ตอนที่ 906 น้ำตาอาบหน้า
ความเจ็บปวดแล่นแปลบเข้าสู่ร่างกายในทันที สมองของเฉวียนอวี๋เหลือเพียงความคิดเดียวเท่านั้น
เขาถูกยาพิษเข้าให้แล้ว…
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว…” เฉวียนอวี๋หน้าซีดเผือด เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน
เฉวียนอวี๋ไม่กล้าใช้สองมือแตะไปที่หัวเข่าของตัวเอง เศษกระเบื้องสีเขียวที่ปักอยู่ในหัวเข่าของเขาช่างบาดตายิ่งนัก
เมื่อเห็นเศษกระเบื้องบนหัวเข่าของเฉวียนอวี๋ เกาเต๋อเม่ารู้ได้ทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เขาตะโกนขึ้นอย่างตกใจ “กระเบื้องอาบยาพิษปักเข้าไปในหัวเข่าเขาแล้ว!”
เกาเต๋อเม่าคิดเช่นเดียวกับจักรพรรดิต้าจิ้นว่าเฉวียนอวี๋คือคนของไป๋ชิงเหยียน เมื่อครู่เฉวียนอวี๋กอดขาจักรพรรดิต้าจิ้นไว้สุดชีวิต อีกทั้งตะโกนให้ไป๋ชิงเหยียนรีบหนีไป เกาเต๋อเม่ายิ่งมั่นใจว่าเฉวียนอวี๋คือคนของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนผุดลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้าไปหาเฉวียนอวี๋ จากนั้นก้มลงสำรวจหัวเข่าของเขา
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว” น้ำตาของเฉวียนอวี๋ไหลพราก เมื่อเผชิญหน้ากับความตายขึ้นมาจริงๆ ทุกคนล้วนกลัวตาย เขายังไม่อยากตาย เขารีบเอ่ยขอร้องไป๋ชิงเหยียนทันทีอย่างไม่คิดราวกับไป๋ชิงเหยียนคือคนที่ทำได้ทุกอย่าง “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว บ่าวยังไม่อยากตายพ่ะย่ะค่ะ บ่าวไม่อยากตายพ่ะย่ะค่ะ!”
แววตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่งขรึม หญิงสาวปลดผ้ามัดผมของตัวเองลงมา ผมยาวสยายเต็มแผ่นหลัง หญิงสาวใช้ผ้ามัดผมมัดท่อนขาของเฉวียนอวี๋ไว้แน่น “เจ้าจะไม่ตาย!”
จักรพรรดิต้าจิ้นมองดูไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม โทสะของเขาเดือดดาลถึงขีดสุด เขากำแจกันที่เกือบถูกเกาเต๋อเม่าแย่งไปได้แน่นพลางจ้องไปที่ศีรษะของไป๋ชิงเหยียนเขม็ง ทันใดนั้นเขาก็ทุ่มแจกันดอกไม้ไปที่ศีรษะของหญิงสาว
“อาเป่า!” องค์หญิงใหญ่ผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ
ทว่า แจกันที่แตกร้าว เลือดที่อาบหน้าไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่ทุกคนคิดไว้
ไป๋ชิงเหยียนที่เมื่อครู่กำลังก้มหน้าพันแผลให้เฉวียนอวี๋อย่างตั้งใจรับแจกันดอกไม้นั้นไว้ได้อย่างแม่นยำจักรพรรดิต้าจิ้นพยายามแย่งมันกลับไป ทว่า แจกันนั้นอยู่ในมือของไป๋ชิงเหยียนแน่น
ใจขององค์หญิงใหญ่ค่อยๆ สงบลง นางทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม หากแจกันเมื่อครู่กระทบโดนศีรษะของไป๋ชิงเหยียน นางไม่อยากคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย
สองสายตาประสานกัน ดวงตาขุ่นมัวของจักรพรรดิต้าจิ้นสบกับดวงตาบริสุทธิ์แจ่มชัดของไป๋ชิงเหยียน
“เข้ามา!” ไป๋ชิงเหยียนตะโกน
สิ้นเสียงเสิ่นเทียนจือจึงพาคนเข้ามาด้านใน จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิต้าจิ้นเบิกตาโพลงมองไปทางเสิ่นเทียนจือราวกับอยากฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้นๆ สารเลวพวกนี้คือพวกเดียวกันทั้งหมด! พวกมันล้วนเป็นกบฏ พวกมันร่วมมือกันวางแผนทำลายเขา!
