ตอนที่ 143 ทั่วหล้าสรรเสริญ
เถียนเหวยจวินเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเหลียงอ๋อง เขารับจดหมายมาแล้วยัดใส่ไว้ในอก ไม่กล้ารอช้ารีบเดินจากไปในทันที
เถียนเหวยจวินเดินออกทางประตูข้างของจวนจากนั้นกระโดดขึ้นไปบนหลังม้า ควบม้าจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ยินเสียงผิวปากที่ดังมาจากทางด้านหลังแม้แต่น้อย
องครักษ์ของจวนเจิ้นกั๋วกงที่เฝ้าอยู่ตามประตูทางออกของจวนเหลียงอ๋องได้ยินเสียงผิวปากส่งสัญญาณของเซียวรั่วไห่จึงรีบไปตามเสียงสัญญาณทันที ต่างควบม้าตามหลังม้าตัวนั้นไปอย่างรวดเร็ว
น่าเสียดายที่เถียนเหวยจวินเอาแต่สนใจทางด้านหน้าจนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีองครักษ์ฝีมือดีลอบสะกดรอยตามหลังเขาไป
เถียนเหวยจวินมุ่งหน้าไปยังร้านขายกระดาษที่ใช้สำหรับพิธีศพในซอยทางทิศเหนือซึ่งเป็นสถานที่ลับตาคน เขาลงมาจากหลังม้า
เซียวรั่วไห่ยกมือให้สัญญาณว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่เถียนเหวยจวินยกมือขึ้นเคาะประตู องครักษ์ยอดฝีมือต่างกระจายตัวไปห้อมล้อมร้านค้าเอาไว้อย่างเงียบเชียบ
ร้านค้าไม่ใหญ่ อีกทั้งดูเก่าแก่และซอมซ่อมาก
เถียนเหวยจวินไม่มีเวลาผูกเชือกม้า เขารีบเคาะประตูอย่างร้อนใจ ดวงตาเฉียบคมราวกับเหยี่ยวของเซียวรั่วไห่จ้องไปยังเถียนเหวยจวินไม่วางตา เมื่อประตูถูกเปิดออก เซียวรั่วไห่ชูมือที่กำขึ้นสูงในทันที
องครักษ์สี่ห้าคนกระโดดลงมาจากหลังคา ใช้โซ่เหล็กรัดไปที่คอของเถียนเหวยจวินทันทีที่เขาเริ่มเอ่ยพูด องครักษ์อีกสองคนกระชากตัวเถียนเหวยจวินที่เตรียมจะเอ่ยพูดแล้วจับเป็นเขาไว้
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้แฝงไปด้วยกลิ่นอายของอันตราย ทันทีที่เกาเซิงซึ่งอยู่ในห้องได้ยินเสียงผิดปกติจากบนหลังคา ร่างกายของเขามีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที เขาถอยไปด้านหลังพลางชักดาบออกมาด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ
เมื่อเห็นว่าเถียนเหวยจวินถูกจับกุมตัว เกาเซิงกระโจนออกมาจากในห้องทันที เขาพุ่งดาบไปยังร่างของเถียนเหวยจวินอย่างต้องการสังหารไม่ใช่ช่วยชีวิต
เกาเซิงลงมืออย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าใกล้องครักษ์ตระกูลไป๋ก็รู้สึกเหมือนมีเงาทะมึนของคนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนชักดาบกลับไม่ทัน ทว่า ดาบของเกาเซิงกลับแทงเข้าไปไม่ถึงหัวใจของเถียนเหวยจวิน
เกาเซิงนึกไม่ถึงเลยว่าดาบของเขาจะแทงเข้าไปในร่างของเถียนเหวยจวินได้เพียงไม่ถึงหนึ่งนิ้ว ก็ไม่สามารถแทงเข้าไปได้ลึกกว่านั้นอีกแล้ว เขาหันไปสบกับดวงตาที่สงบนิ่งของเซียวรั่วไห่ สัมผัสได้ถึงความคุกคามอย่างรุนแรงของเซียวรั่วไห่ในทันที เกาเซิงรีบเหาะตัวเข้าไปป้องกันประตูบานนั้นไว้ในทันที
ทั้งสองคนปะทะฝีมือกันในระยะประชิดตัว จากนั้นจบลงภายในชั่วพริบตา รวดเร็วจนกระทั่งองครักษ์ยอดฝีมือของตระกูลไป๋ยังมองเห็นเพียงลางๆ เท่านั้น การต่อสู้ของทั้งสองคนก็จบลงแล้ว
เกาเซิงมองดูเซียวรั่วไห่ที่ถือดาบสั้นและดาบยาวไว้ในมืออย่างละข้าง ในใจรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก คนๆ นี้ไม่เพียงต้านทานฝีมือดาบของเขาได้เท่านั้น ทว่า มือหนึ่งของเขาถือดาบสั้น อีกมือใช้ดาบยาวอีกด้วย!
