ตอนที่ 61 มีโทรศัพท์ไว้ทำไม
ไป๋เยี่ยนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเขาโทรไปบอกเถ้าแก่ไป๋ว่าวันนี้เขาจะกลับบ้าน ทว่าเถ้าแก่ไป๋กลับตอบมาแค่ โอ้ และไม่ได้พูดอะไรต่อ
มีเพียงคุณนายหูที่กำชับเขาด้วยเสียงจริงจัง “ลูก ถ้ากลับมาแล้วก็เอาอาหารมาเผื่อด้วยนะ ที่บ้านไม่มีอาหารเลย”
ไป๋เยี่ยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ไม่เป็นไร เขาชินกับการกลับบ้านคนเดียวแล้ว ทว่าวันนี้เขากลับต้องพาผู้อำนวยการหูมาด้วย
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็โทรหาพ่อ ‘ขออภัย ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก…’
แล้วแม่ก็ ‘ขออภัย หมายเลขที่คุณโทรออก…’
จากนั้นก็น้องสาว ‘ขอภัย หมายเลขที่ท่านเรียกเป็นหมายเลขเปล่า…’
ไป๋เยี่ยมองไปที่โทรศัพท์มือถือในมืออย่างพูดไม่ออก คนเรามีโทรศัพท์ไว้ทำไมกันนะ
หูเฟิงอวิ๋นเอาแต่สงสัยเกี่ยวกับพ่อแม่ของไป๋เยี่ยว่าพวกเขาจะเป็นพ่อแม่แบบไหนกัน
พ่อเขาจะเป็นชาวนาผู้ซื่อสัตย์หรือไม่
ส่วนแม่ก็คงเป็นผู้หญิงวัยกลางคนผู้ซื่อสัตย์และเรียบง่าย
น้องสาวก็คงจะเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาและมองโลกในแง่ดี
หูเฟิงอวิ๋นคิดด้วยซ้ำว่าจะช่วยพ่อแม่หางานและหาโรงเรียนที่ดีกว่านี้ให้น้องสาวของไป๋เยี่ย
รถวนไปรอบๆ ในที่สุดก็มาถึงเขตหมู่บ้านซีซือ
หมู่บ้านซีซือนั้นแตกต่างจากหมู่บ้านทั่วไป มีการตกแต่งอย่างประณีต และมีลักษณะของบ้านเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือเป็นอาคารสไตล์ตะวันตกขนาดเล็กสองชั้นและมีถนนตัดผ่านเส้นหนึ่ง
ถนนกว้างมากพอจะให้รถวิ่งได้สามคัน แถมยังสะอาดมาก มีโคมไฟและของตกแต่งประดับประดาให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายปีใหม่
หูเฟิงอวิ๋นมองไปยังภาพตรงหน้าและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเยี่ย หมู่บ้านของหนูดูดีมากเลยนะเนี่ย!”
“ว่าแต่ บ้านหนูอยู่ตรงไหน”
ไป๋เยี่ยนำทางคนขับเสี่ยวหวังให้วนรถไปที่สี่แยก ทันใดนั้นก็ปรากฏภาพบ้านหลายหลังอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับหมู่บ้านทั่วไป เป็นอาคารสองชั้นเล็กๆ ที่เป็นระเบียบ
สามนาทีต่อมา รถก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้แล้ว ไป๋เยี่ยจึงพูดว่า “บ้านของผมอยู่ตรงหน้านี่เอง ไม่ต้องขับไปต่อแล้วครับ คุณป้า พวกเราลงจากรถแล้วเดินไปดีกว่า เดี๋ยวผมบอกให้พ่อมารอรับเราเอง”
หูเฟิงอวิ๋นพยักหน้า คนขับเสี่ยวหวังลงมาเปิดประตูให้หูเฟิงอวิ๋น ก่อนที่เขาจะหาที่กลับรถ ไม่ได้ตามไปที่บ้านไป๋เยี่ยด้วย
หูเฟิงอวิ๋นและไป๋เยี่ยเดินไปข้างหน้าด้วยกัน
เมื่อมองไปที่ฝูงชนที่กำลังต่อแถวกันอยู่ หูเฟิงอวิ๋นก็สงสัยเล็กน้อย “ข้างหน้านี่มีอะไรเหรอ ทำไมคิวยาวจัง”
ไป่เยี่ยเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมคนมากมายถึงมาต่อแถวหน้าบ้านของเขา “ไม่รู้สิครับคุณป้า บ้านของผมก็อยู่ข้างหน้านี่เอง”
ไป๋เยี่ยชี้ไปที่อาคารสองชั้นขนาดค่อนข้างกว้าง
ระหว่างนั้นทั้งสองคนก็เดินไปรอบ ๆ ฝูงชน ผู้คนที่ต่อแถวอยู่เห็นว่าไป๋เยี่ยกลับมาแล้วก็กล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ
“เสี่ยวไป๋กลับมาแล้วเหรอ”
“เสี่ยวไป๋กลับมาแล้ว!”