“รีบพาเฉวียนอวี๋กงกงไปหาหมอ บาดแผลของเขาถูกยาพิษ รักษาชีวิตของเขาไว้ให้ได้!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เสิ่นเทียนจือมองไปทางร่างที่ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าจนใบหน้าซีดเผือดและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเฉวียนอวี๋ จากนั้นพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ!”
เสิ่นเทียนจือหันไปสั่งให้ลูกน้องอุ้มตัวเฉวียนอวี๋ออกไปหาหมอ
เมื่อเฉวียนอวี๋เห็นว่าเสิ่นเทียนจือคือคนของไป๋ชิงเหยียนจึงวางใจลง ทว่า เขาอดเป็นห่วงรัชทายาทไม่ได้ เขาเตรียมเอ่ยปากขอร้องให้ไป๋ชิงเหยียนปล่อยรัชทายาทไป ทว่า ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด จักรพรรดิต้าจิ้นก็ตวาดออกมาเสียก่อน
“พวกกบฏสารเลว!” จักรพรรดิต้าจิ้นอยากกระชากแจกันฟาดไปที่เสิ่นเทียนจือ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกำแจกันไว้แน่นจนไม่ขยับเขยื้อน
“เจ้าไม่ใช่คนป่วยอ่อนแอจริงๆ ด้วย! เจ้าเคยเกือบตายหลายครั้งเพราะรับธนูแทนรัชทายาทที่ใดกัน ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของเจ้าทั้งสิ้น!” จักรพรรดิต้าจิ้นหัวเราะออกมาด้วยความโมโห กล่าวเสียงสูงจนเกาเต๋อเม่าที่ยืนอยู่ด้านข้างยังรู้สึกขนลุกซู่ “เจ้า องค์หญิงใหญ่และเสิ่นเทียนจือวางแผนกบฏกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่”
เสิ่นเทียนจือมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แววตาของหญิงสาวนิ่งขรึม เสิ่นเทียนจือมองไปทางจักรพรรดิต้าจิ้นที่ดวงตาแดงฉานอย่างคลุ้มคลั่ง ทว่า ถูกเกาเต๋อเม่ากอดขาห้ามปรามไว้แวบหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าไป๋ชิงเหยียนไม่มีอันตรายใดๆ เขาจึงถอยออกไปยืนอยู่นอกหอลั่วหงตามเดิม จากนั้นปิดประตูให้
ผมยาวดำขลับของไป๋ชิงเหยียนสยายกลางแผ่นหลัง หญิงสาวมองสบตาจักรพรรดิต้าจิ้นนิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใช่ ข้าอยากกบฏมานานแล้ว นับตั้งแต่ที่ท่านหลอกลวงท่านปู่ของข้า ทว่า ลับหลังกลับหวาดระแวงตระกูลไป๋ คิดอยากกำจัดตระกูลไป๋ทั้งตระกูลจนทำให้บุรุษตระกูลไป๋เกือบเสียชีวิตลงที่หนานเจียงทั้งหมด บีบบังคับจนสตรีที่เหลือของตระกูลไป๋เกือบไม่มีทางรอด ข้าก็เริ่มคิดกบฏแล้ว!”
“เกือบเสียชีวิตทั้งหมดอย่างนั้นหรือ” องค์หญิงใหญ่ได้สติ นางหยัดแผ่นหลังตรง เบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน นางรู้สึกราวกับว่าเลือดอุ่นในกายกำลังจะแข็งตัว “อาเป่า หรือว่ามีคนรอด…”
ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางจักรพรรดิต้าจิ้นที่หน้าเปลี่ยนสี หญิงสาวยกยิ้มมุมปาก จากนั้นกล่าวเสียงเย็น “บรรพบุรุษไป๋ปกป้องคุ้มครองพวกเรา อาเจวี๋ยและอาอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่เจ้าค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ได้ยินเช่นนี้จึงตะลึงงันไปชั่วขณะ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าผิดปากร้องไห้โฮออกมา น้ำตาอาบทั่วใบหน้า
อย่างน้อย…
อย่างน้อยก็มีคนรอดชีวิตสองคน!
องค์หญิงใหญ่ไม่เคยดีใจและรู้สึกผิดเช่นนี้มาก่อน พวกเขากตัญญูถึงเพียงนี้ ทว่า ย่าอย่างนางไม่เคยพยายามปกป้องพวกเขาจนถึงที่สุด หลานชายทั้งสิบเจ็ดคนของนางจึงจบชีวิตลงเช่นนี้…หลานชายสิบเจ็ดคนของนาง! พวกเขาเสียชีวิตลงที่หนานเจียงทั้งหมด!
องค์หญิงใหญ่ไม่รู้เลยว่าเมื่อนางตายไป นางจะมีหน้าไปพบหลานชายเหล่านั้นของนางได้อย่างไร
นางจะบอกพวกเขาได้อย่างไรว่าชีวิตนี้นางเห็นราชวงศ์หลินเป็นหลัก ชีวิตของพวกเขาสำคัญรองจากอำนาจของราชวงศ์หลินเสียอีก
“ข้าประกาศไปทั่วใต้หล้าแล้วว่าให้บุรุษตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ที่รอดชีวิตจากสงครามหนานเจียงกลับมาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของข้า! ดังนั้นข้าต้องได้นั่งบัลลังก์แห่งนั้น ข้าจะไม่มีวันยอมสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์หลิน ไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลไป๋มีจุดจบเช่นเดิมอีกแน่!”
กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนจึงแย่งแจกันดอกไม้ไปจากมือของจักรพรรดิต้าจิ้น จากนั้นวางแจกันลงบนแท่นสูงตามเดิม
แสงเทียนส่องกระทบใบหน้าที่ดุดันของไป๋ชิงเหยียน จักรพรรดิต้าจิ้นรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันที เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองย้อนกลับไปตอนที่ไป๋เวยถิงยังมีชีวิตอยู่อย่างทรงเกียรติ ตอนนั้นเขาเป็นเพียงองค์ชายที่ได้ขึ้นเป็นรัชทายาทเพียงเพราะคำกล่าวประโยคเดียวขององค์หญิงใหญ่ เขาหวาดกลัวเจิ้นกั๋วกงผู้รบไม่เคยพ่ายแพ้ผู้นั้นจากก้นบึ้งของใจ
บางทีอาจเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนผ่านสงครามมามากมาย มือของนางเปื้อนเลือดมานับไม่ถ้วน รอบกายเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและรังสิอำมหิตจึงทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวนาง
จักรพรรดิต้าจิ้นถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัว หากไม่ใช่เพราะเกาเต๋อเม่ากอดขาเขาอยู่ เขาคงถูกบารมีของไป๋ชิงเหยียนกดดันจนถอยหลังหนีไปอีกหลายก้าว
เขาคือจักรพรรดิแห่งต้าจิ้น เขาจะหวาดกลัวหญิงสาวตัวเล็กคนเดียวได้อย่างไรกัน!
“เจ้า…” จักรพรรดิต้าจิ้นชี้หน้าไป๋ชิงเหยียนอย่างโมโหจนหน้าเขียว
ไป๋ชิงเหยียนยังคงมีสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม หญิงสาวกล่าวเสียงเย็น “นับจากวันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีแคว้นต้าจิ้น ไม่มีจักรพรรดิต้าจิ้นอีก”
สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน จักรพรรดิต้าจิ้นได้ยินเสียงสู้รบดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ความพ่ายแพ้ การดับสูญของต้าจิ้นถูกกำหนดไว้แล้ว
“เรา..เราจะฆ่าเจ้า!” จักรพรรดิต้าจิ้นตะโกนลั่นด้วยความโมโห “ผู้ใดก็ได้เข้ามาสังหารนางให้เราที สังหารกบฏผู้นี้ให้เราที!”