ตอนที่ 111 ภายนอกสง่าผ่าเผย
แต่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะส่งโอรสองค์ใดไปกับนาง ถ้าเป็นฉีอ๋องก็แล้วไป ทว่า หากเป็นเหลียงอ๋อง…
ไป๋ชิงเหยียนมองดูเปลวไฟของเทียนที่สะบัดไปมาในห้องโถงทำพิธี ดวงตามีแววอาฆาต นางมอบ
จวินกงให้เหลียงอ๋องได้ ทว่า ชีวิตของเขาคงต้องจบลงที่หนานเจียง
แต่หากปล่อยให้เหลียงอ๋องอยู่ที่เมืองหลวง ไป๋ชิงเหยียนก็คงจากไปอย่างไม่สบายใจ
เช่นนั้นนางต้องคิดวางแผนให้ดีว่าจะปล่อยให้เหลียงอ๋องอยู่ที่เมืองหลวงหรือพาเขาไปยังหนานเจียงด้วย
“แม้ฮ่องเต้จะทรงแต่งตั้งเจิ้นกั๋วกงเป็นเจิ้นกั๋วอ๋อง ทว่า เขาเสียชีวิตไปแล้ว…จัดพิธีศพอย่างเรียบง่ายเถิด!” องค์หญิงใหญ่ถือราชโองการอยู่ในมือ มองไปทางโลงศพที่วางอยู่เต็มลานหญ้า หลับตาลง น้ำตาไหลพราก “ให้วีรบุรุษของจวนเจิ้นกั๋วกงได้ฝังร่างโดยเร็วเพื่อความสงบเถิด!”
องค์หญิงใหญ่เดินไปหยุดอยู่หน้าโถงทำพิธีพลางมองไปยังป้ายวิญญาณของเจิ้นกั๋วกง ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
หากนางลอบส่งองครักษ์ลับตามไปคุ้มครองตอนสามีไปออกรบ ไม่แน่อาจจะช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอดกลับมาได้ อย่างน้อยสักคนก็ยังดี!
“ปู้อวี๋ ฝ่าบาททรงยังมิลืมความดีของท่าน! ชาวบ้านยังสำนึกในบุญคุณของท่านอยู่! ท่านหลับให้สบายเถิด ข้าจะดูแลคุ้มครองตระกูลไป๋แทนท่านเอง คุ้มครอง…คุ้มครอง…”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ องค์หญิงใหญ่สีหน้าซีดเซียวเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ นางเซถลาไปทางด้านหลัง
“ท่านแม่!”
“ท่านย่า!”
“องค์หญิงใหญ่!”
“เร็ว รีบไปตามหมอหลวงมา!”
องค์หญิงใหญ่เป็นลมหมดสติตรงหน้าโถงทำพิธีทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น ชาวบ้านที่มาไว้อาลัยหน้าจวนเจิ้นกั๋วกงใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
จวนเจิ้นกั๋วกงจะสูญเสียผู้ใดไปไม่ได้อีกแล้ว
ฉินหล่างเฝ้าวิญญาณอยู่เพียงผู้เดียว ชายหนุ่มกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เขาเป็นห่วงจงหย่งโหวฉินเต๋อเจาผู้เป็นบิดาและเป็นห่วงองค์หญิงใหญ่ สีหน้าของชายหนุ่มย่ำแย่มาก
คนรายล้อมอยู่ที่เรือนฉางโซ่วอย่างแน่นหนา
จนเมื่อท่านหมอหลวงและท่านหมอหงวินิจฉัยอาการอย่างละเอียดแล้วรายงานว่าองค์หญิงใหญ่แค่กังวลมากเกินไปจึงพักผ่อนไม่เพียงพอ คนทั้งห้องจึงวางใจลง
“ฮูหยินซื่อจื่อมิต้องกังวลขอรับ ข้าจะจ่ายยาให้ ให้องค์หญิงให้พักผ่อนอย่างสงบก็พอแล้วขอรับ” หมอหลวงกล่าวกับต่งซื่ออย่างนอบน้อม
“ขอบพระคุณท่านหมอหลวงมากเจ้าค่ะ!” ต่งซื่อพยักหน้าตาแดงก่ำ
“ในเมื่อท่านแม่มิเป็นอันใดมากแล้ว ก็ให้พวกเด็กๆ ไปเฝ้าวิญญาณที่ด้านหน้าต่อเถิดเจ้าค่ะ! ตอนนี้ลูกเขยรองอยู่ที่นั่นคนเดียวไม่เหมาะสมสักเท่าใด…” ฮูหยินสามหลี่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่บริเวณหางตา ปรึกษากับต่งซื่อ
“ฉินหมัวมัว ไปบอกกับพวกเด็กๆ ทีว่าท่านแม่มิเป็นอันใดมาก ให้พวกนางกลับไปที่เรือนหน้าเถิด ไม่ต้องมาเฝ้าอยู่ที่นี่หรอก” ต่งซื่อกล่าวกับฉินหมัวมัว
ฉินหมัวมัวรับคำแล้วเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องทำความอุ่นที่อยู่ข้างๆ รายงานถ้อยคำของหมอหลวงให้คุณหนูทุกคนฟัง
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ได้ รบกวนฉินหมัวมัวบอกท่านแม่ด้วยว่าที่โถงพิธีมีพวกข้าพี่น้องคอยเฝ้าอยู่ ท่านแม่และท่านอาสะใภ้ดูแลท่านย่าอย่างสบายใจเถิด ตอนนี้ท่านย่าคือเสาหลักของจวนเจิ้นกั๋วกง ท่านจะเป็นอันใดไปมิได้เด็ดขาด!”
ไป๋ชิงเหยียนจับมือของชุนเถาลุกขึ้นยืน มองดูสีหน้าขาวซีดราวกับหนาวจนแข็งซึ่งยังไม่คลายกังวลของน้องสาวคนเล็กทั้งสามคนพลางเอ่ยขึ้น “เสี่ยวอู่ เสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชี พวกเจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่สักหนึ่งชั่วยาม ให้บ่าวอุ่นนมแพะและอาหารว่างมาให้พวกนางรองท้องด้วย ร่างกายกำลังเจริญเติบโต ห้ามทนหิวเป็นอันขาด!”
ฉินหมัวมัวที่กำลังใช้ผ้าซับน้ำตาพยักหน้ารัว “เจ้าค่ะ คุณหนูใจวางใจได้เจ้าค่ะ”
เดินออกมาจากเรือนฉางโซ่ว ไป๋จิ่นซิ่วซึ่งเดินอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วพลางกล่าวขึ้น “พี่หญิงใหญ่เจ้าคะ พระราชโองการลงโทษซิ่นอ๋องไม่เหมือนกับที่พี่หญิงใหญ่กล่าวไว้เลยเจ้าค่ะ ข้าลองไตร่ตรองดูแล้ว รู้สึกว่าฮ่องเต้อาจมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง ทว่าข้าคิดไม่ออกว่าคือจุดประสงค์ใดเจ้าค่ะ…”
“บัดนี้หนานเจียงพ่ายแพ้ย่อยยับ แม้ฮ่องเต้จะส่งคนไปเจรจาสงบศึกแล้ว ทว่าเมื่อวานก่อนปิดประตูวังทรงเรียกเสนาบดีกรมการคลังไปเข้าเฝ้า น่าจะลอบเตรียมการออกรบ”
ไป๋จิ่นซิ่วเบิกตาโพลง “หรือว่า…”
หญิงสาวพยักหน้า “พี่ทูลฮ่องเต้ที่หน้าท้องพระโรงในวันนั้นว่ายินดีเดินทางไปยังหนานเจียง ยกจวินกงให้โอรสของฮ่องเต้…”
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นซิ่วเครียดขึ้นมาในทันที จับมือของไป๋ชิงเหยียนแน่น
“เหตุใดกันเจ้าคะ!” คุณหนูสี่ไป๋จิ่นจื้อควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ถลาไปตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนพลางตวาดออกมา “เหตุใดพี่หญิงใหญ่ต้องยกจวินกงให้โอรสด้วยเจ้าคะ!”
“เจ้าเอะอะโวยวายอันใด!” ไป๋จิ่นถงกระชากตัวไป๋จิ่นจื้อ “ลดเสียงลงหน่อย!”
ไป๋จิ่นถงรู้ดีว่าพี่หญิงใหญ่ต้องเดินทางไปที่หนานเจียงให้ได้ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม
ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก ลูบมือของไป๋จิ่นซิ่ว “ตอนนี้พี่ไม่มีวิทยายุทธ์ใดๆ ต่อให้ไปก็เป็นได้แค่
กุนซือช่วยวางแผนเท่านั้น อย่ากลัว ครั้งนี้ฮ่องเต้ทรงลงโทษซิ่นอ๋องก็เพราะทรงต้องการผูกมิตรกับตระกูลไป๋”
ที่ฮ่องเต้ส่งซิ่นอ๋องไปควบคุมกองทัพก็เพราะทรงอยากให้โอรสของตัวเองได้จวินกงมิใช่หรือ การถอยของนาง ถอยไปโดนจุดที่ฮ่องเต้ทรงต้องการพอดี ฮ่องเต้ไม่มีทางไม่ตกลง
“แต่ถือดีอย่างไรกันเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นจื้อกัดปากของตัวเองแน่น ดวงตาแดงก่ำ “ร่างกายของพี่หญิงใหญ่ไม่แข็งแรง พยายามจนได้จวินกงมา เหตุใดต้องยกให้โอรสของฮ่องเต้ที่ไม่เอาไหนนั่นด้วยเจ้าคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูท่าทีเกรี้ยวกราดของไป๋จิ่นจื้อ ใจยังสงบอยู่
เบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้ นางกล่าวข้ออ้างอย่างสง่าผ่าเผยว่านางต้องการไปปกป้องแผ่นดินที่ตระกูลไป๋สละชีพปกป้องไว้ ดังนั้นนางไม่อยากได้จวินกงและยินดียกมันให้แก่โอรสของฮ่องเต้
ทว่า ความจริงแล้ว นางไปหนานเจียงเพราะต้องการไปจัดการดูแลรากฐานของตระกูลไป๋ ไปบอกกองทัพไป๋ ไปบอกทหารแคว้นต้าจิ้นว่าไม่ว่าเมื่อใด ตระกูลไป๋ก็พร้อมร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกับพวกเขา
“เมื่อเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่พี่กลับมาจากหนานเจียง พี่จะใช้จวินกงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับฮ่องเต้ ให้พี่หญิงรองของเจ้ากลายเป็นฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสูงสุดคนแรกของเมืองหลวง ฮ่องเต้ต้องทรงรับปากอย่างแน่นอน เช่นนี้พวกเราก็ไม่เสียเปรียบแล้ว!”
“พี่หญิงใหญ่?!” ไป๋จิ่นซิ่วตะลึง
คิ้วที่ขมวดแน่นของไป๋จิ่นจื้อจึงค่อยๆ คลายออก สีหน้าตกตะลึง
พี่หญิงรองกลายเป็นฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสูงสุด เช่นนั้นฉินหล่าง…
ไป๋จิ่นถงเป็นคนหัวไวอยู่แล้ว นางเอ่ยถามพี่หญิงใหญ่เสียงเบา “พี่หญิงใหญ่หมายความว่าต้องการช่วยให้พี่เขยได้ตำแหน่งจงหย่งโหวมาครอบครองหรือเจ้าคะ”
“ฉินเต๋อเจากล้าเล่นตุกติกกับเสบียงอาหารที่จะส่งไปยังหนานเจียง ผู้ใดจะเชื่อว่าเขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับหลิวฮ่วนจางผู้ทรยศนั่นเล่า เพราะหลิวฮ่วนจางใช้เรื่องเสบียงเป็นข้ออ้างทำให้ท่านพ่อของพี่ต้องติดอยู่ในเมืองเฟิ่ง ในบันทึกสถานการณ์รบเขียนไว้ว่าหลินฮ่วนจางบอกกับขุนนางผู้ดูแลคลังเสบียงว่าเสบียงส่งไปถึงค่ายใหญ่แล้ว หากแก้ตัวว่าพวกเขามิได้สมคบคิดกัน ผู้ใดจะเชื่อ”
“นั่นสินะเจ้าคะ” ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อเป็นประกาย “หลิวฮ่วนจางจะรู้ว่าเสบียงมีปัญหาได้อย่างไร มีเพียงหลิวฮ่วนจางสมคบคิดกับฉินเต๋อเจา รู้แผนการล่วงหน้าแล้วเท่านั้น”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นจื้อยิ้มๆ “เจ้าดูสิ ขนาดเสี่ยวซื่อยังเข้าใจเลย ผู้อื่นจะคิดไม่ได้หรือ”
“ทว่า หากเรื่องนี้คือเรื่องจริง จะเดือดร้อนมาถึงพี่หญิงรองหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อถามต่อ
“แม้ฉินเต๋อเจาจะไม่ใช่คนฉลาดเท่าใดนัก แต่เขาก็ไม่ได้โง่จนไร้ทางเยียวยา เขาไม่มีทางลากจวนจงหย่งโหวมาเดือดร้อนด้วยหรอก!”
“คุณหนูใหญ่ เตรียมรถม้าเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ!” ถงหมัวมัวถือชุดคลุมสีดำอยู่ในมือ ก้าวเข้าไปย่อกายทำความเคารพ
“พี่หญิงใหญ่จะออกข้างนอกหรือเจ้าคะ ไปที่ใดเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วถาม