“มาๆๆ ทุกคนเว้นที่ให้เสี่ยวไป๋หน่อย”
“เหล่าไป๋ ลูกคุณกลับมาแล้ว!”
ทุกคนส่งเสียงโห่ร้อง ไป๋เยี่ยทักทายลุงๆ ป้าๆ แต่ละคน ในขณะที่หูเฟิงอวิ๋นกำลังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้า
หลังจากมองลอดฝูงชนไป หูเฟิงอวิ๋นก็มองเห็นชายสวมชุดผ้าฝ้ายยืนอยู่หน้าโต๊ะขนาดใหญ่ เขาถือพู่กันไว้ในมือ มีกระดาษสีแดงสองแผ่นวางอยู่บนโต๊ะ ทันใดนั้น ก็มีตัวอักษรขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนกระดาษสีแดงแผ่นหนึ่ง
‘จุดไฟเฉลิมฉลอง‘
คนทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างโต๊ะยกกระดาษขึ้นอย่างระมัดระวังไปวางไว้อีกด้าน ก่อนจะหยิบกระดาษสีแดงอีกแผ่นบนโต๊ะแล้วกดมันลง
จากนั้นชายคนนั้นก็ยกพู่กันชุ่มหมึกขึ้นแล้วเขียนว่า
‘จงมอบความสุขและความเป็นสิริมงคล‘
หลังจากที่คนทั้งสองนำกระดาษออกไปแล้ว พวกเขาก็วางกระดาษแผ่นสั้นๆ ลงไปแทน
‘ฤกษ์งามยามดี’
หูเฟิงอวิ๋นผงะไปครู่หนึ่ง เขียนกลอนคู่เหรอ
การเขียนพู่กันของชายผู้นี้ดูทรงพลังมาก เขามีรูปร่างหน้าตาสง่างาม มีคิ้วโค้งดั่งดาบและดวงตาที่เปล่งประกาย พร้อมด้วยใบหน้าที่ดูสง่างาม แม้ว่าเขาจะกำลังยิ้มอยู่ แต่กลับดูดุดัน
หูเฟิงอวิ๋นอึ้ง ชายผู้นี้เหมือนตัวละครจริงๆ
หูเฟิงอวิ๋นหันไปมองไป๋เยี่ย และพบว่าไป๋เยี่ยนั้นค่อนข้างคล้ายกับผู้ชายคนนั้น!
ยิ่งไปกว่านั้น มีอีกคนหนึ่งที่ทำให้หูเฟิงอวิ๋นรู้สึกสนใจ นั่นคือผู้หญิงที่ยืนยิ้มไม่พูดอะไรข้างๆ แม้ว่าเธอจะทำหน้าที่แค่ฝนหมึก แต่สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้นไม่วางตา
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดกี่เพ้าผ้าฝ้าย ทรงผมของเธอถูกจัดทรงอย่างประณีตด้วยปิ่นปักผม
ถ้าคนสองคนนี้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ หูเฟิงอวิ๋นจะไม่สงสัยเลย ทว่าพวกเขากลับอยู่ในหมู่บ้าน
ยิ่งไปกว่านั้น รูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนี้ยังคล้ายไป๋เยี่ย คิ้วและรูปปากของเธอดูเข้ากัน แถมยังเสน่ห์แบบผู้ใหญ่อีกด้วย ทำให้หูเฟิงอวิ๋นนึกถึงคำพูดหนึ่ง ‘ความงามครั้นเยาว์วัยจะยังคงอยู่ตลอดไป‘
เป็นคู่ชายหญิงที่ดูเหมาะสมกันดี!
ขณะที่หูเฟิงอวิ๋นกำลังตะลึงอยู่นั้น ไป๋เยี่ยก็กระแอม “พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้ว!”
ชายคิ้วดาบและหญิงในชุดกี่เพ้าเงยหน้าขึ้นมาทันที พวกเขามองไป๋เยี่ยอย่างประหลาดใจ ชายคนนั้นกำลังจะเอ่ยพูด แต่กลับถูกคนรอบตัวพูดแทรก
“พอแล้ว พอแล้ว เหล่าไป๋ยุ่งมาทั้งวันแล้ว แถมเสี่ยวไป๋ก็เพิ่งกลับมา อย่าเพิ่งไปยุ่งเลย!”
