ตอนที่ 936 น้อมส่งท่านย่า
ต่งซื่อซึ่งสวมชุดไว้ทุกข์เดินตามหลังขบวนไปพร้อมกับบรรดาสะใภ้คนอื่นอย่างช้าๆ ทั้งน้ำตา
ไม่ว่าอย่างไรองค์หญิงใหญ่ก็คือแม่สามีที่ดี เรื่องนี้ไม่มีข้อกังขาแต่อย่างใด
องค์หญิงใหญ่ไม่เคยเรียกบรรดาสะใภ้อย่างพวกนางไปปรนนิบัติข้างกายท่านตลอดเวลาเหมือนแม่สามีคนอื่น สามีของพวกนางทำสงครามอยู่นอกบ้านเกือบตลอดเวลา เมื่อกลับมาพ่อสามีของพวกนางมักจะยัดเยียดสตรีให้พวกเขา หวังให้พวกเขาใช้เวลาที่อยู่ในจวนผลิตทายาทให้ตระกูลไป๋ให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ วันหน้าต้าจิ้นจะได้มีแม่ทัพที่เก่งกาจเพิ่มขึ้น
ต่อมาองค์หญิงใหญ่เป็นคนห้ามปรามเรื่องนี้ พ่อสามีของนางจึงฉุกคิดได้และเรียกสะใภ้อย่างพวกนางไปขอโทษ เขายอมรับผิดว่าตัวเองคิดไม่รอบคอบจนทำร้ายจิตใจของพวกนาง บรรดาลูกชายต่างก็ไม่พอใจในตัวเขา
เขาเอาแต่คิดอยากปูทางเพื่อการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งในวันข้างหน้า ตระกูลสูงศักดิ์ไม่ยอมส่งทายาทของตัวเองไปออกรบ ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ก็เช่นเดียวกัน พ่อสามีของนางจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตระกูลของตัวเอง
เขาคือบุรุษจึงไม่ค่อยเข้าใจสตรีสักเท่าใดนัก เขาคิดเพียงว่าขอเพียงไม่ให้ลูกได้พบหน้าแม่ที่เป็นอนุของตัวเอง อนุอยู่แต่ในเรือนเล็กของตัวเองห้ามออกมาเพ่นพ่านด้านนอก แค่นี้บรรดาลูกสะใภ้ก็คงไม่เสียใจแล้ว ทว่า เขาลืมนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ลืมนึกไปว่าภรรยาล้วนไม่อยากแบ่งสามีของตัวเองให้สตรีนางอื่นอยู่แล้ว
ต่อมาพ่อสามีของนางจึงไม่ได้ยัดเยียดอนุให้สามีของนางอีก
เมื่อครอบครัวฝ่ายมารดาของบรรดาสะใภ้ตระกูลไป๋ทราบเรื่องต่างก็ชื่นชมองค์หญิงใหญ่ว่าเป็นแม่สามีที่ดี
ต่งซื่อไม่กล้ากล่าวว่าองค์หญิงใหญ่เห็นพวกนางเป็นดั่งบุตรสาวแท้ๆ ทว่า องค์หญิงใหญ่ไม่เคยทำให้พวกนางลำบากใจแน่นอน
ครรภ์แรกของนางคืออาเป่า แม่นมของต่งซื่อหวั่นวิตกกลัวว่าจวนเจิ้นกั๋วกงจะรังเกียจที่ต่งซื่อคลอดบุตรสาวออกมา ทว่า องค์หญิงใหญ่และเจิ้นกั๋วอ๋องเป็นคนตั้งชื่อให้อาเป่าของนางด้วยตัวเอง ให้อาเป่าได้ใช้นามที่มีคำว่า ‘ชิง’ เช่นเดียวกับหลานชายคนอื่นในตระกูลไป๋ จวนเจิ้นกั๋วกงจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองถึงสามวัน พวกเขารักและเอ็นดูอาเป่ามาก แม้แต่อาลั่วและอาฉยงที่เกิดตามหลังอาเป่ายังแย่งชิงความโปรดปรานไปจากอาเป่าไม่ได้เลย
ดังนั้นทุกคนในเมืองหลวงจึงรู้ดีว่าหลานสาวคนโตของจวนเจิ้นกั๋วกงคือหลานรักที่แท้จริงที่ถูกเจิ้นกั๋วอ๋องและองค์หญิงใหญ่ทะนุถนอมและเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี
ในเมืองหลวงแห่งนี้ แม่สามีและพ่อสามีตระกูลใดจะไม่ดูถูกสตรีได้เหมือนที่องค์หญิงใหญ่และเจิ้นกั๋วอ๋องทำกัน
แม้ว่าสุดท้ายแล้วแม่สามีของนางผู้นี้จะจากไปในเวลาที่ไม่เหมาะสมเท่าใด ทว่า ต่งซื่อยังรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณขององค์หญิงใหญ่มากกว่า
เมื่อคืนฝนตกปรอยๆ ถนนสายยาวยังไม่แห้งสนิท อากาศยังคงอับชื้นเล็กน้อย
กระเบื้องบนหลังคาของตึกสองข้างทางถูกน้ำฝนชะล้างจนมันวาว โคมไฟแดงที่ไฟยังไม่ดับมอดสนิทที่แขวนอยู่ใต้ชายคาบ้านเรือนสะบัดไปมาเล็กน้อยตามแรงลม
กระดาษเงินลอยอยู่เต็มท้องฟ้า เมื่อร่วงสู่พื้นกลับเปื้อนไปด้วยดินโคลนจนมองไม่ออกว่าคือกระดาษเงิน
ไป๋ชิงเจวี๋ยซึ่งสวมชุดไว้ทุกข์สีขาวถือป้ายวิญญาณขององค์หญิงใหญ่เดินอยู่หน้าสุดของขบวนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ดวงตาแดงฉาน
บรรดาบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของจวนไป๋เดินประคองกันร้องไห้ตามหลังโลงศพไม้หนานมู่สีทอง โดยเฉพาะฟางซื่อที่แทบจะทิ้งน้ำหนักตัวไปยังร่างของผูหลิ่วทั้งหมด นางร้องไห้อย่างปวดใจยิ่งกว่าบรรดาฮูหยินตระกูลไป๋ราวกับใจของนางถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ผูหลิ่วได้ยินชาวบ้านส่งเสียงคาดเดาฐานะของฟางซื่อ ทว่า นางไม่ได้เอ่ยปากเกลี้ยกล่อมฟางซื่ออีก
เมื่อคืนทั้งไป๋ฉีเหและผูหลิ่วต่างเกลี้ยกล่อมฟางซื่อแล้วว่านางเคยพบหน้าองค์หญิงใหญ่แค่เพียงไม่กี่ครั้ง นางไม่ได้ผูกพันกับองค์หญิงใหญ่ถึงเพียงนั้น ทว่า กลับแสดงท่าทีเสียใจราวกับมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ออกมาเช่นนี้มันดูเสแสร้งเกินไป
ฟางซื่อไม่รับฟังคำเตือนของนาง ผูหลิ่วจึงไม่กล่าวสิ่งใดอีก
บัดนี้ไป๋ชิงอวี๋สวมหน้ากากยืนอยู่ที่ศาลาเจ๋อหลิ่วนอกเมืองหลวง เขายืนรออยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้ว เครื่องแต่งกายสีดำและผมดำที่รวบสูงของเขามีไอน้ำเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง
“นายท่าน มาแล้วขอรับ…” หวังต่งที่ขาพิการในชุดสีขาวรีบวิ่งเข้าไปในศาลาเจ๋อหลิ่ว จากนั้นกล่าวรายงานไป๋ชิงอวี๋ “มาแล้วขอรับ!”
ไม่นานไป๋ชิงอวี๋ก็เห็นขบวนส่งศพขององค์หญิงใหญ่ที่ยาวราวกับมังกรเดินออกมาจากเมืองหลวง เขาเห็นบ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋ เห็นไป๋ชิงเจวี๋ยซึ่งถือป้ายวิญญาณท่านย่าเดินอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน มองเห็นโลงศพของท่านย่า มองเห็นท่านแม่ที่เดินประคองท่านอาสะใภ้รองออกมา มองเห็นบรรดาท่านอาสะใภ้ที่เดินออกมาทั้งน้ำตา…
ไป๋ชิงเจวี๋ยสวมชุดไว้ทุกข์ซ่อนไว้ในเสื้อคลุมกันลม ชายหนุ่มคุกเข่าไปทางขบวนส่งศพ จากนั้นก้มศีรษะคำนับแนบพื้น
บัดนี้เขายังไม่อาจกลับบ้านในฐานะไป๋ชิงเจวี๋ยได้ เขาต้องควบคุมหรงตี๋ให้อยู่ในกำมือให้ได้อย่างมั่นคง ให้หรงตี๋กลายเป็นสนามเลี้ยงม้าของต้าโจว!
ดังนั้นเขาจึงได้แต่อกตัญญู น้อมส่งท่านย่าของเขาได้เพียงแค่ตรงนี้!
ไป๋ชิงเจวี๋ยเงยหน้ามองตามขบวนส่งศพ จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “ท่านย่า ท่านแม่ คุณชายห้าแห่งตระกูลไป๋ไป๋ชิงเจวี๋ยกลับมาแล้วขอรับ! อาเจวี๋ยติดค้างคำว่ากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยกับพวกท่าน เมื่อต้าโจวรวบรวมใต้หล้าได้เป็นหนึ่งเมื่อใด อาอวี๋จะกลับไปบอกพวกท่านด้วยตัวเองขอรับ!”
หวังต้งคุกเข่าคำนับศีรษะแนบพื้นด้วยตาที่แดงก่ำเช่นเดียวกับไป๋ชิงเจวี๋ย เขารู้ดีว่าเจ้านายปวดใจมากเพียงใด มาส่งองค์หญิงใหญ่ยังทำได้เพียงซ่อนชุดไว้ทุกข์ไว้ภายใต้เสื้อคลุมกันลมเพราะกลัวว่าผู้อื่นจะจับพิรุธได้…เจ้านายไม่กล้าแม้แต่จะพาอาผูหลู่มาด้วยซ้ำ
ลมชื้นพัดโดนใบหน้าของต่งซื่อ ต่งซื่อหันไปมองทางศาลาเจ๋อหลิ่วที่อยู่บนเนินเขาโดยไม่รู้ตัว นางเห็นร่างของคนๆ หนึ่งขี่ม้าจากไปอย่างเรือนลาง
ต่งซื่อชะงักฝีเท้าในทันที ฟางซื่อที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ไม่ทันได้มองจึงชนเข้าที่แผ่นหลังของต่งซื่อ ต่งซื่อขมวดคิ้วแน่น จากนั้นประคองร่างของน้องสะใภ้สองที่ยังร้องไห้ไม่หยุดเดินต่อไปด้านหน้า
ดวงตาของต่งซื่อบวมช้ำ นางเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือไม่ เมื่อครู่นางรู้สึกเหมือนเห็น…อาอวี๋
ไป๋ชิงเหยียนตื่นมาอีกครั้งตอนฟ้ามืดสนิทลงแล้ว
เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวที่เตียง ชุนเถาจึงรีบวิ่งเข้าไปหา นางเอื้อมมือเปิดม่านสีฟ้าที่กั้นเตียงอยู่ออก จากนั้นแขวนมันไว้บนตะขอทองแดงที่หัวเตียง น้ำตาของชุนเถาไหลพรากออกมาทันที นางคุกเข่าลงบนที่วางขาไม้ข้างเตียงของไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวเสียงสะอื้น “คุณหนูใหญ่ ในที่สุดคุณหนูใหญ่ก็ตื่นแล้ว!”
หลู่หนิงฮว่าเดินอ้อมฉากกั้นเข้ามาด้านใน ชุนเถารีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา จากนั้นลุกขึ้นยืนหลีกทางให้หลู่หนิงฮว่าตรวจชีพจรของไป๋ชิงเหยียน
หมอหงที่พักอยู่ที่ห้องข้างๆ ได้ยินเสียงจึงวางถ้วยชาในมือลง จากนั้นหันไปเขกศีรษะของอิ๋นซวงที่กำลังนั่งนับจำนวนขนมเค้กข้าว[1]อยู่เบาๆ “ถือกล่องยาตามข้ามา คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้ว!”
อิ๋นซวงได้ยินจึงรีบห่อขนมเค้กข้าวใส่กระดาษแล้วยัดใส่อกของตัวเองอย่างรีบร้อน จากนั้นถือกล่องยาวิ่งตามหลังหมอหงออกไปด้านนอก
ถงหมัวมัวที่เพิ่งก้าวข้ามธรณีประตูออกมาเชิญหมอหงไปตรวจอาการของไป๋ชิงเหยียนเห็นหมอหงเดินมาพอดีจึงรีบแหวกม่านให้ “แม่นางหลู่กำลังตรวจชีพจรให้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
หมอหงพยักหน้า จากนั้นรีบเดินเข้าไปในห้อง
หลู่หนิงฮว่าเห็นหมอหงเดินมาจึงรีบหลีกทางให้
ผู้ใดจะคิดว่าอิ๋นซวงวิ่งเร็วกว่าหมอหง นางถลาเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน จากนั้นล้วงหยิบขนมเค้กข้าวออกมาจากอกแล้ววางลงบนหัวเตียง “คุณหนูใหญ่ ทานเจ้าค่ะ!”
อิ๋นซวงอยู่กับหมอหงตลอดเวลา นางรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนหลับไปนานโดยไม่มีสิ่งใดตกถึงท้อง นางกลัวว่าคุณหนูใหญ่จะหิว
[1]ขนมเค้กข้าว เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ผสมน้ำตาล ถั่ว งาหรือผลไม้ต่างๆ
—————————