ตอนที่ 66 ผมเก่งเรื่องเชือดหมูนะ!
เรื่องโสมซ่างตั่งไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ภายในเวลาวันสองวัน ไป๋เยี่ยจึงพับเรื่องนี้ไปก่อนแล้วกลับไปอ่านหนังสือ
ทว่าจู่ๆ หูไฉ่อวิ๋นก็เอ่ยขึ้น “อ้อ เสี่ยวเยี่ย วันนี้บ้านเหล่าผางเชือดหมูแหละ ไปซื้อเนื้อหมูดำมาสิบจินกับเนื้อไม่ติดมันให้แม่หน่อยสิ”
หลายครอบครัวในหมู่บ้านจะมีคอกหมูของตนเอง พวกเขาเลี้ยงหมูด้วยกับข้าวเหลือๆ และหญ้า เนื้อหมูจึงมีคุณภาพค่อนข้างดีและปลอดภัย
พอถึงช่วงปีใหม่ พวกเขาก็จะเชือดหมูเพื่อนำเนื้อไปขายหารายได้
นี่ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับชาวชนบทเลย ครอบครัวของเหล่าผางมีกิจการฟาร์มหมูขนาดกลางๆ พวกเขาเลี้ยงหมูไว้กว่าร้อยตัวและเป็นผู้จัดจำหน่ายเนื้อหมูให้กับร้านอาหารหลายแห่งภายในตัวอำเภอ
เหล่าผางถนัดเรื่องการค้าขายมาก ช่วงปีใหม่เขาจะให้คนมาเชือดหมูขายให้ชาวบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็ได้รับรายได้จำนวนหนึ่งเช่นกัน
ไม่นานนักไป๋เยี่ยก็มาถึงฟาร์มหมู ชาวบ้านต่างกำลังต่อแถวรอคิวซื้อเนื้อหมูอยู่
ช่วงปีใหม่ ชาวบ้านจะซื้อเนื้อหมูไปตุนไว้ค่อนข้างเยอะ เพราะว่าบรรดาคนที่เดินทางมาเยี่ยมญาติก็คงไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วย แถมช่วงเทศกาลปีใหม่ ร้านขายเนื้อก็มักจะปิด
ไป๋เยี่ยยืนรอด้วยความเบื่อหน่ายจึงชะโงกไปดูคนกำลังเชือดหมู
ทันใดนั้นชายศีรษะโล้นคนหนึ่งก็เดินพุงพลุ้ยมาหาไป๋เยี่ยก่อนจะเอ่ยขึ้น “เสี่ยวเยี่ยเองสินะ! โตขึ้นมากเลย! กำลังเรียนหมออยู่เหรอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าลงพลางส่งยิ้ม “ดีครับลุงผาง! ขายดีมากเลยนะครับเนี่ย”
เหล่าผางหัวเราะ “ไม่ได้เรียนหนังสือดีๆ ก็ต้องทำมาหากินด้วยวิธีแบบนี้แหละ แต่ก็คงเก่งสู้พวกเด็กมหา’ลัยไม่ได้หรอก! จริงสิ เสี่ยวเยี่ย ตอนเรียนเคยทดลองฆ่าหมูบ้างไหมล่ะ!”
ไป๋เยี่ยหัวเราะตอบ “กระต่ายก็ฆ่ามาเยอะอยู่ครับ หนูก็ด้วย แต่หมูนี่ยังไม่เคยแฮะ”
จู่ๆ เหล่าผางก็เลิกคิ้วขึ้น “ตามลุงมานี่ ลุงจะพาไปดูส่วนต่างๆ ของหมู เผื่อว่าจะพอเป็นตัวช่วยให้กับพวกนักศึกษามหา’ลัยได้บ้าง!”
ไป๋เยี่ยเองก็กระเหี้ยนกระหือรืออยู่พอตัว จึงเดินตามเหล่าผางเข้าไปด้วยความตื่นเต้น
ภายในห้องมีคนสองคนกำลังเชือดหมู พวกเขาถ่ายเลือดออกจากตัวหมูแล้วจึงโกนขนออก…จากนั้นก็เริ่มชำแหละเครื่องในแต่ละส่วนออกมา
เหล่าผางยื่นมีดชำแหละหมูมาให้ไป๋เยี่ย “มาสิ เสี่ยวเยี่ย ลองผ่าดู!”
ไป๋เยี่ยรับมีดมาโดยมีคนเชือดหมูคอยชี้แนะอยู่ด้านข้าง “นี่นักศึกษา เสียบมีดเข้าไปในตัวหมู แล้วเริ่มผ่าจากตรงนั้นออกมา ต้องใช้แรงหน่อยนะ เพราะว่าตรงนั้นน่ะเป็นซี่โครง ระวังมีดติดด้วยล่ะ”
ไป๋เยี่ยทำตามคำแนะนำของคนเชือดหมู เขาเสียบมีดเข้าไป แต่เพราะยังกะแรงได้ไม่ดีนักจึงเสียบไม่เข้า
ทุกคนหัวเราะลั่น ในขณะที่ไป๋เยี่ยได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้น
หมูตัวนี้ถูกถ่ายเลือดออกไปแล้ว เหลือแค่เอาเครื่องในออกมาเท่านั้น ยิ่งนำไปแช่ไว้ในน้ำก็ยิ่งชำแหละง่ายขึ้น คราวนี้ไป๋เยี่ยจับมีดให้แน่นกว่าเดิม จนในที่สุดก็เสียบมีดเข้าไปได้แล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มผ่าท้องหมูออก!
ต้องใช้แรงเยอะมาก!
คนเชือดหมูทั้งสองคนต่างก็คอยช่วยเหลือไป๋เยี่ย เมื่อผ่าท้องหมูออกแล้วไป๋เยี่ยก็เห็นเครื่องในต่างๆ ของหมู
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ นำเครื่องในออกมาทีละชิ้น ไป๋เยี่ยมองหัวใจหมูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อก่อนเขาเคยเห็นแต่แบบจำลองหัวใจ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหัวใจของจริง แม้ว่ามันจะเป็นหัวใจหมูก็ตาม
เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมงแล้ว
ไป๋เยี่ยรู้สึกทึ่งเมื่อสัมผัสได้ว่าทักษะบางอย่างของเขากำลังอัปเลเวล!
[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชากายวิภาคศาสตร์ถึงเลเวล 2: 1/5000]
น…นี่เราก็ใช้เวลาไปสักพักเลยนะ
หลังจากที่อ่านหนังสือมาหลายวัน เลเวลวิชากายวิภาคศาสตร์ของไป๋เยี่ยก็มีค่าประสบการณ์อยู่ที่เลเวล 1: 2900/3000 แต่นี่แค่สองชั่วโมงค่าประสบการณ์ก็ขึ้นมาตั้งหนึ่งร้อยแต้ม!
ค่าประสบการณ์ที่ได้จากการอ่านหนังสือวิชากายวิภาคศาสตร์นั้นน้อยกว่าที่ได้จากการลงมือปฏิบัติจริงๆ อยู่มาก
ถึงแม้ว่าจะเป็นหมูก็ตาม แต่กลไกร่างกายต่างๆ ก็พอจะเชื่อมโยงกับร่างกายของมนุษย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเยื่อหรือโครสร้างต่างๆ
ทว่าจู่ๆ ไป๋เยี่ยก็ชะงักไป!
ระบบ…จะให้ผมเชือดหมูจริงดิ
ไป๋เยี่ยเดาะลิ้น ให้ตายเถอะ นี่เราทำอะไรอยู่ ทั้งเลี้ยงหนู ทั้งเชือดหมู เราฝันอยากเป็นหมอไม่ใช่เหรอ!
ช่างมันละกัน!
สิ่งสำคัญคือเราได้อัปเลเวล ไหนๆ วันที่ห้าก็ต้องไปหน่วยทดลองของโนเบลที่ปักกิ่งแล้ว อัปเลเวลได้เท่าไหนก็อัปไปก่อนแล้วกัน!
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็คว้าเสื้อกาวน์สีขาวที่แขวนอยู่บนผนังมาสวม ก่อนจะหันไปยิ้มให้เหล่าผาง “ลุงผาง ผมอยากเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากที่นี่ ผมคิดว่ามันต้องคุ้มค่ามากแน่ๆ!”
เหล่าผางได้ฟังก็พลอยยิ้มไปด้วย “ได้สิ! แต่ระวังมีดบาดมือด้วยนะ!”
กว่าไป๋เยี่ยจะกลับบ้านก็สองทุ่มแล้ว นอกจากเนื้อหมูสิบจินแล้ว เขายังนำเครื่องในหมูบางส่วนกลับมาชำแหละต่อด้วย!
เช้าวันต่อมา ไป๋เยี่ยตื่นแต่เช้า เขาสวมเสื้อผ้าเก่าๆ และรีบตรงไปที่ฟาร์มหมูที่ยังไม่เปิด
แต่ตอนนี้ก็มีชาวบ้านบางคนนำหมูมาเชือดที่นี่แล้ว โดยมีคนเชือดหมูทั้งสองคนคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ด้วย
ไป๋เยี่ยมาถึงพอดี เขาไม่สนใจขั้นตอนเชือด ถ่ายเลือด โกนขนใดๆ แต่กลับเข้าไปชำแหละเครื่องในหมูส่วนต่างๆ บนเขียงก่อน เครื่องในหมูเหล่านี้ถูกชำแหละไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีหลายส่วนที่ยังไม่ได้ผ่าออกมา
ไป๋เยี่ยยกมีดขึ้นแล้วค่อยๆ ผ่ากระดูกออกจนเห็นเนื้อเยื่อและเส้นเอ็นที่เชื่อมติดกันไว้อย่างชัดเจน
ในสมัยโบราณ หมอกระดูกส่วนใหญ่มักทำอาชีพเลี้ยงแพะ เพราะว่าพวกเขาจะลองจัดกระดูกของแพะก่อนที่จะไปลองกับคน
ซึ่งไป๋เยี่ยเองก็กำลังทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน!
วันนี้ไป๋เยี่ยเริ่มลงมือทันทีที่สวมเสื้อกาวน์ เขาจัดการชำแหละหมูที่ถูกผ่าท้องเอาเครื่องในออกด้วยตัวคนเดียว
วันนี้เขาทำได้ดีกว่าเมื่อวานเสียอีก การเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น
ไป๋เยี่ยไม่ลังเลที่จะใช้แคปซูลเร่งค่าประสบการณ์สิบเท่า เขาไม่ได้พักผ่อนเลยทั้งเช้าเพราะคิดว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ
เขากลืนแคปซูลเร่งค่าประสบการณ์สิบเท่าลงไป และได้รับค่าประสบการณ์จำนวนสองหมื่นแต้มภายในระยะเวลาเพียงห้าชั่วโมง
แม้ว่าจะใช้แคปซูลเร่งค่าประสบการณ์แล้ว แต่ความเร็วในการเร่งค่าประสบการณ์นั้นก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานสักเท่าไหร่
เมื่อวานเขาได้รับค่าประสบการณ์ชั่วโมงละห้าสิบแต้ม ทว่าวันนี้เขากลับได้แค่สี่สิบแต้มต่อชั่วโมงเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นไป๋เยี่ยก็พอใจกับมันมากแล้ว
ตอนเที่ยง ไป๋เยี่ยก็ยังไม่กลับบ้าน เขาโทรศัพท์หาคนที่บ้านบอกว่าจะกินข้าวเที่ยงที่โรงเชือดหมูแล้วเตรียมทำงานต่อ
ไป๋เยี่ยคิดว่าตนเองได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเชือดหมูไปแล้ว!
ตกบ่าย ไป๋เยี่ยรู้สึกเข้าใจเรื่องหมูมากขึ้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดว่าตนเองเชือดหมูเก่งเท่าคนเชือดหมูสองคนนั้นแต่อย่างใด
ฝีมือของเขายังห่างชั้น ทว่าเขาก็ได้ความรู้วิชากายวิภาคศาสตร์จากการเชือดหมูมาเยอะ
หลังจากนั้นไป๋เยี่ยก็ไม่ได้ทำหน้าที่เชือดหมูแล้ว เขาเริ่มสังเกตเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ แทน
วันที่สาม ไป๋เยี่ยใช้เวลาทั้งวันในโรงเชือดหมู เขาศึกษาโครงสร้างของเส้นเลือดและแนวเส้นประสาทอย่างละเอียด
และด้วยผลของทักษะ ‘รวบรวมสมาธิ’ นั้นทำให้ไป๋เยี่ยจดจ่อกับโครงสร้างเล็กๆ ในอวัยวะต่างๆ ได้
ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นของหลอดเลือด โครงสร้างเนื้อเยื่อของไต ห้องหัวใจ ถุงลมในปอด ฯลฯ…
ไป๋เยี่ยจมอยู่ในความรู้เหล่านั้นแล้ว