หากเมื่อครู่เกาเซิงถอยหลังช้ากว่านั้นอีกนิดเดียว ดาบสั้นในมือของเซียวรั่วไห่ต้องปักโดนคอของเขาอย่างแน่นอน
ทว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาวัดฝีมือกัน เขามีภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ไม่รอให้เกาเซิงได้พักหายใจ เซียวรั่วไห่พุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง องครักษ์คนอื่นของตระกูลไป๋บุกเข้าไปในร้านขายกระดาษที่ใช้สำหรับพิธีไหว้ศพตั้งนานแล้ว
หลังจากเงาสะท้อนของดาบที่ปรากฏภายในห้อง เสียงร้องของหลิวฮ่วนจางดังตามมาด้วยความเจ็บปวด เกาเซิงหรี่ตาแต่กลับสลัดเซียวรั่วไห่ออกไปไม่ได้
องครักษ์ลงมือตามแผนการ เมื่อจับตัวหลิวฮ่วนจางได้ก็จะนำตัวเขาไปยังประตูอู่เต๋อ เกาเซิงที่อยู่หน้าประตูได้ยินเสียงจึงรีบพุ่งเข้าไปในห้อง เซียวรั่วไห่รีบตามเข้าไป
ภายในห้องยังคงมีเสียงต่อสู้ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน เถียนเหวยจวินได้สติขึ้นมาหลังจากตกใจที่เกาเซิงจะฆ่าเขา แต่ดิ้นรนอย่างไรก็สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมขององครักษ์ตระกูลไป๋ไม่ได้
“พวกเจ้าคือผู้ใด!” เลือดไหลทะลักออกมาจากอกของเถียนเหวยจวินไม่หยุด
องครักษ์คนหนึ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เถียนเหวยจวินเหมือนจะต้องการหยิบสิ่งใดออกมาจากหน้าอก มือใหญ่ของเขาล้วงเข้าไปในหน้าอกของเถียนเหวยจวิน จากนั้นหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเปิดอ่าน ดวงตาของเขาเบิกโพลง กระแทกปลายดาบไปที่ศีรษะของเถียนเหวยจวินด้วยความโมโหจนเขาสลบไป
“แม่งเอ้ย! สารเลวจริงๆ ! กล้าใส่ร้ายว่าจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกบฏ มองข้ามเหลียงอ๋องผู้ชั่วช้าคนนั้นเกินไปแล้ว!”
องครักษ์พับจดหมายเก็บไว้ในอก “พวกเราลงมือตามแผน พาตัวสุนัขรับใช้ตัวนี้ไปที่ประตูอู่เต๋อก่อน! เร็ว!”
เกาเซิงได้ยินว่าองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกจะพาตัวเถียนเหวยจวินไปที่ประตูอู่เต๋อ เขาเตรียมพุ่งตัวออกไป ทว่า เซียวรั่วไห่ตามติดเขาราวกับปลิง เจ้าเล่ห์และเกาะติดเขาราวกับดินโคลนที่สะบัดอย่างไรก็สะบัดไม่หลุด เกาเซิงนึกถึงหลิวฮ่วนจางที่ถูกจับตัวไปแล้ว สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้นในทันที หลิวฮ่วนจางผู้นี้…ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว!
ภายในห้องต่อสู้กันอย่างดุเดือด เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
เซียวรั่วไห่อดยอมรับไม่ได้ว่าเกาเซิงคือยอดฝีมือ องครักษ์ของจวนเจิ้นกั๋วกงที่เขาพามาล้วนเป็นยอดฝีมือ ทว่า ในสถานการณ์หนึ่งต่อสิบเช่นนี้ เกาเซิงกลับฆ่าองครักษ์ตายไปถึงสามคน แม้กระทั่งเซียวรั่วไห่เองยังได้รับบาดเจ็บ
กลิ่นคาวเลือดในห้องคลุ้งจนคนรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา
เกาเซิงแสร้งทำเป็นจะเข้าไปโจมตีเซียวรั่วไห่ ทว่า สุดท้ายเขาหมุนกาย ดาบยาวแทงเข้าไปในร่างของหลิวฮ่วนจางที่กำลังจะโดนองครักษ์กุมตัวไป ดาบแทงไปที่หน้าอกทะลุไปถึงแผ่นหลัง ไม่ออมมือใดๆ ทั้งสิ้น
เกาเซิงไม่อาจปล่อยให้จวนเจิ้นกั๋วกงจับตัวหลิวฮ่วนจางไปใช้ประโยชน์ได้ หากเรื่องที่หลิวฮ่วนจางร่วมมือกับเหลียงอ๋องถูกเปิดโปง โอรสที่ไม่เป็นที่โปรดปรานอย่างเหลียงอ๋องคงต้องตายอย่างน่าอนาถแน่นอน
ทว่า การทำเช่นนี้ แผ่นหลังของเกาเซิงจึงตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของเซียวรั่วไห่อย่างถนัด เซียวรั่วไห่เอียงดาบยาวแทงทะลุเข้าไปในชุดเกราะของเกาเซิงอยู่หลายทีเพื่อต้องการทำให้เกาเซิงได้รับบาดเจ็บ
หลิวฮ่วนจางเบิกตาโพลง กระอักเลือดออกมา ก้มหน้ามองดูดาบยาวที่แทงทะลุร่างของตัวเอง หันกลับไปมองเกาเซิงที่ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหารอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา จากนั้นสิ้นลมหายใจลง
ดาบยาวของเซียวรั่วไห่แทงทะลุสะบักของเกาเซิง มีดสั้นจ่ออยู่ที่คอ บังคับให้เขานั่งคุกเข่าลง แต่ไม่ได้ลงมือสังหารเขา เซียวรั่วไห่นับถือฝีมือของเกาเซิง ชายหนุ่มหอบหายใจถี่พลางเอ่ยชวนเกาเซิงให้มาเป็นพวกของไป๋ชิงเหยียน “เจ้าฝีมือดี เหตุใดต้องลำบากรับใช้คนชั่วอย่างเหลียงอ๋องด้วย เจ้ายอมจำนนหันมาเข้าร่วม…”
เซียวรั่วไห่ยังกล่าวไม่ทันจบ เกาเซิงก็ยืดคอเข้าไปชิดมีดสั้น สื่ออย่างชัดเจนว่ายอมตาย เซียวรั่วไห่ที่รู้สึกเสียดายรีบขยับมีดหนีด้วยความตกใจ เกาเซิงอาศัยจังหวะนั้นชักดาบออกมาจากร่างของหลิวฮ่วนจาง กระโจนออกไปทางหน้าต่าง ตามไปสังหารเถียนเหวยจวินทันที
เซียวรั่วไห่สบถออกมาคำหนึ่ง รีบตามออกไป จากนั้นเข้าไปต่อสู้กับเกาเซิงที่เลือดไหลไม่หยุด
ภายในวังหลวง ฮ่องเต้ฟังเสียงร้องไห้ตัดพ้อขององค์หญิงใหญ่ สายพระเนตรละจากจดหมายที่อยู่ในมือมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่นั่งนิ่งๆ อยู่ข้างกายขององค์หญิงใหญ่
องค์หญิงใหญ่ร้องไห้อย่างหนัก กล่าวด้วยน้ำตาที่ไหลริน “ร่างของวีรบุรุษตระกูลไป๋เพิ่งถูกฝัง
เหลียงอ๋องกล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้เพื่อใส่ร้ายตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋สละชีพเพื่อบ้านเมือง เป็นเจิ้นกั๋วอ๋อง เจิ้นกั๋วกงที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เองนะเพคะ การกระทำใส่ร้ายป้ายสีกันเช่นนี้ ทำไปเพราะต้องการทำให้คนที่ตายไปแล้วต้องแปดเปื้อนหรือต้องการสื่อว่าฝ่าบาทหลงผิดเป็นถูก แต่งตั้งคนทรยศเป็นอ๋องกันแน่เพคะ!”
ฮ่องเต้ละสายพระเนตรจากไป๋ชิงเหยียน มองไปทางองค์หญิงใหญ่…
ต้องยอมรับว่าถ้อยคำประโยคสุดท้ายขององค์หญิงใหญ่กล่าวจี้จุดในพระทัยของฮ่องเต้
เขาลงโทษซิ่นอ๋อง แต่งตั้งไป๋เวยถิงเป็นเจิ้นกั๋วอ๋อง ได้รับคำสรรเสริญจากใต้หล้า
หากจดหมายเหล่านี้ถูกนำไปวางไว้ในห้องหนังสือของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงจริงๆ คนทั่วหล้าจะมองเขาเช่นไร
ถูกตระกูลไป๋หลอกปั่นหัวจนลงโทษโอรสที่เกิดจากฮองเฮา สรุปแล้วขุนนางผู้จงรักภักดีกลับกลายเป็นคนบาปที่ทรยศแผ่นดิน