สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 773 โจมตีเมือง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 773 โจมตีเมือง

หมอขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า “ข้าเปิดอ่านตำราหลายเล่ม พบเพียงวิธีรักษากาฬโรค[1] เมื่อหลายร้อยปีก่อนเท่านั้น ที่สำคัญวิธีการรักษานั้นใช้กับตอนนี้ไม่ได้ผลแล้ว ต้าเหลียงไม่เคยมีคนป่วยเป็นโรคนี้มาเป็นร้อยปีแล้ว หากหาทางนำวิธีการรักษาโรคระบาดที่เมืองเจียวโจวมาได้ ข้าอาจค้นคว้าจากวิธีการรักษานั้นได้…”

จ้าวเซิ่งขบกรามแน่น จากนั้นกล่าวปลอบหมอที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “องค์ชายสามส่งคนไปหาวิธีการรักษาจากต้าจิ้นแล้ว อีกไม่นานก็คงส่งกลับมา!”

“เมื่อพบวิธีรักษาแล้ว เรายังต้องขอให้ราชสำนักส่งยาที่เพียงพอมาให้พวกเราโดยเร็วที่สุดด้วย” หมอกล่าว

“แน่นอนอยู่แล้ว ราชสำนักมีองค์ชายสามที่มีเมตตาอยู่ พระองค์ต้องทรงหาทางส่งยามาให้พวกเราแน่…”

สิ้นเสียงของจ้าวเซิ่ง จู่ๆ เสียงแตรจากทางประตูทิศใต้ก็ดังขึ้น

ทหารส่งสารคนหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นพลางกำหมัดคารวะ “ท่านแม่ทัพ กองทัพต้าจิ้นบุกมาขอรับ!”

จ้าวเซิ่งตกตะลึง ช่วงบ่ายของวันนี้กองทัพต้าจิ้นถอยทัพออกไปจากด่านชิงซีซานแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงบุกกลับมาอีก

จ้าวเซิ่งสาวเท้ายาวไปกลางสายฝน จากนั้นกระชากคอเสื้อของทหารส่งสารขึ้นมา “สายลับที่ส่งไปสืบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วอยู่ที่ใดแล้วกลับมาแล้วหรือไม่”

“เรียนท่านแม่ทัพ ยังไม่กลับมาขอรับ”

จ้าวเซิ่งขบกรามแน่น เขาผลักทหารส่งสารออก เดินออกไปจากเรือน จากนั้นก้าวขึ้นบนหลังม้ามุ่งหน้าไปยังประตูทิศใต้อย่างรวดเร็ว

ม้าศึกของจ้าวเซิ่งควบผ่านทหารในชุดเกราะที่ยืนรวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงไปหยุดอยู่ด้านล่างกำแพงเมือง ม้ายังไม่ทันหยุดสนิท จ้าวเซิ่งก็กระโดดลงมาจากหลังม้าเสียก่อน เขาโยนแส้ม้าสีดำส่งให้ทหารที่ยืนอยู่ด้านล่างกำแพง จากนั้นเดินขึ้นไปด้านบนอย่างรีบร้อน

“พลธนูเตรียมพร้อม ยิงได้!”

ลูกธนูมากมายพุ่งผ่านอากาศตรงไปยังกองทัพต้าจิ้น ทว่า กลับหล่นลงบนโล่ของกองทัพต้าจิ้นเกือบทั้งหมด ลูกธนูส่วนหนึ่งตกลงบนพื้นเพราะแรงกระทบของฝนก่อนที่จะลอยไปถึงกองทัพต้าจิ้นด้วยซ้ำ

“ท่านแม่ทัพ!”

“ท่านแม่ทัพ!”

เสียงร้องเรียก “แม่ทัพ!” ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจากบันไดที่อยู่ด้านนอกเมือง รองแม่ทัพของจ้าวเซิ่งวิ่งถือดาบเข้ามาหาจ้าวเซิ่ง “ท่านแม่ทัพ กองทัพต้าจิ้นลอบมาบุกโจมตีพวกเราแล้วขอรับ ดูนั่นขอรับ!”

จ้าวเซิ่งกำขอบกำแพงเมืองแน่นพลางมองไปยังเบื้องหน้าที่ห่างออกไป

เขามองเห็นกลุ่มเงาดำทอดยาวราวกับมังกรภายใต้ก้อนเมฆทึบ พลทหารโล่ซึ่งอยู่ด้านหน้าสุด ตามด้วยพลทหารหอกที่อยู่ถัดมาทยอยเดินเรียงรายตามลำดับกันเข้ามาท่ามกลางความมืดมิดและสายฝนที่ตกกระหน่ำ เนื่องจากฝนตกหนักกองทัพต้าจิ้นจึงไม่ได้จุดคบเพลิง เสียงของรองเท้าสีดำหุ้มส้นที่ควรจะได้ยินกึกก้องไปทั่วทั้งภูเขากลับถูกกลบด้วยเสียงสายฝนและสายฟ้า ตอนที่ทหารต้าเหลียงสังเกตเห็น กองทัพต้าจิ้นใกล้บุกมาถึงเมืองแล้ว

“พลธนูเตรียมพร้อม!” จ้าวเซิ่งพยายามรวบรวมสติอย่างเต็มที่ “ตีกลองศึก!”

