ตอนที่ 81 รางวัลสำเร็จภารกิจ
ปกติแล้ว สำนักพิมพ์วารสารเจ้าใหญ่อย่าง ‘เซลล์’ จะมีทีมงานไว้ตรวจสอบโดยเฉพาะ โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบบทความตั้งแต่การส่งบทความจนถึงขั้นตอนการตีพิมพ์ทั้งสิ้นสามเดือน และบรรณาธิการจะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบต้นฉบับแรก จากนั้นจึงส่งต่อไปยังทีมงานตรวจสอบ หากบรรณาธิการคนอื่นๆ ให้ผ่านเกินหกสิบเปอร์เซ็นต์ ก็จะถือว่าบทความนั้นผ่าน แล้วจะเริ่มกำหนดการเขียนต้นฉบับสำหรับการตีพิมพ์ขึ้น
ทว่าทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ คาร์ลทำงานในฝ่ายบรรณาธิการของ ‘เซลล์’ มาได้เจ็ดแปดปีแล้ว เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่รับผิดชอบหัวข้อเกี่ยวกับการแพทย์ เขาจึงมีสิทธิ์นี้!
ไป๋เยี่ยเปิดดูอีเมล์ นี่เป็นหนังสือรับรองตีพิมพ์ผลงานฉบับแรกของเขา มันทำให้เขาตื่นเต้นเล็กน้อย!
แต่เมื่อเขาเลื่อนสายตาไปยังกำหนดการตีพิมพ์ กำลังใจของเขาก็ดันฝ่อลงเสียอย่างนั้น
‘มีกำหนดการตีพิมพ์ในวารสารประจำเดือนกันยายน 2017…’
กันยายนนี้…หมายความว่าอีกแค่หกเดือนงั้นเหรอ แล้วภารกิจของเราล่ะ
ไป๋เยี่ยกังวลกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะว่าภารกิจให้เวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ซึ่งไป๋เยี่ยเองก็ไม่แน่ใจว่าการได้รับหนังสือรับรองนี่ถือว่าสำเร็จภารกิจแล้วหรือยัง
คิดได้ดังนั้น ความสับสนก็เกิดขึ้นในใจของไป๋เยี่ย ทว่าเดซี่ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าไป๋เยี่ยกำลังคิดอะไรอยู่
ไป๋เยี่ยจึงจำเป็นต้องเอ่ยปากอธิบาย “คือว่าผมจะสมัครสอบเรียนต่อระดับปริญญาโทรอบที่สองในเดือนเมษายนครับ ถ้าบทความนี้ได้ตีพิมพ์เร็วกว่านี้มันอาจจะช่วยผมในการสอบเข้าได้ครับ!”
เดซี่ชะงัก เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “ถ้าเซลล์รับรองบทความของคุณแล้ว คุณก็อาจจะไม่ต้องเรียนต่อปริญญาโทอีกก็ได้ อย่างน้อยนี่ก็เป็นธีสิสจบ MD (แพทยศาสตร์บัณฑิต) ได้เลยนะ!”
“อีกอย่าง…สำหรับวารสารชั้นนำอย่าง ‘เซลล์’ น่ะ นี่ถือว่าเขาให้เกียรติคุณมากนะถึงมีกำหนดการตีพิมพ์บทความของคุณภายในครึ่งปีนี้น่ะ ทั้งที่ปกติแล้วจะมีกำหนดการประมาณหนึ่งปีด้วยซ้ำ แค่ขั้นตอนการตรวจสอบก็ปาไปสามถึงหกเดือนแล้ว!”
“จริงๆ แล้ว นอกจาก ‘เซลล์’ ก็คงไม่มีวารสารเจ้าใหญ่ๆ เจ้าไหนคิดจะตีพิมพ์บทความอะไรก็ตีพิมพ์เลยหรอกนะ เว้นแต่ว่าจะเป็นกรณีพิเศษ!”
เดซี่ชี้ไปที่โน้ตบุ๊กของเธอ “พูดตามตรงนะ…คุณควรจะลองดู เพราะนี่มันก็เป็นโอกาสนะ!”
ไป๋เยี่ยหันไปตามเสียงของเดซี่ก่อนจะเห็นชื่อสถาบันที่ตัวเขากำลังสังกัด ‘สถาบันโรคมาลาเรีย ถูโยว ภายใต้การควบคุมของสถาบันวิจัยทางการแพทย์แผนจีนแห่งชาติ’
ใช่แล้ว ชื่อสถาบันที่เขากำลังสังกัดก็คือ สถาบันวิจัยของถูโยว ซึ่งที่ปรึกษาของเขาก็คือถูโยวนั่นเอง!
บุคคลที่ได้ขึ้นปกวารสาร ‘เซลล์’ จะเป็นใครได้นอกจากถูโยว!
(ในการเขียนบทความ นอกจากจะต้องมีการวิเคราะห์หัวข้อและแหล่งข้อมูลที่นำมาใช้อ้างอิงแล้ว ยังต้องมีชื่อผู้เขียนและชื่อของสถาบันด้วย ผู้เขียนมีได้หลายคน ไม่ว่าจะเป็น ผู้เขียนคนแรก ผู้เขียนร่วมกัน ผู้เขียนคนที่สอง และคนที่สาม…และอาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา โดยจะถือว่าทั้งผู้เขียนและผู้ให้คำปรึกษามีฐานะเทียบเท่ากัน!)
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกดเบอร์ลงบนโทรศัพท์ “สวัสดีครับคุณคาร์ล ผมไป๋เยี่ย”
คาร์ลรับโทรศัพท์ทันทีราวกับว่าคิดไว้อยู่แล้ว “อ่า ผมเพิ่งส่งหนังสือรับรองไปให้คุณผ่านอีเมล์ คุณได้รับหรือยัง”
ไป๋เยี่ยตอบรับ “ผมได้รับแล้วครับ แต่ว่า…คุณพอจะตีพิมพ์บทความของผมล่วงหน้าได้ไหม คือว่าผมจะสอบเรียนต่อปริญญาโทรอบสองในเดือนเมษาน่ะ ผมคงจะต้องใช้วารสารทั้งสองเล่มนี้…คุณพอจะช่วยผมหน่อยได้ไหม”
ไป๋เยี่ยรู้ดีว่าการจะตีพิมพ์วารสารบางอย่างล่วงหน้านั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะวารสารที่มีกำหนดการตีพิมพ์ในเดือนนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อบทความหรือประกาศก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
คาร์ลเงียบไป ทำเอาไป๋เยี่ยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ตามไปด้วย
ผ่านไปพักหนึ่ง จู่ๆ คาร์ลก็พูดขึ้น “ปกติเราจะไม่ทำแบบนั้น แต่ว่าครั้งนี้คุณมีผมเป็นบรรณาธิการ เพราะฉะนั้นจงดีใจเถอะครับที่คุณเป็นคนเขียนบทความเกี่ยวกับสารอาร์เทแอนนิวอิน แถมฉบับนี้ยังเอารูปศาตราจารย์ถูโยวขึ้นปกอีกด้วย!”
“โอ้พระเจ้า ทั้งที่ปรึกษาและชื่อสถาบันของคุณก็เป็นชื่อถูโยวนี่นา…บังเอิญจัง”
ไป๋เยี่ยสัมผัสได้ถึงความเสแสร้งในน้ำเสียงของคาร์ล…เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเพิ่งรู้!
ทันใดนั้นคาร์ลก็เงียบไป “แต่ว่า…ถ้าคุณตกลงทำตามข้อเสนอของผมหนึ่งข้อ ผมจะช่วยคุณเอง!”
ไป๋เยี่ยเบิกตากว้าง “ข้อเสนออะไรครับ”
คาร์ลกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงด้วยเลศนัย “คุณวิเคราะห์ข้อมูลเก่งมากสินะ ผมมีข้อมูลทดลองไว้ให้คุณช่วยวิเคราะห์ คุณพอจะช่วยผมได้ไหม แน่นอนว่าคุณจะไม่เสียแรงฟรีแน่นอน ต่อไปผมจะตีพิมพ์วารสารของคุณล่วงหน้าเลย! แล้วก็แน่นอน ผมจะตรวจสอบคุณภาพงานของคุณไว้เป็นหลักฐานนะ”
ไป๋เยี่ยชะงัก อย่างนี้นี่เอง แค่ให้วิเคราะห์ข้อมูลเนี่ยนะ
แต่ว่า…ทำแล้วจะได้ประโยชน์จริงๆ เหรอ
‘เซลล์’ เป็นวารสารชื่อดังเลยนะ! ใครจะกล้าปฏิเสธข้อเสนอดีๆ แบบนี้เล่า! ปฏิเสธก็โง่แล้ว!
การที่วารสารเจ้าดังเห็นความสำคัญถือเป็นเรื่องดีที่มากๆ!
หลังจากที่ทั้งคู่เจรจากันจนได้ข้อสรุปว่าทางสำนักพิมพ์จะตีพิมพ์บทความของไป๋เยี่ยภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ยอมรับข้อเสนอของกันและกันได้
ไป๋เยี่ยได้รับข้อมูลติดต่อจากชายคนนั้นมา จึงได้รู้ว่าเขามีชื่อว่า ‘คาร์ล แทรปสตัน’
แม้ว่าจะวางสายไปแล้ว แต่ไป๋เยี่ยก็ยังคงไม่อยากเชื่อสายตาตนเองว่า ‘เซลล์’ คือวารสารชั้นนำของโลกที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกับ ‘วิทยาศาสตร์’ และ ‘ธรรมชาติ’!
มันให้ความรู้สึกชวนฝันนิดหน่อย…
ทำไมมันถึงง่ายขนาดนี้ล่ะ! แต่ช่างเถอะ หยุดคิดถึงมันแล้วพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนดีกว่า
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ไป๋เยี่ยแทบจะทำงานอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าบางทีเขาจะง่วงแต่สุดท้ายเขาก็มีเวลาพักผ่อนไม่ถึงห้าชั่วโมงต่อวัน คงไม่มีใครบ้าโหมงานขนาดนี้หรอก!
ไป๋เยี่ยบอกลาเดซี่แล้วกลับหอพักของตนเองไปอาบน้ำแล้วจึงฟุบหลับไปกับเตียงทันที
เขาตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายของวันต่อมาด้วยความหิว เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาตื่นมาพร้อมความหิวขนาดนี้ก็คือตอนที่เขากำลังเตรียมตัวสอบเรียนต่อปริญญาโท แค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว
ทันทีที่เขาลุกขึ้นก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ:
[ติ๊ง! สำเร็จภารกิจขั้นต้น: ทำความเข้าใจสารอาร์เทแอนนิวอินโดยการเข้าหาถูโยว ภารกิจสำเร็จลุล่วง คะแนนไอเอฟของวารสารคือ 30.219 คะแนน จำนวน 2 บทความ คะแนนสำเร็จภารกิจ 95 คะแนน ได้รับแต้มสมาชิก 30 แต้ม ได้รับโอกาสจับรางวัล 3 ดาวจำนวน 2 ครั้ง]
ไป๋เยี่ยเห็นดังนั้นก็ดีใจมาก! สามสิบแต้มงั้นเหรอ ตอนนี้ฉันมีแต้มสมาชิกอยู่สองร้อยเจ็ดสิบแต้ม ถ้ามีอีกสามสิบคะแนนแบบนี้…ฉันก็อัปเลเวลสมาชิกได้แล้วนี่นา!
ไป๋เยี่ยไม่ได้นึกถึงค่าธรรมเนียมสามหมื่นหยวนเลย เพราะว่าตอนนี้เขามีเงินในบัตรกว่าหนึ่งล้านหยวน
ตั้งแต่ที่เข้ามหาวิทยาลัยมาจนถึงตอนนี้ พ่อแม่จะโอนเงินเข้าบัตรของไป๋เยี่ยเดือนละสามพันหยวน ซึ่งไป๋เยี่ยก็จัดการกับเงินส่วนนั้นได้ดีมาก
[ติ๊ง! สมาชิกที่เคารพ คุณได้บรรลุเงื่อนไขการอัปเกรดเลเวลสมาชิกแล้ว และจะได้รับการอัปเลเวลเป็นวีไอพี 3 ในเดือนหน้า]
ไป๋เยี่ยรู้อยู่แล้วว่าเขาจะได้อัปเลเวลเดือนหน้า แต่อย่างไรเสียนี่ก็สิ้นเดือนแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องรีบ
ไป๋เยี่ยนั่งกินข้าวอย่างสบายใจ พลันนึกถึงรางวัลขึ้นมาทันใด
พอเปิดหน้าจอขึ้นมาดู เขาก็พบว่าตอนนี้เขามีโอกาสจับรางวัลทั้งหมดสามครั้ง
รางวัลสองดาวและสามดาวสองครั้ง
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขากำลังคิดว่าเขาควรจะลองเสี่ยงจับรางวัลสองดาวก่อนว่าเขาจะจับได้ของดีบ้างหรือไม่
[ติ๊ง! จับรางวัลสำเร็จ ยินดีด้วย คุณได้รับโหมดสวมร่างเด็กเรียน x3 วัน]
มันก็ดีอยู่หรอก แต่ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น
มาอีก!
[ติ๊ง! จับรางวัลสำเร็จ ยินดีด้วย คุณได้รับ ‘ไอเดีย’ x1 แจ้งเตือน: สิ่งนี้จะช่วยสร้างโอกาสมหัศจรรย์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้พบกับแสงสว่างท่ามกลางความสับสน แสงหิ่งห้อยในราตรีอันมืดมิด ดวงดาราทอแสงสว่างไสวบนท้องฟ้ายามรัตติกาลจะนำทางคุณเอง]
[ติ๊ง! จับรางวัลสำเร็จ ยินดีด้วย คุณได้รับค่าประสบการณ์วิชาเภสัชวิทยา 10000 แต้ม]
ไป๋เยี่ยถอนหายใจ สิ่งที่เขาได้มานั้นยังไม่น่าพอใจสักเท่าไหร่ เขาได้โหมดเด็กเรียนมาสามวันกับค่าประสบการณ์วิชาเภสัชวิทยาหนึ่งหมื่นแต้ม แต่ว่า…‘ไอเดีย’ ที่ว่านี่คืออะไรกัน
เมื่อไป๋เยี่ยเห็นข้อความแจ้งเตือนเขาก็พอเดาได้ว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นไอเท็มที่ช่วยทำให้เขาปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมาได้ เหมือนกับเมื่อไม่กี่วันก่อนที่จู่ๆ เขาก็นำแนวคิดด้านการแพทย์แผนจีนมาใช้ในการแก้ปัญหาสถิติอย่างชาญฉลาด
บางทีสิ่งนี้อาจจะช่วยทำให้เขาเจอหลักฐานใหม่ๆ ก็ได้!
พอคิดเช่นนั้น ไป๋เยี่ยก็รู้สึกว่าเขาได้รับกำไรก้อนโต!
ความสำเร็จต้องอาศัยความเพียรพยายามเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ และพรสวรรค์อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ทว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ว่านั่นกลับเป็นสิ่งที่หายากยิ่งกว่า!
แต่ไป๋เยี่ยรู้ว่าเขาจะไปตามหาหนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้นได้จากที่ไหน!
‘ไอเดีย’ นี่จะต้องเป็นยอดขุมทรัพย์แน่นอน!
แต่น่าเสียดายที่มันใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น!
ไป๋เยี่ยเหลือบไปเห็นว่าค่าประสบการณ์วิชาเภสัชวิทยาของเขาเพิ่มถึงเลเวล 4: 25010/30000 แล้ว
แปลว่าเราใกล้จะอัปเลเวลห้าแล้วสินะ!
เภสัชวิทยา คือ สาขาวิชาที่ศึกษาการตอบสนองต่อยาของร่างกายมนุษย์ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ยาจีนโบราณเจาะตลาดฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกาไม่ได้ก็เพราะว่ายาจีนนั้นมีส่วนผสมที่ไม่ชัดเจน ระบุฤทธิ์ที่แท้จริงของยาไม่ได้ ทำให้ไม่ทราบว่าตัวยาทำปฏิกิริยาอย่างไรกับร่างกายของมนุษย์