ตอนที่ 50 อันดับหนึ่งของประเทศ
ไป๋เยี่ยไม่ได้ใช้การฝังเข็มหรือวิธีการพิสดารใดๆ แค่ใช้ยาสองตัวเท่านั้นเอง แต่เขากลับสามารถทำให้ผู้เฒ่าสวี่ที่เป็นลมไปเนื่องจากเสมหะฟื้นขึ้นมาได้
บางทีอาจารย์แพทย์เหล่านี้ก็อาจจะช่วยผู้เฒ่าสวี่ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน บางทีนั่นอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาและไม่ต้องใช้เวลานานด้วยซ้ำ แต่ไป๋เยี่ยนั้นเลือกใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ที่มีจำกัด และช่วยชีวิตผู้เฒ่าสวี่ได้สำเร็จ!
สายตาของสาธารณชนที่มองมายังไป๋เยี่ยจึงเปลี่ยนไปด้วย!
อาจารย์แพทย์ทั้งสิบท่านมองไป๋เยี่ยอย่างชื่นชมราวกับว่าเขาเป็นลูกหลานของตน พวกเขากใจไป๋เยี่ยมาก
ถูโยวเองก็มองเด็กหนุ่มด้วยความตกตะลึง แววตาของเธอแฝงไปด้วยความชื่นชม หวังซีหยวนและถูโยวหันมามองหน้ากัน หวังซีหยวนจึงกระซิบเบาๆ
“เป็นไงบ้างครับ เด็กคนนี้ชื่อว่า ‘ไป๋เยี่ย’“
ถูโยวขยับขาแว่นตาพร้อมกับพยักหน้า “อืม ใช้ได้เลย มีทั้งความสามารถ มีทั้งความรับผิดชอบ ไม่ทระนงตน เขาได้อุทิศตนครั้งยิ่งใหญ่โดยไม่สนใจว่าตนจะเป็นที่รักหรือที่ชัง คนแบบนี้หายากจริงๆ!”
ผู้ชมทั้งหมดพร้อมใจปรบมือกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เสียงปรบมือดังลั่นจนกลบเสียงอื่นไปในทันที
ในตอนนี้ มีเพียงเสียงปรบมือให้แก่ไป๋เยี่ยเท่านั้น
เสียงปรบมือดังต่อเนื่องหนึ่งนาทีเต็ม การถ่ายทอดสดก็ยังคงดำเนินต่อไปทั้งหนึ่งนาทีนี้ โดยที่ไม่มีใครมาสั่งหยุดหรือขัดขวาง
หลังจากที่เสียงปรบมือซาลง เหลียงหย่งก็กล่าวขึ้น “แม้ว่านี่จะเป็นการถ่ายทอดสด แต่นี่ก็คือชีวิตครับ พวกเราต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายหลายรูปแบบ ทั้งเรื่องน่าประหลาดใจ ทั้งอุบัติเหตุ ทั้งเสียงเชียร์ และน้ำตา การที่ผู้เฒ่าสวี่เป็นลมในวันนี้ทำให้พวกเราได้เห็นศาสตร์การปฐมพยาบาลของแพทย์แผนจีนในตำนานครับ!”
ฉีปิงตื่นเต้นจนน้ำตารื้น ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นพิธีกรมืออาชีพคนหนึ่งก็ตาม แต่ในตอนนี้เสียงของเธอกลับสั่นเล็กน้อย “เวทีของเราไม่มีมาตรการปฐมพยาบาล ถือว่าเป็นความบกพร่องในหน้าที่ของพวกเราเองค่ะ
แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับช่วยชีวิตท่านสวี่ที่กำลังตกอยู่ในอันตรายได้ด้วยอุปกรณ์ที่มีจำกัด ทำให้พวกเราได้เห็นภูมิหลังของแพทย์แผนจีนที่ส่งผ่านกันมารุ่นต่อรุ่น ทำให้พวกเราได้เห็นแสงสว่างของวงการแพทย์แผนจีน และทำให้พวกเราสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์และยิ่งใหญ่ของศาสตร์แพทย์แผนจีนค่ะ!”
“เรามาปรบมือให้กับหนุ่มน้อยคนนี้อีกครั้งกันค่ะ!”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผู้ชมตรงนั้น รวมถึงผู้ชมจากทางบ้านต่างปรบมือกันโดยไม่รู้ตัว
“สุดยอดเลย! นี่แหละหมอ!”
“หมอผู้ยิ่งใหญ่!”
“หมอหลิงหราน![1]”
“แพทย์แผนจีนนี่มันสุดยอดจริงๆ เลย ไม่คิดเลยว่าจะมีวิธีการปฐมพยาบาลเยอะขนาดนี้!”
“ไป๋เยี่ยเก่งจัง อายุยังน้อยแต่ทำได้ขนาดนี้ ฉันว่าเผลอๆ เขาอาจจะเก่งกว่าอาจารย์หมอพวกนั้นอีก!”
กล้องแพนไปหาไป๋เยี่ยซึ่งกำลังยืนหน้าตาสะอาดสะอ้านอยู่ตรงนั้น เขาถอดชุดสูทตัวนอกออก เหลือแต่เสื้อเชิ้ตตัวในและเนกไท
ฉีปิงเดินถือไมโครโฟนไปข้างไป๋เยี่ย “คุณไป๋เยี่ย คุณมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไหมคะ”
ตอนแรกไป๋เยี่ยก็ไม่ได้เกร็ง แต่พอถูกฉีปิงสัมภาษณ์เขากลับประหม่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น ใบหน้าของเขาเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา
เขาทั้งพูดจาตะกุกตะกัก ทั้งยังกระแอมกระไอจนต้องใช้มือลูบจมูกแก้เขิน
เหล่าผู้ชมเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ พอเห็นท่าทีเขินอายของเด็กหนุ่มก็ยิ่งชอบกันเข้าไปใหญ่
“ฮ่าๆ ไม่นึกเลยว่าหมอนี่จะเขินเป็นกับเขาด้วย!”
“พ่อหนุ่มนี่เก่งเกินไปแล้ว ฉันอยากให้ลูกสาวไปจีบเลย!”
“ให้ตายเถอะ รีบใส่เสื้อผ้าให้ดีๆ แล้วไปหลบหลังกล้องซะสาว”
“สามีขา ฉันกำลังนั่งรถไปสถานีโทรทัศน์นะ รีบมาเร็ว พาคนมาด้วยนะ ฉันจะลักพาตัวไป๋เยี่ยกลับบ้าน”
“แม่จ๋า…หนูบุกมาที่ตึกแล้ว! อย่าห้ามหนูนะ ไป๋เยี่ยเนี่ยแหละสามีหนู…”
ฉีปิงหัวเราะ “เอาล่ะคุณไป๋เยี่ย มีอะไรอยากพูดไหมคะ”
ไป๋เยี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับทำหน้าจริงจัง “คือว่า…ผมอยากบอกว่า…ท่านสวี่ ท่านถามคำถามผมเถอะครับ…ผมพร้อมแล้ว”
ทุกคนได้ฟังก็หลุดหัวเราะดังก๊าก!
“ไอ้เด็กนี่ ฮ่าๆ…ฉันชอบมุกนี้ว่ะ”
“วิถีเด็กเรียนที่ถูกต้อง”
“ระวังโสดล่ะไอ้หนุ่ม”
ผู้เฒ่าสวี่อึ้งไปก่อนจะหัวเราะแห้งๆ เขายืนขึ้นและค่อยๆ พูดช้าๆ “โอเค ผมจะถามแล้วนะ เตรียมพร้อมหรือยัง!”
ไป๋เยี่ยผงะแล้วจึงพยักหน้าจริงจัง “ครับ พร้อมแล้ว!”
ผู้เฒ่าสวี่หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านและวางมันลงบนโต๊ะ “คุณอายุเท่าไหร่”
ทุกคนอึ้ง ไป๋เยี่ยก็อึ้ง
“ยี่สิบสี่ครับ”
“มีแฟนหรือยัง”
“ไม่มีครับ!”
ผู้เฒ่าสวี่หัวเราะ “ฮ่าๆ ดีมาก! ผมชอบคำตอบของคุณ เอาคะแนนเต็มไปเลย!”
ทุกคนช็อก!
ไป๋เยี่ยเองก็งง
คำถามอะไรวะเนี่ย นี่มันอะไรกัน ฉันมาผิดเวทีหรือเปล่า
ทุกสายตาจับจ้องไปยังไป๋เยี่ยที่กำลังยืนทำตัวไม่ถูกและผู้เฒ่าสวี่ที่กำลังยิ้ม และเข้าใจได้ในทันที
นี่อาจจะเป็นคำถามและคำตอบที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
ไป๋เยี่ยบรรลุจุดประสงค์ของการสอบตั้งแต่ตอนที่ไปช่วยผู้เฒ่าสวี่แล้ว
หลังจากนั้นจึงเป็นช่วงพักผ่อนและจะประกาศผลการแข่งขันในอีกสามนาทีข้างหน้า
ไป๋เยี่ยรีบไปเข้าห้องน้ำหลังจากที่อั้นมานานเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้า
เมื่อกลับมา เขาก็พบว่าผลสอบกำลังจะถูกประกาศในไม่ช้า!
หวังซีหยวนถือกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาบนเวที “ต่อไป ผมจะประกาศผลการแข่งขัน โดยคิดคะแนนจากการสอบข้อเขียนห้าสิบเปอร์เซ็นต์และการสอบสัมภาษณ์อีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมจะประกาศคะแนนและอันดับ ณ บัดนี้!”
“อันดับที่หนึ่ง! ไป๋เยี่ย ได้คะแนน 100 คะแนน”
“อันดับที่สอง หยางเจ๋อ ได้คะแนน 65.13 คะแนน”
“ว้าว!”
“เก่งมากเลย!”
“ใช่! เขาได้เต็ม ข้อเขียนก็ได้เต็ม อัจฉริยะชัดๆ!”
“สามีฉันมาจากสำนักสันติบาลนะ ที่รักรีบไปพาตัวไป๋เยี่ยมาเร็วเข้า! อยู่แต่บ้านก็ไม่มีใครเอาหรอกนะ!”
“แม่ ไม่ต้องเรียกพ่อละนะ หนูออกมาแล้ว อ้อใช่ หนูขับแลนด์โรเวอร์มารับลูกเขยของแม่นะ”
“กลับมานี่ลูก ขับรถถังไปดีกว่า ไม่งั้นจะมีคนขวางเอานะ”
ต่อไปก็เป็นพิธีมอบรางวัล
หวังซีหยวนเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ผมได้ประกาศผลการแข่งขันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชิญผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบท่านขึ้นมาบนเวทีและเชิญอาจารย์แพทย์ทั้งสิบท่านขึ้นมอบรางวัลครับ”
“ทั้งเหรียญเกียรติยศ ทั้งประกาศนียบัตร”
“แจกเงินรางวัลด้วย!”
ไป๋เยี่ยมองไปที่เช็คใบใหญ่มูลค่าหนึ่งล้านหยวน แล้วก็อดเบิกตากว้างไม่ได้
ผู้ชมต่างก็พากันส่งเสียงฮือฮา
“พระเจ้า ที่หนึ่งได้ล้านหยวน! โอ้โห เก่งจริงๆ”
“ชิ ถ้าเก่งพอก็เอาเลย”
“นั่นน่ะสิ เงินแค่นี้จะได้เทียบอะไรได้กับปรมาจารย์ล่ะ”
แม้ว่าจะเป็นแค่พิธีมอบรางวัลทั่วๆ ไป แต่พิธีกรก็ทำให้พิธีมอบรางวัลนี้ยิ่งใหญ่ราวกับเวทีโอลิมปิกได้!
บรรยากาศเช่นนี้ทำเอาไป๋เยี่ยซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว
แต่เมื่อมองเช็คธนาคารในมือ ไป๋เยี่ยก็ร้องไม่ออกอีกต่อไป แต่กลับยิ้มกว้างจนหุบยิ้มไม่ลงแทน
ขอภูมิใจหน่อยเถอะ!
ไป๋เยี่ยกระแอม ก่อนจะพยายามแสดงความดีใจออกนอกหน้าอย่างฝืนๆ
กระดานข้อความของรายการเกือบจะระเบิดอีกครั้งหนึ่ง
“เชี่ย ล้านหยวน อดใจปล้นไม่ไหวเลยโว้ย”
“นี่! ถ้าใครแย่งลูกเขยฉันไป ฉันจะฟ้องสามีฉันที่เป็นตำรวจแน่!”
“ไปซะ! พวกคนที่ละเมิดไป๋เยี่ยจะต้องถูกลงโทษ!”
“ว่าไงนะ จะแย่งลูกเขยฉันไปเหรอ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ยังจะกล้าแย่งลูกเขยฉันไปอีกเหรอ!”
“ทีมบอดี้การ์ดของไป๋เยี่ยพร้อมแล้ว พร้อมที่จะแต่งงาน เอ้ย! พร้อมพาไป๋เยี่ยกลับบ้านแล้ว!”
ไป๋เยี่ยกลายเป็นคนดัง เขาดังแล้วจริงๆ ดังเป็นพลุระเบิดที่ต่อให้เอาถังดับเพลิงมาดับไฟก็ดับไม่ลง
[1] หมอหลิงหราน เป็นชื่อตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง ‘หมอหลิงหราน’