“ใช่! เหล่าไป๋ทำงานหนักมาก”
ผู้หญิงในชุดกี่เพ้าเชิญทุกคนออกไป ไป๋เยี่ยก็เอ่ยขึ้น “พ่อแม่ นี่คือผอ.ของผม คุณป้าหู คุณป้า นี่คือพ่อแม่ของผม”
ผู้หญิงในชุดกี่เพ้ามองหูเฟิงอวิ๋นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เธอทักทายอย่างเป็นมิตรและกล่าวเชิญชวนให้เข้าไปข้างในด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ผอ.หูรีบเข้ามาในบ้านเร็ว ข้างนอกมันหนาว”
“ตงหลิน รับแขกที เดี๋ยวฉันจะไปรินน้ำร้อนให้”
พูดจบหญิงในชุดกี่เพ้าก็เดินเข้ามาในห้อง
ชายคนนั้นจับมือกับหูเฟิงอวิ๋นและกล่าวทักทายว่า “ยินดีต้อนรับ ผอ.หู ฮ่าๆๆ เสี่ยวเยี่ยไม่ได้บอกพวกผมไว้ว่าคุณจะมาที่นี่ ผมชื่อไป๋ตงหลิน เป็นพ่อของไป๋เยี่ย วันนี้ทุกคนอยากให้ผมเขียนกลอนคู่ให้เลยยุ่งๆ จนลืมสั่งอาหารเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เรามากินข้าวด้วยกันดีกว่า”
อย่าว่าแต่คนในหมู่บ้านเลย แม้แต่พวกคนตำแหน่งสูงๆ หรือผู้คนในเมืองก็ยังรู้สึกอึดอัดเมื่อได้เจอกับหูเฟิงอวิ๋น ทว่าการต้อนรับของตระกูลไป๋นั้นกลับทั้งอบอุ่นและจริงใจ แต่พวกเขาไมได้รู้สึกอึดอัดกับหูเฟิงอวิ๋นเลย ตรงข้ามกัน หูเฟิงอวิ๋นกลับรู้สึกสบายใจเพราะพวกเขาวางตัวดี
พูดจบทั้งสองก็ไปที่ห้องนั่งเล่น
การตกแต่งบ้านค่อนข้างเป็นระเบียบ ไม่ฟุ่มเฟือย แต่การจับคู่ของแต่ละชิ้นกลับดูดีมีรสนิยม ห้องเป็นห้องสไตล์จีน ทั้งโต๊ะน้ำชาและโซฟาต่างทำจากไม้มะฮอกกานีทั้งหมด
แม้ว่าบ้านจะดูเหมือนบ้านสองชั้นที่เรียบง่ายเมื่อมองจากภายนอก แต่การตกแต่งภายในบ้านกลับทำให้หูเฟิงอวิ๋นรู้สึกสบายตา
ไม่หรูหรา ไม่เรียบง่ายจนเกินไป ละเอียดอ่อน แต่ไม่ดูปลอมจนเกินไป
เมื่อนั่งลงหูเฟิงอวิ๋นก็กล่าวแนะนำตนเอง “ดิฉันชื่อหูเฟิงอวิ๋น เป็นผอ.ของมหา’ลัยที่ไป๋เยี่ยเรียน แน่นอน ว่าวันนี้ฉันมาที่นี่ในฐานะคุณป้าของไป๋เยี่ย
ไป๋เยี่ยยิ้ม “พ่อ วันนี้คุณป้าหูมีประชุมที่ผิงหยวนพอดีเลยแวะมาส่งผมน่ะ”
ไป๋ตงหลินรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้อยู่แล้ว เมื่อไป๋เยี่ยพูดแบบนี้ เขาก็พลันนึกขึ้นได้!
รองผู้อำนวยการสภาประชาชนมณฑลจิ้นซี
ไป๋ตงหลินค่อนข้างประหลาดใจ คนผู้นี้มีตำแหน่งค่อนข้างสูง เขาจึงไม่ทันตั้งตัว “คุณคือ… ผู้อำนวยการหู!”
หูเฟิงอวิ๋นยิ้ม “อย่าพูดถึงเรื่องนี้ที่บ้านเลย อีกอย่างดิฉันก็ชอบไป๋เยี่ยมากด้วย เลยมองเขาเป็นหลานชายมาตลอด”
แม่ของไป๋เยี๋ยเดินถือถาดกาน้ำชาเข้ามาและรินชาร้อนให้หูเฟิงอวิ๋น
“นี่เป็นชาที่พวกเราปลูกเอง ผอ.หูลองชิมดูสิ”
หูเฟิงอวิ๋นรีบรับถ้วยชามาด้วยมือทั้งสองข้างพลางชำเลืองมองทั้งสองคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุณไม่ต้องเรียกฉันว่าผอ.หู หรือรองผอ.ก็ได้ มันแปลกเกินไป ฉันชอบไป๋เยี่ยมากจริงๆ ปีนี้ฉันอายุห้าสิบหกปี คุณน่าจะอายุน้อยกว่าฉันสักสองสามปี ถ้าไม่ถือสาจะเรียกฉันว่าพี่อวิ๋นก็ได้นะ”
ไป๋ตงหลินยิ้ม “นั่นสินะ…พี่อวิ๋น นี่คือภรรยาของผม เธอบังเอิญแซ่หูเหมือนกันเลย ชื่อก็ต่างกันแค่ตัวอักษรเดียว เธอมีชื่อว่าหูไฉ่อวิ๋น”
หูไฉ่อวิ๋นยิ้ม “พี่อวิ๋น บางทีเราอาจจะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้!”
หูเฟิงอวิ๋นเองก็อึ้ง นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว