ตอนที่ 6 ม้วนภารกิจ
ตอนนี้อีกแค่สิบสองวันก็ถึงวันสอบแล้ว ไป๋เยี่ยยังเหลือ ‘วิชาเวชกรรม’ ‘วิชาฝังเข็ม’ และ ‘วิชาอายุรศาสตร์ภายใน’ ที่ยังไม่ได้อ่าน
ซึ่งในนั้น วิชาอายุรศาสตร์ภายในเป็นส่วนที่มีคะแนนสูงที่สุด แต่ค่าประสบการณ์ของวิชานี้ของไป๋เยี่ยกลับต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือเกิน
[โหมดสวมร่างเด็กเรียน] ก็ใช้ไปหมดแล้ว แคปซูลเพิ่มความจำก็น่าจะพอแค่สำหรับการอัปเลเวลวิชาเวชกรรม
ทำไงดี
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็รู้สึกเสียดาย รู้งี้ตั้งใจเรียนตั้งแต่ตอนมหา’ลัยแล้ว พอมาตอนนี้ก็ดันทำอะไรไม่เป็นเลย น่าหงุดหงิดชะมัด…
แต่…ตอนนี้เขายังจับรางวัลได้อีกสองครั้ง
ไม่ต้องสงสัยเลย การจับรางวัลสองครั้งนี้มันเป็นดั่งที่พึ่งสุดท้ายของไป๋เยี่ยในตอนนี้
ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าเขาต้องระวังการจับรางวัลรอบนี้เป็นพิเศษ เขาไปเข้าห้องน้ำ พร้อมทั้งไปอาบน้ำแต่งตัวมา ตอนแรกอยากจะจุดธูปไหว้แล้ว แต่หาเท่าไหร่ก็หาธูปไม่เจอ จึงได้แต่หยิบโกฐรมยามาจุด แล้วอธิษฐานกับท้องฟ้า…
เขาพึมพำในใจ “องค์พระยูไล…พระโพธิสัตว์กวนอิม…บรรพบุรุษตระกูลไป๋…อวยพรลูกด้วย…” เอ่ยจบก็นั่งยืดตัวตรงและมองไปที่จานสุ่มรางวัลบนหน้าจอโปร่งแสง
กดสุ่ม!
จานสุ่มเริ่มหมุนในทันใด ไป๋เยี่ยเองก็ใจสั่นขวัญแขวนไปหมด ค่อยๆ มองจานนั่นหมุนไปมาอย่างระแวดระวัง
“หยุด!”
จานหมุนหยุดลงในชั่วพริบตา มีข้อความค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนบริเวณที่เข็มชี้ไป: ติวกับอาจารย์ดังสามวัน
แววตาของไป๋เยี่ยเปล่งประกายขึ้น ตอนนี้เขารับรู้ได้ถึงพลังของระบบแล้ว แล้วติวกับอาจารย์สามวันนี่คืออะไรเหรอ มันต้องเจ๋งกว่าแคปซูลเพิ่มความจำแน่ๆ!
ไป๋เยี่ยเห็นว่าเขากำลังมือขึ้น จึงเริ่มจับรางวัลต่อไป
[ติ๊ง! จับรางวัลสำเร็จ ยินดีด้วย คุณได้รับม้วนภารกิจหนึ่งม้วน สุ่มรับภารกิจจำนวนหนึ่งภารกิจ หลังจากสำเร็จภารกิจจะได้รับรางวัลมากมาย
คำเตือน: จะให้คะแนนภารกิจโดยอิงตามระดับความสำเร็จ รางวัลจะขึ้นอยู่กับคะแนนที่ได้รับ โปรดรับภารกิจโดยเร็ว หากไม่รับภายในเวลา 24 ชั่วโมง จะถือว่าภารกิจนั้นเป็นโมฆะ]
ไป๋เยี่ยนิ่งไป นี่มันเรื่องอะไรกัน
ม้วนภารกิจ?
ไป๋เยี่ยมองดูม้วนภารกิจพลางใช้ความคิดไปด้วย ถ้าคลี่ม้วนออกก็คือตกลงรับภารกิจ แต่ถ้าไม่รับไว้ อีกยี่สิบสี่ชั่วโมงมันก็จะกลายเป็นโมฆะไป น่าเสียดายจัง… แต่ถ้ารับมาแล้วมันดันเป็นภารกิจที่ใช้เวลามาก เรื่องสอบเข้าคงจบเห่แน่ๆ
รับหรือไม่รับดีนะ
ไป๋เยี่ยคิด ถ้าเป็นภารกิจที่ง่ายและทำเสร็จไวก็ทำ ถ้าทำไม่เสร็จก็ค่อยปล่อยทิ้ง ยังไงก็ไม่มีบทลงโทษอยู่แล้วนี่!
เมื่อคิดดีแล้ว ไป๋เยี่ยก็คลี่ม้วนภารกิจออกทันที
ม้วนภารกิจค่อยๆ คลี่ออกมา ข้อความบางอย่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าไป๋เยี่ย
[ม้วนภารกิจ: ภารกิจระดับสองดาว ภารกิจ: สุ่มเพิ่มเลเวลวิชาใดวิชาหนึ่งขึ้นเป็นเลเวลสอง ยิ่งใช้เวลาน้อย รางวัลก็ยิ่งเยอะ คิดคะแนนตามเวลาที่ใช้ เริ่มนับเวลา: 00:01…]
ไป๋เยี่ยตะลึง
ที่แท้ภารกิจก็มีระดับความยากนี่เอง ให้อัปเลเวลวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นเลเวลสองสินะ ไป๋เยี่ยเปิดหน้าภารกิจขึ้นในทันที เขามองสำรวจว่าพอจะมีวิชาไหนบ้างที่สามารถอัปเลเวลขึ้นง่ายๆ ซึ่งที่ง่ายที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็น
ภาษาอังกฤษ เลเวลหนึ่ง: 2991/3000
นี่แหละ!
ไป๋เยี่ยถนัดวิชาภาษาอังกฤษมาก ตอนปีสามเขาเคยลงเรียนสาขาภาษาอังกฤษ แถมยังผ่านการสอบ TEM-8 มาแล้วด้วย
เพราะฉะนั้นแล้ว นี่จึงไม่ใช่ปัญหาเลย!
ขาดค่าประสบการณ์แค่เก้าแต้มเท่านั้น
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็ลุกขึ้น และไปหาหนังสือ ‘ภาษาอังกฤษสำหรับแพทย์’ จากในห้องสมุดมาอ่าน
ด้วยผลจากแคปซูลเพิ่มความจำนั้น ทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนของไป๋เยี่ยยังคงสูงอยู่
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ไป๋เยี่ยก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนอันคุ้นเคยจากระบบ
[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชาภาษาอังกฤษเป็นเลเวลสอง ใช้เวลาไปทั้งสิ้นหกสิบเก้านาที ได้คะแนน: เก้าสิบคะแนน]
[ผู้ใช้งานทำภารกิจสำเร็จอย่างเยี่ยมยอด ได้คะแนนเก้าสิบคะแนน ได้รับรางวัลดังนี้: แต้มสมาชิกยี่สิบแต้ม เพิ่มเลเวลวิชาดังกล่าวขึ้นหนึ่งเลเวล เลเวลวิชาภาษาอังกฤษปัจจุบันคือเลเวลสาม]
ไป๋เยี่ยแปลกใจเล็กน้อย
ไม่คิดเลยว่ารางวัลจะเยอะขนาดนี้ ทั้งอัปเลเวลวิชาภาษาอังกฤษขึ้นเป็นเลเวลสาม จากเลเวลสองไปเลเวลสามต้องใช้ค่าประสบการณ์ตั้งห้าพันแต้ม ถ้าไล่เก็บตามปกติ ใครจะไปรู้ว่าจะนานแค่ไหนล่ะ
เมื่อมองดูเลเวลวิชาภาษษอังกฤษของตนเองอยู่ที่ เลเวลสาม: 0/8000 ไป๋เยี่ยก็รู้สึกได้ว่าระดับภาษาอังกฤษของเขานั้นเปลี่ยนไป
ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน ภาษาทางการหรือภาษาปากก็ล้วนหยิบมาใช้ได้ตามต้องการ
ไม่เลวแฮะ!
ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องพูดถึงการสอบภาษาอังกฤษเลย ทั้งข้อสอบระดับปริญญาเอก TOEFL หรือ IELTS ต่างก็เป็นแค่ข้อสอบง่ายๆ เท่านั้น แม้ว่าระดับภาษาอังกฤษของเขานั้นจะไม่ถึงขั้นสามารถเป็นล่ามให้กับผู้นำประเทศ หรือแปลงานเขียนได้ก็ตาม แต่กับอาชีพนักแปลทั่วๆ ไปนั้นเขาไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย!
ทว่าในตอนนี้ไป๋เยี่ยก็ได้พบกับคนคุ้นเคย
สวี่เหยียนนั่นเอง
สวี่เหยียนสวมเสื้อขนเป็ดเดินมาข้างๆ ไป๋เยี่ยช้าๆ และต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าในมือของไป๋เยี่ยมีหนังสือ ‘ภาษาอังกฤษสำหรับแพทย์’
“นายไม่ตั้งใจทบทวนแล้วมาอ่านอันนี้เนี่ยนะ อีกสิบกว่าวันก็สอบแล้วไม่ใช่เหรอ!”
ไป๋เยี่ยได้แต่พยักหน้าทั้งรอยยิ้มโดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรไป
“เอ๋ ว่าแต่เจ้าน้องชาย ฉันว่าฉันเจอปัญหาแล้วละ! นายมีหนังสือเล่มไหนที่ยังไม่ได้ซื้อไหมน่ะ” สวี่เหยียนถามด้วยดวงตากลมโต
ไป๋เยี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง
อย่าบอกนะว่าเธอจะซื้อให้
สวี่เหยียนยกมือกุมหน้าผาก “ให้ตายเถอะ นายนี่มันแปลกคนจริงๆ เห็นว่านายยังสอบอยู่…ฉันก็ขอพูดหน่อยแล้วกัน คนจะสอบอะไรไม่มีหนังสือตะลุยโจทย์วิชาแพทย์แผนจีนน่ะ ภาษาอังกฤษนี่ไม่ต้องซื้อหนังสือก็ได้ แล้วจะหยิบ ‘ภาษาอังกฤษสำหรับแพทย์’ มาเพื่ออะไรเนี่ย…หมดกัน เดาว่านายคงยังไม่รู้ว่าต้องสอบอะไรบ้างแน่ๆ! พ่อยอดคนเก่งเอ๊ย…!”
ไป๋เยี่ยปิดหนังสือภาษาอังกฤษในมือลงด้วยความอึดอัด ก่อนจะวางมันไว้ที่เดิม
จากนั้นจึงหยิบหนังสือ ‘วิชาเวชกรรม’ ออกมาเริ่มท่องเงียบๆ
ไป๋เยี่ยไม่ได้ท่องเป็นกลอนหรือทำนอง เขาเปิดหนังสืออ่านไปเรื่อยๆ ท่องส่วนประกอบต่างๆ ของสูตรยา ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งต้องยอมรับว่ามันเป็นงานที่หนักหนาสาหัสมาก
ต้องขอบคุณแคปซูลเพิ่มความจำที่เขากินเข้าไป มันออกฤทธิ์ชัดเจน ทำให้ความทรงจำเป็นเลิศ
วิชาเวชกรรมไม่ใช่แค่การท่องส่วนประกอบของสูตรยาง่ายๆ เท่านั้น แต่มันเป็นวิชาที่แตกแขนงมาจากพื้นฐานของหลายๆ วิชา
สูตรยาทุกๆ สูตรล้วนมาจากประสบการณ์ของคนนับหลายรุ่นซึ่งใช้ได้ผลในการรักษาและสืบทอดต่อมายังปัจจุบัน
เช่นยาที่พบได้บ่อยอย่าง ‘ลิ่วเว่ยตี้หวงว่าน[1]’
มีส่วนประกอบคือ โกฐขี้แมวแปดเฉียน[2] ผลซานจูอวี๋[3]แห้งสี่เฉียน กลอยจีนสี่เฉียน หญ้ากองลอย โป่งรากสน และเปลือกรากโบตั๋นอย่างละสามเฉียน (หนึ่งเฉียนเท่ากับสามกรัม)
เป็นสูตรยาหกรสที่แสนเรียบง่าย คนโบราณจะใช้วิธีปั้นยาให้เป็นลูกกลมขนาดเท่าเมล็ดต้นอู๋ถง แล้วนำมาละลายในน้ำอุ่นครั้งละสามลูก แน่นอนว่านำไปต้มก็ได้เหมือนกัน
ทว่าทั้งยาลูกกลอน ผงยา ยาน้ำ ยาเม็ดต่างมีรูปร่างที่ต่างกัน และให้ผลไม่เหมือนกันด้วย เช่น ยาลิ่วเว่ยตี้หวงว่านแบบเม็ดยาลูกกลอนจะออกฤทธิ์ค่อนข้างช้า แต่ฤทธิ์ยาจะอยู่นานพอสมควร เน้นการบำรุงอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่ยั่งยืน ในขณะที่ยาต้มจะดูดซึมและออกฤทธิ์ได้เร็วกว่า
ดังนั้นการจ่ายยาทั้งยาลูกกลอน ผงยา ยาน้ำ ยาเม็ดนั้นจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป
ประสิทธิภาพของยาก็เช่นกัน ยาลิ่วเว่ยตี้หวงว่านมีสรรพคุณช่วยบำรุงตับไต โกฐขี้แมวเป็นตัวยาหลัก ช่วยบำรุงหยินในร่างกายและบำรุงไต เสริมสร้างสารจำเป็นต่อไขกระดูก ผลซานจูอวี๋ก็มีส่วนช่วยบำรุงตับไต ส่วนกลอยจีนนั้นเป็นตัวยาเสริม ช่วยบำรุงม้าม เมื่อนำตัวยาทั้งสามมาผสมกันก็จะมีสรรพคุณต่อการบำรุงธาตุหยิน
หญ้ากองลอยช่วยเรื่องการไหลเวียนของของเหลว ยับยั้งการย่อยโกฐขี้แมว โป่งรากสนช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด บำรุงม้าม มีส่วนช่วยลำเลียงกลอยจีน ส่วนเปลือกรากโบตั๋นนั้นช่วยคลายร้อน ซึ่งตัวยาทั้งสามนี้เรียกว่าตัวยาช่วย
สรรพคุณรวมของยาคือบำรุงหยินในตับและไต
หลายวันมานี้ไป๋เยี่ยแทบจะขลุกอยู่แต่ในห้องสมุด เขากอดหนังสือวิชาเวชกรรมไว้แน่นเสมือนว่ามันเป็นมรดกร้อยล้าน เขาไม่อยากเสียเวลาไปแม้นาทีเดียว นอกจากกินข้าวและนอน เขาก็เอาแต่นั่งเรียนในห้องสมุด จนแม้แต่ผมก็ไม่ได้สระ
ทว่ามันกลับเป็นผลดี เพราะว่าหลังจากนั้นสามวัน เลเวลวิชาเวชกรรมของไป๋เยี่ยก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นเลเวลหนึ่งแล้ว
[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชาเวชกรรมเป็นเลเวลหนึ่ง ได้รับแต้มสมาชิกสิบแต้ม และโอกาสจับรางวัลหนึ่งดาวจำนวนหนึ่งครั้ง]
[1] ลิ่วเว่ยตี้หวงว่าน คือตำรับยาแผนจีนที่มีสรรพคุณบำรุงหยินในไต
[2] เฉียน หน่วยวัดน้ำหนักของจีนโบราณ โดยในเนื้อเรื่องกำหนดให้หนึ่งเฉียนมีค่าเท่ากับสามกรัม
[3] ซานจูอวี๋ คือสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีผลสีแดง ผลแห้งมีสรรพคุณด้านการบำรุงตับไต