมยังกลายเป็นเจ้าชายนิทราได้อีกล่ะ?”
“สัญญาณชีพของคุณไซม่อนคงที่ ไม่ได้อยู่ในช่วงวิกฤต จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนอนในห้องไอซียูครับ แต่เมื่อไหร่เขาจะฟื้นนั้น พวกเราก็ไม่กล้ารับประกัน ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือคุณไซม่อนจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ญาติๆต้องทำใจไว้ด้วยครับ”
“พวกคุณต้องคุยกับคุณไซม่อนเยอะๆ สถานการณ์ของคุณไซม่อนไม่ได้ถือว่าแย่นะครับ ไม่แน่ผ่านไปไม่กี่วันก็อาจจะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาได้”
เจ้าชายนิทราบางคน จนตายก็ไม่ตื่นขึ้นมา
แต่บางคนกลับโดนปลุกให้ตื่นได้
ส่วนใหญ่คนที่ปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นมาได้ มักจะเป็นญาติพี่น้อง
โดยเฉพาะญาติพี่น้องที่คนไข้แคร์ที่สุด พูดคุยกับคนไข้เยอะๆ อาจจะปลุกให้คนไข้ตื่นมาก็ได้
หมอปลอบใจสองแม่ลูกไม่กี่ประโยคแล้ว ก็เดินไป
ญาณินเดินโซเซเข้าไปในห้องคนไข้
เทวิกาอยากจะตามเข้าไป แต่โดนสามีดึงเอาไว้
ยศพัฒน์พูดอย่างอ่อนโยน: “วิกา ให้แม่กับพ่อได้อยู่กันตามลำพังเถอะ”
เทวิกาตาแดงก่ำ “พ่อฉันลำบากมากนะ ไม่ง่ายเลยกว่าแม่จะเข้าใจเขา ให้อภัยเขาแล้ว แต่เขากลับ……”
ยศพัฒน์ปล่อยพิรัตน์ลงไปยืนบนพื้น เปลี่ยนมาโอบกอดภรรยาที่รักแทน ปลอบใจเธอ: “พ่อต้องฟื้นขึ้นมา ความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือได้คืนดีกับแม่ มีแม่อยู่เป็นเพื่อนคอยพูดคุยกับเขาทุกวัน ถ้าเขาได้ยินแม่พูด ก็ต้องฟื้นขึ้นมาแน่”
พิรัตน์ที่โดนปล่อยให้ยืนอยู่บนพื้น เงยหน้าเล็กๆ มองลุงพัฒน์กับแม่เทวิกา ยื่นมือเล็กๆออกไปดึงลุงพัฒน์ออกตั้งหลายรอบ อยากจะดึงลุงพัฒน์ออกมา คืนแม่เทวิกามาให้เขา แต่เสียดายที่เขาแรงน้อย ดึงลุงพัฒน์ออกมาไม่ได้