ภายในด่านชิงซีซาน ไป๋จิ่นจื้อที่นั่งกุมบังเหียนม้าแน่นอยู่บนหลังของม้าผิงอันพลางมองไปยังค่ายทหารต้าเหลียงที่จุดไฟสว่างด้วยแววตาวาวโรจน์ ด้านหลังของสาวน้อยคือบรรดาทหารในชุดเกราะที่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝน พวกเขาใช้ผ้าเช็ดหน้าที่แช่ด้วยยารักษาโรคระบาดปิดใบหน้าเอาไว้ ทุกคนกำดาบที่เอวของตัวเองแน่น รอฟังคำสั่งเพื่อบุกเข้าไปโจมตีด้านในจากไป๋จิ่นจื้อ

ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ หลินคังเล่อใช้มือปาดน้ำฝนที่ตกลงมากระทบใบหน้าออก ม้าศึกของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่ง ย่ำเท้าไปมาราวกับอยากจะบุกเข้าไปต่อสู้แล้ว

ไป๋จิ้นจื้อกวาดสายตามองไปยังภูเขาบริเวณรอบๆ นางจะจำเอาไว้ เมื่อต้าจิ้นยึดครองด่านชิงซีซานได้ทั้งหมดเมื่อใด นางจะบอกให้พี่หญิงใหญ่ซ่อมแซมด่านชิงซีซานนี้ให้กลายเป็นเมืองทั้งหมด มิเช่นนั้นหากแม่ทัพของแคว้นศัตรูบุกอ้อมมาด้านหลังอย่างเช่นนางแล้วต้าจิ้นไม่รู้ตัวเหมือนดั่งตอนนี้ ต้าจิ้นคงโดนแทงเข้าที่กลางอกเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้นเสียงกลองศึกของกองทัพต้าเหลียงดังขึ้นจากที่ไกลๆ ไป๋จิ่นจื้อปักหอกเงินหงอิงของตัวเองลงบนดินบริเวณปลายเท้าอย่างแรง ดวงตาของสาวน้อยราวกับเสือที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการหลับใหล สาวน้อยหยิบผ้าคลุมหน้าที่ชุบยารักษาโรคระบาดออกมาจากอกแล้วสวมไว้ที่ใบหน้าให้เรียบร้อย จากนั้นชูหอกเงินหงอิงยาวขึ้นสูง ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “สยายธง! เป่าแตร! บุกเข้าไป…”

หลินคังเล่อที่สวมผ้าคลุมปิดจมูกไว้แล้วชักดาบออกมาเช่นเดียวกัน “บุก!”

“บุก!” พลทหารม้าในชุดเกราะต่างพากันชักดาบออกมา พลทหารสยายธงออก จากนั้นบุกตามหลังไป๋จิ่นจื้อไปยังค่ายทหารของต้าเหลียง!

พริบตาเดียวด่านชิงซีซานเต็มไปด้วยเสียงแตรศึกและเสียงโห่ร้องของเหล่าทหาร

เมื่อจ้าวเซิ่งที่ยืนเตรียมพร้อมอยู่บนกำแพงเมืองได้ยินเสียงแตรศึกที่ดังขึ้นเป็นพักๆ จึงขมวดคิ้วแน่น

เสียงแตรของกองทัพต้าจิ้น!

จ้าวเซิ่งที่ยืนอยู่บนกำแพงของด่านชิงซีซานหันหลังกลับมาทันที จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ที่กำแพงเมืองอีกด้าน ทว่า นอกจากแสงไฟในค่ายทหารของตัวเองแล้ว เขามองไม่สิ่งใดไม่เห็นอีกเลยกลางความมืดมิดเช่นนี้

จู่ๆ จ้าวเซิ่งก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันที เขาตะโกนเสียงดังลั่น “เกิดอันใดขึ้น!”

ทหารส่งสารขี่ม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาตะโกนเรียกแม่ทัพจากนั้นลงมาจากหลังม้าแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลงท่ามกลางสายฝน “ท่านแม่ทัพ ธงเฮยฟานไป๋หมั่งขอรับ! องค์หญิงเจิ้นกั๋วพาทหารบุกมาถึงด่านชิงซีซานแล้วขอรับ”

ใจของจ้าวเซิ่งกระตุกวูบ เขาเดินกลับไปมองกองทัพของหลิวหงที่กำลังเดินหน้ามาใกล้กำแพงเมืองเรื่อยๆ อีกครั้ง

ร่างของจ้าวเซิ่งเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน เกราะเหล็กที่เย็นเฉียบแนบสนิทไปกับผิวกายทำให้เขารู้สึกหนาวจนตัวสั่น

ฟ้ามืดเกินไปจ้าวเซิ่งจึงมองไม่เห็นว่าหลิวหงนำทัพทหารมากี่คนกันแน่ ทว่า ตอนนี้ยังมีกำแพงเมืองเป็นป้อมปราการกองทัพของหลิวหงอยู่ ทว่าด้านหลังไม่มีคนคอยต้านแม้แต่น้อย

สมองของจ้าวเซิ่งแข็งทื่อราวกับโดนแช่แข็ง เขากำหมัดแน่น มองไปทางรองแม่ทัพของตัวเอง จากนั้นเอื้อมมือไปจับบ่าของรองแม่ทัพ “เจ้าอยู่คุ้มกันเมืองทางนี้ให้ดี อย่าให้แม่ทัพหลิวหงบุกเข้ามาในเมืองจนล้อมพวกเราไว้ทั้งสองด้านได้เด็ดขาด ข้าจะไปสู้กับองค์หญิงเจิ้นกั๋วเอง!”

“ท่านแม่ทัพ!” รองแม่ทัพของจ้าวเซิ่งกระชากแขนจ้าวเซิ่งไว้ “ข้าจะไปสู้กับองค์หญิงเจิ้นกั๋วเองขอรับ!”

จ้าวเซิ่งบีบมือของรองแม่ทัพแน่น “ข้าฝากเจ้าดูแลกำแพงเมืองทางนี้ด้วย ขอเพียงเจ้าไม่ปล่อยให้พวกนั้นบุกเข้ามาได้ ข้าจะทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ได้กลับออกไปอีก!”

กล่าวจบจ้าวเซิ่งเดินลงไปจากกำแพงเมืองทันทีโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย เขากระชากบังเหียนม้าพลางกระโจนขึ้นไปบนหลังม้า จากนั้นกล่าวเสียงดังลั่น “ทหารของกองทัพจ้าวทุกคน! ด่านชิงซีซานคือด่านอันตรายด่านสุดท้ายของต้าเหลียง หากพวกเราคุ้มครองด่านนี้เอาไว้ไม่ได้ แคว้นต้าเหลียงจะตกอยู่ในอันตรายทันที พวกเราคือบุรุษเลือดร้อนของต้าเหลียง พวกเราจะคุ้มกันด่านชิงซีซานให้ได้แม้ตัวตาย!”

“คุ้มกันด่านชิงซีซานให้ได้แม้ตัวตาย!”

“คุ้มกันด่านชิงซีซานให้ได้แม้ตัวตาย!”

“คุ้มกันด่านชิงซีซานให้ได้แม้ตัวตาย!”

“จ้าวฉี หวังอวี่ นำทหารตามข้าไปเผชิญหน้ากับองค์หญิงเจิ้นกั๋วทางด้านหลัง พวกเราจะทำให้ต้าจิ้นรับรู้ว่าที่นี่คือแผ่นดินของต้าเหลียง! แผ่นดินของต้าเหลียงไม่ใช่ที่ที่ต้าจิ้นจะมารุกรานได้ง่ายๆ !” เมื่อจ้าวเซิ่งตะโกนจบก็ควบม้าทะยานออกไปเป็นคนแรก “บุก!”

เมื่อรองแม่ทัพของจ้าวเซิ่งเห็นจ้าวเซิ่งนำทหารจากไปแล้ว เขาจึงรีบหันไปมองทางทิศใต้ของกำแพงเมืองอย่างเตรียมรับมือกับการบุกของต้าจิ้นตลอดเวลา เขาขบกรามแน่น สายตามองไปทางรถธนูคันใหญ่ทั้งสามคัน จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “รถธนูทั้งสามคันเตรียมพร้อม!”

เมื่อแสงไฟบนกำแพงเมืองของด่านชิงซีซานเกิดการเปลี่ยนแปลง หลิวหงที่นั่งนิ่งอยู่บนรถม้าศึกจึงลุกขึ้นมา เขามองไปทางกำแพงเมืองของด่านชิงซีซานด้วยแววตาคมกริบ จ้าวเซิ่งคงพาทหารส่วนหนึ่งไปรับมือกับไป๋จิ่นจื้อที่สยายธงเฮยฟานไป๋หมั่งแล้ว หลิวหงตะโกนลั่น “ตีกลองศึก เตรียมโจมตีเมือง!”

ทหารส่งสารยี่สิบนายที่อยู่บนหลังม้าศึกกระจายกันออกไปส่งข่าวให้ทหารทุกคนรับทราบตรงกัน “บุกโจมตีเมือง!”

[1] กาฬโรค โรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท