เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 133 เหลาอาหารเจินซิว

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 133 เหลาอาหารเจินซิว

บทที่ 133 เหลาอาหารเจินซิว

ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูด ก็สำทับไปว่า “ลองชิมดูสิ รสชาติไม่เลวเลย”

เจ้ากรมพิธีการแค่นเสียงในลำคออย่างเย็นชา เขารู้สึกอึดอัดใจแต่ก็ไม่อยากพูดอะไร ทำได้เพียงลงมือแกะกุ้งอย่างงุ่มง่าม

เห็นหรือไม่ ก็แค่แกะเปลือกกุ้งแล้วนำเนื้อกุ้งเข้าปากเอง มัวแต่พึมพำถึงความไม่สำรวมอยู่ได้

และเมื่อเขาได้ลงมือกินก็ไม่สนใจสิ่งรอบตัวอีกต่อไป…

เรื่องกิริยามารยาทของขุนนางฝ่ายบุ๋นไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง ทว่าขุนนางฝ่ายบู๊ไร้ซึ่งความระมัดระวังเรื่องการรักษากิริยามารยาท ขณะทานอาหารพวกเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น มิหนำซ้ำ ยังมีบางคนที่ไม่สนใจแม้แต่จะแกะเปลือกกุ้ง และโยนกุ้งพร้อมเปลือกเข้าปากทั้งอย่างนั้น สีหน้าของพวกเขาแสดงออกราวกับว่าพวกเขาไม่ได้กินอาหารมาหลายชั่วอายุคน

และในขณะที่พวกเขากำลังเคี้ยวอาหารอยู่ในปาก พวกเขาก็คุยกันไปด้วย

ยามขุนนางฝ่ายบุ๋นเห็นเช่นนี้ ต่างก็มองด้วยสายตารังเกียจ และรับไม่ได้กับความตะกละตะกลามนี้

บรรดาขุนนางฝ่ายบู๊หาได้สนใจสิ่งรอบกายไม่ หากมีอาหารอร่อย ๆ เช่นนี้ในตอนที่อยู่สนามรบ มันก็คงทำให้พวกเขามีแรงในการออกรบมากยิ่งขึ้น เหตุใดพวกเขาเพิ่งมาค้นพบสิ่งนี้เอาตอนนี้!

ตอนแรกสมาชิกในครอบครัวของเหล่าขุนนางที่เป็นสตรี ลังเลที่จะลงมือรับประทานอาหารเช่นนี้ มันดูไม่สำรวมและอุกอาจเกินไป แต่สักพักพวกนางก็เริ่มเปิดใจและค่อย ๆ ลงมือกิน

กลับมาทางเชื้อพระวงศ์ ขณะที่ฮ่องเต้เสวยก็ยังมีท่าทางที่สง่างามมาก อีกทั้งการเคลื่อนไหวของบรรดาองค์ชาย โดยเฉพาะองค์ชายใหญ่ ท่วงท่าของพระองค์นั้นประดุจเทพเซียนก็มิปาน

แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาหารแต่อย่างใด ทว่ามันอยู่ที่ตัวบุคคล

หลังจากพ่อครัวของห้องเครื่องได้ศึกษากุ้งก้ามแดงอย่างอุตสาหะ นับว่าครั้งนี้เขาสามารถปรุงอาหารออกมาได้อร่อยกว่าครั้งก่อนมาก

ครั้นได้ลองกินก็รู้สึกติดใจจนวางไม่ลง

พอกินไปได้พอสมควรแล้วก็มีผลไม้ตามมา พวกมันค่อย ๆ ถูกนำขึ้นโต๊ะอาหาร

ผลไม้ที่ถูกหั่นมาในลักษณะครึ่งเสี้ยว ขนาดความกว้างเท่าฝ่ามือถูกวางไว้เบื้องหน้าของแต่ละคน มันเป็นผลไม้เนื้อสีแดงที่น่าดึงดูดและดูสดชื่น

สุรเสียงของฮ่องเต้กล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย “นี่เป็นแตงโมที่องค์หญิงเก้าทรงปลูกด้วยตนเอง แต่ผลผลิตนั้นมีไม่มาก เชิญพวกท่านลองดูได้”

ทุกคน “…”

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่พวกเขารู้สึกว่าน้ำเสียงขององค์เหนือหัวนั้น เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเขาพูดสิ่งนี้

เหล่าขุนนางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่องค์หญิงตัวน้อยผู้ไร้เดียงสา แต่แฝงไปด้วยความสามารถน่าเหลือเชื่อ

ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในเขตพระราชวัง เหตุใดพวกเขาจึงรู้สึกว่าแม้องค์หญิงน้อยจะไม่ได้เสด็จไปไหนมาไหนต่อหน้าพวกเขา แต่กลับรู้สึกว่านางมักจะปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้ง?

เสี่ยวเป่ายังคงกินกุ้งก้ามแดงอย่างมีความสุข และเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกจ้องมอง ดวงตาเล็ก ๆ ของเด็กน้อยก็มองไปรอบ ๆ ด้วยความไร้เดียงสา

เกิดอะไรขึ้นหรือ?

หลังจากที่หนานกงสือเยวียนหยิบแตงโมขึ้นมาและเสวยอย่างไม่เร่งรีบ บรรดาขุนนางคนอื่น ๆ ก็เริ่มหยิบแตงโมที่อยู่เบื้องหน้ามาเข้าปาก

ตอนนั้นเอง ดวงตาของพวกเขาพลันเบิกกว้าง

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากุ้งก้ามแดงนั้นรสชาติไม่เลว ทว่าในสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ การกินสิ่งนี้ทำให้รู้สึกร้อนยิ่งขึ้นไปอีก

แต่หลังจากกินกุ้งก้ามแดงเสร็จแล้ว และตามด้วยผลไม้สีแดงที่อยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกว่าวิญญาณแทบจะหลุดลอยออกไปในทันใด

น่าเสียดายที่มีแค่ชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น เมื่อพวกเขาได้ลิ้มลอง ก็ยังไม่พึงพอใจและรู้สึกอยากกินเพิ่มอีก

แต่ใครเล่าจะกล้าเอ่ยปากทูลถามฮ่องเต้

ทำได้เพียงใช้ดวงตาจ้องมองฮ่องเต้ด้วยความคาดหวังและปรารถนาว่าจะได้กินมันอีก

หารู้ไม่ หนานกงสือเยวียนทำราวกับว่าเขาไม่เห็นสายตาของคนพวกนั้น…? ไม่มีทางเสียหรอก!

ด้านข้างห้องโถงเป็นสถานที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งหนึ่งเถามีแตงโมแค่สองสามลูกเท่านั้น แต่ไม่ว่าแตงโมจะใหญ่แค่ไหน ปริมาณก็มีจำกัด อีกทั้งคนในวังก็มีมากมาย ยังไม่นับรวมครอบครัวใหญ่ของเซียวเหยาอ๋องด้วย

เสี่ยวเป่าได้ส่งแตงโมจำนวนไม่น้อยไปให้ท่านพี่รองกับท่านอาสี่ของนาง ส่วนที่เหลือในวังก็อยู่ได้ไม่ถึงสองวัน

ผู้ที่ไม่ได้รับแตงโม ต่างก็ส่งความเสียดายผ่านสายตาของพวกเขา

เพราะไม่รู้ว่าในครั้งหน้าจะได้กินผลไม้นี้อีกหรือไม่ จึงอยากให้องค์หญิงทรงปลูกมากกว่านี้ขึ้นอีกหน่อย!

ในที่สุด งานเลี้ยงกุ้งก้ามแดงนี้ก็จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เหล่าขุนนางและภรรยาดูจะไม่พอใจที่ไม่ได้ทานอีก

ครั้งนี้กุ้งก้ามแดงทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง ว่าถึงมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ

แต่ก็ไม่คณามือพ่อครัวหลวง ที่สามารถทำกุ้งก้ามแดงออกมาได้อย่างเอร็ดอร่อย

ยังมีผลไม้สีแดงอย่างแตงโม ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะประทานให้พวกเขาอีกหรือไม่

องค์หญิงเก้าช่างเป็นบุคคลที่น่าทึ่งยิ่งนัก พระองค์ยังทรงพระเยาว์และมีอายุเพียงสามขวบเท่านั้น!

ก่อนหน้านี้ทรงปลูกเฉ่าเหมย และฝ่าบาทก็แจกจ่ายให้กับพวกเขา มีเพียงขุนนางระดับสองและสามเท่านั้นที่ได้รับเป็นสิบลูก พอพวกเขานำมันกลับไปบ้านก็ยังไม่เพียงพอที่จะแบ่งให้สมาชิกทุกคน

รสชาติเฉ่าเหมยนั้นดีและถูกปากมาก จะเด็กหรือผู้สูงอายุในครอบครัวต่างก็ชื่นชอบเป็นพิเศษ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังอยากกินมันอีก

ตอนนั้นได้ยินมาว่า องค์หญิงน้อยทรงเป็นคนปลูกมันขึ้นมาเอง

มาครั้งนี้ พระองค์ก็ปลูกสิ่งที่พวกเขาไม่เคยกินอย่างแตงโมขึ้นมาอีก เมื่อได้กินเข้าไปแล้ว ความทรงจำก็หวนคืนไปถึงรสชาติ

ไม่รู้ว่าครั้งต่อไป องค์หญิงจะปลูกอะไรขึ้นมาอีก แต่พวกเขานั้นตั้งหน้าตั้งตารอแล้ว

เป็นไปตามที่หนานกงสือเยวียนคิด ว่าหลังจากงานเลี้ยงกุ้งก้ามแดงจบแล้ว จากคนที่เคยไม่ชอบและปฏิเสธในกุ้งก้ามแดง ก็ต้องเปลี่ยนใจ ในตอนนี้กุ้งก้ามแดงได้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว

ฮ่องเต้ พระสนม องค์ชายและองค์หญิงทุกพระองค์ รวมไปถึงใต้เท้าทุกคนที่ไปร่วมงานเลี้ยงในพระราชวัง ต่างเอ่ยปากชื่นชมบอกว่ามันอร่อย และไม่มีผู้ใดเอ่ยปากดูแคลน

เพราะแม้แต่ฮ่องเต้ผู้มีตำแหน่งสูงสุดก็ยังเป็นผู้นำในการกินมัน หากพวกเขาบอกว่ามันเป็นของราคาถูกที่ไม่สามารถวางบนโต๊ะได้ก็ดูจะไม่ควร

พลันกุ้งก้ามแดงก็ได้แพร่หลายออกไปจากราชวัง กระจายไปทั่วทั้งเมืองภายในเวลาเพียงหนึ่งวัน ซึ่งผู้คนที่ได้ลิ้มลองต่างก็บอกว่ารสชาติไม่เลว

แน่นอนว่า แตงโมที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก็แพร่กระจายออกไปราวกับปาฏิหาริย์เช่นกัน

ไม่ต้องพูดถึงแตงโมที่องค์หญิงทรงลงมือปลูกด้วยพระองค์เอง กุ้งก้ามแดงก็ไม่มีปัญหาแม้แต่กระผีกเดียว

ผู้ที่ไม่เคยได้ลองกุ้งก้ามแดง ต่างก็อยากรู้อยากเห็น พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบเพื่อตกกุ้งก้ามแดง

ซึ่งพอไปถึง ก็พบว่ามีผู้คนจำนวนมากกำลังตกกุ้งก้ามแดงอยู่เช่นเดียวกัน!

แต่แล้วพวกเขาก็ต้องประสบกับความไม่เข้าใจอีกครั้ง เพราะกุ้งก้ามแดงที่นำกลับมานั้นไม่อร่อย และพวกเขาก็ไม่มีวิธีทำกุ้งก้ามแดงนี้ด้วย

ในเวลานี้ เหลาอาหารเจินซิวกำลังตกอยู่ในความสนใจของผู้คน

ภายในเหลาอาหารเจินซิว เสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้องปีกแง้มหน้าต่างเข้าออกด้วยความตื่นเต้น นางมองผู้คนจำนวนมากเดินเข้าออกไม่หยุด

“ท่านอาเจ็ด กุ้งก้ามแดงของเราจะขายออกหรือไม่”

“จะมีคนมากินกุ้งก้ามแดงของเราหรือไม่”

“หากพวกเขาลงความเห็นว่าไม่อร่อยจะทำอย่างไรดี?”

เมื่อนางเปิดกิจการเหลาอาหารเจินซิว เด็กน้อยขี้อ้อนผู้นี้ก็เฝ้าตั้งคำถามอย่างกังวลใจ ต่างกับหนานกงหลีที่ไร้ซึ่งความกังวล เอนกายลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน

“เจ้ามิต้องกังวล ปกติแล้วเสี่ยวเป่าของอาเป็นคนมั่นใจในตัวเองมิใช่หรือ เหตุใดตอนนี้ถึงไม่มีความมั่นใจเลยล่ะ?”

เสี่ยวเป่าพึมพำเสียงเบาว่า “เพราะว่าสิ่งนี้ได้เงิน”

หนานกงหลีระเบิดเสียงหัวเราะให้กับเด็กน้อยผู้เห็นแก่เงิน

“เจ้าขาดเงินหรือไร? เสด็จพี่ของเจ้ายังไม่ขาดแคลน เหตุใดเสี่ยวเป่าของอาถึงเป็นเช่นนี้เล่า?”

เสี่ยวเป่า “ข้ามีไม่มาก”

หนานกงฉีซิวที่อยู่ข้าง ๆ นางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

เหลาอาหารเจินซิวตั้งอยู่ในทำเลทอง และบนแผ่นป้ายหน้าร้านก็มีภาพวาดกุ้งก้ามแดงประดับ

กุ้งก้ามแดงตัวใหญ่ถูกวาดลงบนแผ่นป้าย นี่เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ผู้คนเพิ่งเคยได้พบเห็น ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็อดไม่ได้ที่จะหยุดดู

“สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”

“ดูเหมือนว่าจะเป็นเหลาอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ แปลกจริง ๆ ที่มีกุ้งก้ามแดงขนาดใหญ่ถูกวาดลงบนแผ่นป้าย”

“คงไม่ใช่ว่าร้านนี้ขายกุ้งก้ามแดงหรอกนะ”

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน