ตอนที่ 456 เป็นไอ้สารเลวคนนั้น!
หยวนกังที่ดวงตาฉายแววระแวดระวังผงะไปเล็กน้อย คนจากเขาข้ามเมฆาอย่างนั้นหรือ? ถึงแม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมการเดินทางไปเยือนเขาข้ามเมฆา ทว่าเขาก็ทราบถึงความเกี่ยวข้องระหว่างหนิวโหย่วเต้ากับเขาข้ามเมฆา ความคิดที่ว่าอีกฝ่ายมาหาเต้าเหยี่ยแวบผ่านเข้ามาในสมองของเขา
ชายร่างผอมเพรียวถูกกลิ่นอายของหยวนกังสะกดข่มเอาไว้เล็กน้อย กลิ่นอายจากร่างของอีกฝ่ายทำให้เขาค่อนข้างกริ่งเกรงอย่างน่าประหลาด
เขาหันไปมองหยวนฟางที่โผล่ออกมาจากห้องหมายเลขสามของชั้นนี้ พูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง ปีศาจหมีที่ ‘จูเจียง’ คนนั้นกล่าวถึงคือคนผู้นี้หรือ?
พอเห็นหยวนฟางก็รู้สึกคุ้นหน้า คิดว่าน่าจะเคยพบกัน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นผู้ใด เนื่องจากเขาไม่เคยติดต่อสนทนากับหยวนฟาง แม้แต่ชื่อของหยวนฟางก็ยังไม่ทราบเลย เพียงเคยพบกันผ่านๆ เท่านั้น หากว่าเฮยหมู่ตานยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องจำนางได้แน่นอน
การขวางถนนดักปล้นเป็นพฤติกรรมปกติมากสำหรับชาวหุบเขาข้ามเมฆา เขาจำได้ไม่กระจ่างด้วยซ้ำว่าตนดักปล้นในแถบเขาข้ามเมฆาไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เคยพบหน้าหยวนฟางแค่ผ่านๆ ครั้งเดียว เขาจึงนึกไม่ออกจริงๆ
ประเด็นสำคัญคือ ทันทีที่หยวนฟางเปิดประตูออกมาก็เปิดโปงฐานะชาวหุบเขาข้ามเมฆาของเขามในทันที
เขามาที่โรงเตี๊ยมนี้โดยไม่ได้ปลอมตัว แล้วก็กลัวว่าหากถูกอื่นมองออกว่าปลอมตัวมันจะดูน่าสงสัยยิ่งกว่าเดิม ใครจะไปคิดถึงว่าจะมาเจอคนรู้จักเอาเสียได้
“ที่แท้ก็เป็นน้องโหวฉิงเทียนนี่เอง” หนิวโหย่วเต้าที่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังกลับจำได้แม่น มองเพียงเล็กน้อยก็จำได้แล้วว่าคนที่ถูกขวางอยู่คือผู้ใด เขาเดินยิ้มร่าเข้ามาหา
คนที่ได้รู้จักกันบนเขาข้ามเมฆามีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งคนผู้นี้คือคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากที่สุดในครั้งนั้น เขาย่อมจดจำได้แม่นยำ
“…..” โหวฉิงเทียนผงะไป อ้าปากค้างเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออก
เขาไม่รู้จักหยวนฟาง แต่เขาจะไม่รู้จักหนิวโหย่วเต้าได้หรือ? คนที่พอมาถึงเขาข้ามเมฆาก็สาบานเป็นพี่น้องกับท่านผู้ดูแลทันที อีกเหตุผลที่ไม่มีทางลืมง่ายๆ เพราะตอนนี้คนเขากลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกบำเพ็ญเพียรแล้ว แม้แต่ท่านผู้ดูแลก็ยังเอ่ยถึงพลางทอดถอนใจอยู่ทุกวัน พูดทำนองว่าไม่คิดเลยว่าจะจับพลัดจับผลูได้ร่วมสาบานกับคนผู้นี้เข้า
ท่านผู้ดูแลยังเอ่ยอยู่เลยว่าไม่รู้ว่าน้องชายร่วมสาบานคนนั้นจะมาเยี่ยมเยือนที่เขาข้ามเมฆาอีกเมื่อใด ความหมายในวาจานั้นคือหากน้องชายร่วมสาบานคนนั้นมาเยือนอีก เขาจะต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้นแน่นอน ไม่มีทางเฉยเมยเย็นชาเหมือนอย่างตอนที่พบหน้ากันครั้งแรก คาดว่าคงจะมองอีกฝ่ายเป็นน้องชายร่วมสาบานของตนเข้าจริงๆ แล้ว
ท่านผู้ดูแลยังเคยคิดด้วยว่าจะไปเยือนจังหวัดชิงซานดีหรือไม่ แต่พอพิจารณาถึงว่าตอนนี้อีกฝ่ายมีชื่อเสียงในโลกบำเพ็ญเพียรไม่น้อย แต่ก่อนเคยเย็นชาต่ออีกฝ่าย แต่ยามกลับจะทำตัวชิดเชื้อ กังวลใจว่าหากไปหาอาจจะทำให้คนเขาเข้าใจผิดว่าตนต้องการประจบประแจงเอาได้ ดังนั้นจึงไม่เคยเดินทางไปเยี่ยมเยือนเลย
อันที่จริงเขารู้ดีว่าท่านผู้ดูแลมีเจตนาอยากจะสานไมตรี ความแข็งแกร่งทางด้านสภาวะของเขาข้ามเมฆาอาจจะแข็งแกร่งกว่าคนผู้นี้ แต่มันไม่อาจเทียบกับบุคคลที่มีอิทธิพลต่อเจ้าศักดินาผู้หนึ่งได้ คุณสมบัติของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากวันใดวันหนึ่งเขาข้ามเมฆาไม่อาจตั้งตัวอยู่ในแคว้นจ้าวได้อีก บางทีอาจจะพอโยกย้ายไปปักหลักในเขตมณฑลหนานโจวของแคว้นเยี่ยนได้
คนที่ท่านผู้ดูแลต้องการสานไมตรีด้วยเสมอมา ไม่คิดเลยว่าตนจะบังเอิญมาพบในสถานที่แห่งนี้เข้า
ถูกต้อง เขาก็คือคนของเขาข้ามเมฆา โหวฉิงเทียนลูกน้องคนสนิทของอวิ๋นฮวนผู้ดูแลคนปัจจุบันของเขาข้ามเมฆา
หนิวโหย่วเต้าเดินเข้ามาโบกมือพลางเอ่ยว่า “คนกันเอง!” สื่อว่าให้พวกหยวนกังเปิดทางให้อีกฝ่าย จากนั้นยิ้มแล้วเอ่ยกับโหวฉิงเทียนว่า “อะไรกัน ขี้ลืมขนาดนี้เชียวหรือ จำข้าไม่ได้หรือไง?”
โหวฉิงเทียนรีบประสานมือเอ่ยทักทาย “คารวะเต้าเหยี่ย!”
พอเห็นเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็สบตากัน ที่แท้ก็เป็นคนรู้จักจริงๆ
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ไม่พบกันหลายปี โหวซยงยังสง่างามเช่นเคย”
โหวฉิงเทียนรีบเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “เต้าเหยี่ยชมเกินไปแล้ว มิกล้ารับไว้หรอกขอรับ”
เขาให้ความเคารพนอบน้อมอย่างแท้จริง หนิวโหย่วเต้าในวันวานที่ถูกคนอื่นตามล่าสังหารอาจจะมองข้ามไม่เห็นอยู่ในสายตาได้ แต่ตอนนี้กลับต่างกันออกไป คนที่ทำร้ายศิษย์สำนักเพลิงนภาแล้วยังรอดมาได้อย่างปลอดภัย เวลานี้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกบำเพ็ญเพียร อิทธิพลที่มีต่อโลกคนธรรมดาก็ยิ่งมากมายนัก ใต้หล้านี้มีทั้งหมดสองร้อยกว่ามณฑล ได้ยินว่าคนผู้นี้สามารถควบคุมมณฑลแห่งหนึ่งได้ พูดอีกอย่างก็คือคนผู้นี้มีอิทธิพลต่อมณฑลแห่งหนึ่งจากทั้งหมดสองร้อยกว่ามณฑลในโลกคนธรรมดา แม้ว่าสัดส่วนจะน้อยนิด ทว่าเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกบำเพ็ญเพียรไม่อาจทำได้ สำนักบำเพ็ญเพียรมากมายหลายแห่งก็ทำไม่ได้เช่นกัน
คนประเภทนี้ไปที่ใดก็ล้วนแต่มีคนอยากผูกมิตรด้วย อิทธิพลระดับนั้น เขาข้ามเมฆาไหนเลยจะเทียบชั้นได้ อำนาจบารมีนับว่าทิ้งห่างจากเขาข้ามเมฆาไปไกลแสนไกลแล้ว
หนิวโหย่วเต้าถามยิ้มๆ “ไม่ได้พบพี่ใหญ่อวิ๋นเสียหลายปี ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่อวิ๋นสบายดีหรือไม่?”
โหวฉิงเทียนตอบกลับอย่างนอบน้อม “สบายดีขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้าแปลกใจ “เจ้ามาหาข้าหรือ? พี่ใหญ่อวิ๋นก็มาด้วยใช่หรือไม่?”
โหวฉิงเทียนตอบว่า “เปล่าขอรับๆ ข้าได้รับคำสั่งให้ออกจากเขามาจัดการธุระเล็กน้อย นี่มาสำรวจโรงเตี๊ยมสำหรับพักแรมดูเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญพบเต้าเหยี่ยเข้า ช่างบังเอิญจริง ขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าเอียงศีรษะส่งสัญญาณเล็กน้อย “ในเมื่อมาแล้วก็มาพักด้วยกันสิ จะได้คอยช่วยเหลือดูแลกันและกัน” เขาก็อยากจะสอบถามสถานการณ์ของทางเขาข้ามเมฆาเช่นกัน
โหวฉิงเทียนประสานมือกล่าวขอบคุณในความหวังดี “เต้าเหยี่ย ข้ารับคำสั่งมาจัดการธุระ ตอนนี้ยังไม่สะดวกขอรับ รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วจะมาขออภัยจากเต้าเหยี่ยในภายหลังขอรับ”
ในเมื่อเขากล่าวมาเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้าก็ไม่บังคับอีก พูดจาตามมารยาทสองสามประโยคแล้วปล่อยอีกฝ่ายจากไป
ขณะที่เดินลงไปยังชั้นล่าง โหวฉิงเทียนบ่นในใจ ราชาหมีขนทองถูกหลอกพามาอันใดกัน เขาเคยพบหยวนฟางมาก่อน รู้แต่แรกแล้วว่าเป็นคนของหนิวโหย่วเต้า ถูกหลอกมาที่ไหนกันล่ะ
หนิงโหย่วเต้าที่ยืนมองดูอีกฝ่ายจากไปอยู่ชั้นบนหันไปมองหยวนกังเล็กน้อย
หยวนกังเข้าใจความคิดเขา เอ่ยไปว่า “ไม่เหมือนบังเอิญพบ น่าจะมาตรวจสอบอะไรบางอย่าง”
มาตรวจสอบชั้นที่ทางนี้พักอยู่อย่างนั้นเหรอ? หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้วเล็กน้อย สำหรับเขาแล้ว นี่จะต้องมีความไม่ชอบมาพากลแฝงอยู่ในเรื่องราวแน่
เขาเป็นคนที่มีความระแวดระวังสูงมาก ออกคำสั่งต่อก่วนฟางอี๋ทันที “จับตามองไว้”
ก่วนฟางอี๋สั่งให้สวี่เหล่าลิ่วตามไปทันที
หลังจากเข้ามาในห้องพักของหนิวโหย่วเต้า นางงก็เอ่ยถาม “เขาข้ามเมฆาแห่งแคว้นจ้าวนั่นน่ะหรือ? เจ้ามีความสัมพันธ์กับเขาข้ามเมฆาด้วยหรือ?”
พอเอ่ยถึงเขาข้ามเมฆา หนิวโหย่วเต้าก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย
…..
พอกลับมาถึงเรือนพัก โหวฉิงเทียนตรงเข้าไปยังเรือนด้านในเพื่อรายงานสตรีชุดขาว “ท่านเจ้าเขา เรื่องที่โรงเตี๊ยมชะตาสวรรค์มีเงื่อนงำเล็กน้อยขอรับ บังเอิญพบคนรู้จักเข้า”
สตรีชุดขาวที่นั่งนิ่งอยู่ในศาลาก็มิใช่ใครอื่น เป็นท่านเจ้าเขาแห่งหุบเขาข้ามเมฆา แล้วก็เป็นมารดาของอวิ๋นฮวนผู้ดูแลคนปัจจุบันของเขาข้ามเมฆา อวิ๋นจีนั่นเอง!
อวิ๋นจีปรายตามองเล็กน้อย รอให้เขาเล่าต่อ
โหวฉิงเทียนเอ่ยว่า “ปีศาจหมีที่คนผู้นั้นอ้างถึงคือลูกน้องของหนิวโหย่วเต้า ปีนั้นที่พวกเขาผ่านทางมาข้าน้อยก็เคยพบเขาขอรับ ซ้ำหนิวโหย่วเต้าก็พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมชะตาสวรรค์ด้วย ข้าน้อยบังเอิญพบเขาเข้า ปีศาจหมีตัวนั้นเป็นพวกเดียวกับหนิวโหย่วเต้าอยู่แล้วขอรับ”
แม้แต่อวิ๋นจีที่สุขุมเยือกเย็นอยู่เสมอ ยามนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้ามึนงง
หนิวโหย่วเต้าหรือ? พอนึกถึงคนผู้นี้ สีหน้านางอึมครึมลงเล็กน้อย ไอ้สารเลวคนนั้นหรอกเหรอ!
ครั้งก่อนที่กุ่มหมู่ออกจากจังหวัดชิงซาน นางได้มุ่งหน้าไปยังเขาข้ามเมฆาจริงๆ กุ่ยหมู่และอวิ๋นจีเป็นเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดกลมเกลียวกันจริงๆ เมื่อสองสตรีได้พบหน้าก็บอกเล่าถึงความเป็นไปในช่วงที่ผ่านมานี้ พอทราบว่ากุ่ยหมู่กลายเป็นพี่สาวร่วมสาบานของหนิวโหย่วเต้า ตอนนั้นนางโมโหอย่างยิ่ง สาบานเป็นพี่น้องกับบุตรชายนางแล้วยังมาสาบานเป็นพี่น้องกับสหายรักของนางอีก ทำให้ลำดับอาวุโสระหว่างนางและบุตรชายของนางยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด ไม่โมโหก็แปลกแล้ว
หลังจากกุ่ยหมู่ทราบเรื่องก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนที่ตนบอกว่าจะไปเยือนเขาข้ามเมฆา เจ้าเด็กนั่นถึงได้มีสีหน้าแปลกๆ นางจึงสบถด่าออกมาในทันทีเช่นกัน ไม่เคยพบเคยเจอคนที่เหลวไหลเช่นนี้มาก่อน รู้เรื่องดีแต่กลับไม่พูดออกมา
เวลานั้นอวิ๋นฮวนที่อยู่ด้านข้างด้วยก็กระอักกระอ่วนอย่างมากเช่นกัน พลอยประสมโรงด่าไปด้วย
โหวฉิงเทียนไม่ทราบถึงเรื่องนี้ เรื่องน่าอับอายที่ลำดับอาวุโสระหว่างแม่ลูกถูกคนอื่นทำให้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย พวกอวิ๋นจีสองแม่ลูกไม่มีทางป่าวประกาศออกไป เขาเล่าต่อไปว่า “เจ้าเขา จูเจียงตัวปลอมคนนั้นดูเหมือนจะกำลังเสี้ยมให้เกิดปัญหาอยู่ คล้ายจะไม่ประสงค์ดีต่อหนิวโหย่วเต้า ต้องการให้จัดการเลยหรือไม่ขอรับ?”
ก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากอวิ๋นจี เขาไม่มีทางบอกหนิวโหย่วเต้าว่าอวิ๋นจีได้มาเยือนเมืองวั่นเซี่ยงแล้ว ตอนที่อวิ๋นจีออกจากเขาข้ามเมฆามา กระทั่งคนของเขาข้ามเมฆาก็แทบจะไม่มีผู้ใดทราบไม่มีผู้ใดทราบ ไม่ได้เปิดเผยข่าวที่เดินทางมาที่นี่ออกไป เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าอวิ๋นจีมาทำอะไรที่นี่ ทั้งกลุ่มเพียงติดตามร่วมทางมาด้วยเท่านั้น
อวิ๋นจีแค่นเสียงคราหนึ่ง ไม่ทราบเช่นกันว่าหมายถึงผู้ใดกันแน่ “แม้แต่ตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ ขืนลงมือไปก็ไม่รู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่จะเสียหาย อยู่ในเมืองวั่นเซี่ยงไม่เหมาะจะก่อเรื่องอึกทึกใหญ่โต แดนความฝันผีเสื้อกำลังจะเปิดในช่วงบ่ายนี้แล้ว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาหาเรื่องใส่ตัว”
โหวฉิงเทียนเอ่ยถาม “เช่นนั้นต้องการให้แจ้งเตือนต่อหนิวโหย่วเต้าสักหน่อยหรือไม่ขอรับ?”
อวิ๋นจีไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ “ส่งคนไปจับตามอง ‘จูเจียง’ คนนั้นต่อ จับตามองไว้อย่างใกล้ชิด รอให้ข้าได้เห็นก่อนว่าหนิวโหย่วเต้าคนนี้เป็นคนเช่นไรแล้วค่อยว่ากันอีกที”
โหวฉิงเทียนฟังความหมายในวาจาของนางออก หากว่านางไม่พอใจหนิวโหย่วเต้าล่ะก็ เกรงว่านางคงจะรับบทผู้ชม คอยเฝ้ามองหนิวโหย่วเต้าเผชิญปัญหาวุ่นวาย…
ผ่านไปไม่นานนัก สวี่เหล่าลิ่วก็ย้อนกลับมาที่โรงเตี๊ยม มาพบหนิวโหย่วเต้าเพื่อรายงานข้อมูลการสะกดรอยตาม
หนิวโหย่วเต้าที่เดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องเอ่ยถาม “ทราบหรือไม่ว่าเป็นผู้ใดที่พักอยู่ในเรือน”
หลังจากมาถึงโรงเตี๊ยม เขาก็ไม่เคยออกไปไหนเลย หลังจากทราบว่าร่องรอยการเดินทางถูกเปิดเผยแล้ว เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่ชัด เขาก็ไม่มีทางออกไปไหนง่ายๆ เพียงเฝ้าวิเคราะห์ดูแผนที่อยู่ทุกวัน ทดแทนการออกไปสำรวจภูมิประเทศด้วยตัวเอง
สวี่เหล่าลิ่วเอ่ยว่า “ไม่ทราบขอรับ เพียงแต่เห็นโหวฉิงเทียนคนนั้นเข้าไปในเรือนหลังนั้น ไม่ทราบเลยว่าสถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไร ข้าก็ไม่กล้าบุกรุกเข้าไปเช่นกันขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าให้เขาชี้ตำแหน่งของเรือนหลังนั้นในแผนที่ ใช้ความคิดกับแผนที่อยู่พักใหญ่….
ท่ามกลางหมูเขาเขียวขจี ภูเขาที่ดูเหมือนกระบี่สองลูกตั้งตระหง่านอยู่ตรงข้ามกัน มีเมฆหมอกลอยอบอวลอยู่ระหว่างเขาสองลูก ล่องลอยอยู่ตลอดปีไม่สลายไป เผยให้เห็นถึงความรู้สึกลี้ลับบางอย่าง
ท่ามกลางป่าเขาเถาวัลย์ใหญ่หนาเลื้อยพันไปตามกิ่งก้านไม้เขียวขจี บ้างก็แทรกแซมด้วยบุปผางามสดใส มีคนจำนวนมากทยอยเดินทางมุ่งหน้ามา แล้วก็มีภาพที่คนยืนตระหง่านอยู่บนกิ่งไม้ที่ขยับขึ้นลง ราวกับเซียนเหินข้ามป่าเขา
ผู้ที่เดินทางมาล้วนถูกเมฆหมอกที่ลอยวนอยู่ระหว่างเขาสองลูกดึงดูดความสนใจ เมื่อผ่านช่องเขาสองลูกนี้ไปจะเข้าสู่หุบเขาที่มีนามว่าหุบเขาผีเสื้อ พอข่ายพลังขนาดใหญ่เปิดออก มันก็จะกลายเป็นทางเข้าสู่แดนความฝันผีเสื้อ
เหนือนภามีศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์บังคับวิหคยักษ์หลายต่อหลายตัวบินโฉบลาดตระเวน
พวกหนิวโหย่วเต้าก็มาแล้วเช่นกัน ยืนอยู่บนเนินเขาลูกหนึ่ง
“เต้าเหยี่ย ด้านหลังเยื้องไปทางขวามีสตรีคนหนึ่งตามพวกเรามา เป็นสตรีในชุดขาว” จู่ๆ หยวนกังก็เอ่ยเตือนขึ้นมา
ทั้งกลุ่มแสร้งทำเป็นยิ้มแย้มชื่นชมทิวทัศน์ พอสังเกตดูก็พบว่าด้านหลังเยื้องไปทางขวามีสตรีชุดขาวสวมแพรขาวคลุมหน้าอยู่คนหนึ่งจริงๆ แต่ดูไม่มีอะไรแตกต่างไปจากคนรอบข้างเลย มองไม่ออกเลยว่ามีเจตนาติดตามพวกเขามา
วิปริต! ก่วนฟางอี๋สบถด่าหยวนกังอยู่ในใจคำหนึ่ง แต่ตอนนี้นางเองก็ทราบแล้วเช่นกัน ขอเพียงหยวนกังบอกว่าติดตามพวกนางอยู่ เช่นนั้นก็น่าจะไม่มีทางพลาดแน่นอน
ในการเดินทางครั้งนี้ ตลอดการเดินทางนับว่านางได้เรียนรู้แล้ว นางพบว่าหยวนกังจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของหนิวโหย่วเต้ามาเป็นอันดับหนึ่ง หากพบเห็นความผิดปกติไม่ว่าจะในทิศทางใด เขาจะเอาตัวเข้าขวางในทิศทางนั้นให้หนิวโหย่วเต้าทันที ชายร่างใหญ่คนนี้ราวกับมีดวงตางอกอยู่ทั่วร่างก็มิปาน ความผิดปกติใดๆ ในละแวกใกล้เคียงล้วนไม่รอดพ้นไปจากสายตาคนผู้นี้ ความสามารถในการสังเกตการณ์ของเขาเหนือกว่าผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกนางเสียอีก
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ มีครั้งหนึ่งที่พวกนางผ่านตลาดแห่งหนึ่ง แล้วทางนี้พบหัวขโมยคนหนึ่งเข้า แต่ชายร่างใหญ่คนนี้กลับชี้ตัวได้ทันทีว่าคนไหนในกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ เป็นพวกเดียวกับหัวขโมยคนนั้น ทางนี้ไม่เชื่อจึงจับตัวมาสอบถามความจริง แล้วก็ไม่ผิดไปจากที่เขากล่าวไว้เลย จำต้องยอมรับเลยว่าความสามารถในการสังเกตการณ์ของชายร่างใหญ่คนนี้ค่อนข้างยอดเยี่ยมจนเข้าขั้นวิปริตไปแล้ว
อันที่จริงก่วนฟางอี๋ก็อิจฉาหนิวโหย่วเต้าอยู่เช่นกัน มีคนหูตาว่องไวเช่นนี้ติดตามข้างกายก็เหมือนมีสมบัติล้ำค่า
……………………………………………………….