ตอนที่ 104 ปรมาจารย์แห่งความคลุ้มคลั่ง
หลังจากที่ใช้เวลาศึกษากว่าสามวันสามคืน ในที่สุดไป๋เยี่ยก็เข้าใจแนวคิดของเฮ่ออัน
เขาศึกษาบทความทั้งในประเทศและต่างประเทศของเฮ่ออัน ค้นหาหนังสือที่เฮ่ออันเป็นคนเรียบเรียงจากในอินเทอร์เน็ตจนร่างแนวคิดของเฮ่ออันออกมาได้อย่างเป็นระบบ
ไป๋เยี่ยรู้สึกผ่อนคลายกับการสัมภาษณ์มากขึ้น เขาเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นไว้แล้ว ที่เหลือก็ให้เป็นไปตามยถากรรม เขาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและยอมรับในผลลัพธ์ที่ได้ เขาได้ทำสิ่งที่ควรทำแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับเฮ่ออันแล้วละ
ไป๋เยี่ยทำเครื่องหมายไว้ท้ายรายการแต่ละอย่างที่เขาจดไว้ ขาดแค่เวชระเบียนเท่านั้น
การทำเวชระเบียนขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการสื่อสารกับผู้ป่วยเป็นหลัก แม้ว่าจะอ่านรูปแบบการเขียนมาเยอะ แต่ถ้าไม่ลองไปทำจริงๆ ในวอร์ดก็คงหวังผลยาก
ไป๋เยี่ยจึงตั้งใจจะลองดูสักตั้ง เขาไปโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้นและวิ่งวุ่นไปที่แต่ละแผนกที่เกี่ยวข้อง เมื่อแพทย์รับผู้ป่วยเคสใหม่เข้ามา ไป๋เยี่ยก็จะเดินถือปากกาและสมุดจดตามหลังไปด้วย
ไป๋เยี่ยสลับเวียนไปแต่ละแผนกทุกวัน จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดไป๋เยี่ยก็เวียนครบทุกแผนกที่เกี่ยวกับการสอบรอบสอง
เขาบันทึกสิ่งที่แต่ละแผนกให้ความสำคัญ พร้อมกับระลึกไว้ในใจเสมอว่าถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้ถามอาจารย์ ไม่ก็เข้าไป๋ตู้ หรือหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม
วันที่เก้า เมษายน วิชาการวินิจฉัยโรคทางการแพทย์แผนปัจจุบันของไป๋เยี่ยก็เพิ่มขึ้นเป็นเลเวลสาม
การลงมือปฏิบัติและศึกษาค้นคว้าโดยมีจุดมุ่งหมายอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีพัฒนาตนเองที่เร็วที่สุด!
หลังจากที่ตั้งใจศึกษาอยู่สองสามวัน ไป๋เยี่ยก็รู้สึกว่าเขาเริ่มวินิฉัยอาการป่วยได้แม่นยำขึ้นบ้างแล้ว แม้ว่าจะไม่ถูกต้องทั้งหมดก็ตาม ทั้งยังเขียนเวชระเบียนได้ครอบคลุมและครบถ้วนมากขึ้นอีกด้วย
ทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น!
ไป๋เยี่ยต้องลงทะเบียนกับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อในวันที่สิบสี่ และไปตรวจร่างกายในวันที่สิบห้า
ไป๋เยี่ยจึงจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมล่วงหน้าตั้งแต่วันที่สิบสาม เพราะเขาจะต้องอยู่ที่นั่นอีกหลายวัน การหาโรงแรมในละแวกเดียวกันก็น่าจะเหมาะสมที่สุด
หลายวันมานี้ไป๋เยี่ยยุ่งมาก ส่วนพ่างจื่อก็เอาแต่วิ่งวุ่นไปทั่วจนแทบไม่ได้เจอกันเลย
ไป๋เยี่ยเองก็ไม่รู้ว่าพ่างจื่อกำลังยุ่งกับอะไร นี่ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ไป๋เยี่ยจึงตั้งใจจะลุกออกไปกินข้าว ทว่าจู่ๆ พ่างจื่อก็ผลักประตูเข้ามา
เจ้าหมอนี่วิ่งหน้าระรื่นมาเชียว ไม่รู้ไปเจอสาวที่ไหนมา
พ่างจื่อโผเข้ากอดพร้อมกับจูบแก้มไป๋เยี่ย!
ไป๋เยี่ยตกใจจนหลบไม่ทัน ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกพัดหายไปกับสายลม…เหลือเพียงน้ำตาที่ร่วงหล่นประหนึ่งใบไม้ในสารท ชดใช้ความบริสุทธิ์ของแก้มฉันมาซะดีๆ ไอ้บ้านี่!
พ่างจื่อพูดกับไป๋เยี่ยด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยจื่อ ฉันมีข่าวดีมากบอก! ฮ่าๆ…นายโคตรเจ๋งเลยเพื่อน!”
“ดูนี่ๆ! มีคนดังมากดไลก์ให้นายตั้งหลายคน! ดูสิ…มีแต่คนเก่งๆ กดรีแอคให้นาย”
ไป๋เยี่ยลองเข้าไปดูและพบว่ามีคนแท็กเขามาหลายคน มีคนแห่มาคอมเมนต์เต็มไปหมด และที่สำคัญ คนพวกนี้ไม่รรมดาเอาซะเลย!
ทั้งปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนอย่างจางเสวียเวิ่น สวี่โฮ่วเต้า และหลีว์จิ่งเทียน…
แต่ละคนที่ติดท็อปคอมเมนต์มีแต่ปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนทั้งนั้น ทำเอาไป๋เยี่ยตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!
[พระเจ้า นี่มันยอดปรมาจารย์ตัวจริงเสียงจริงนี่นา ก้มกราบด้วยสีหน้าจริงจัง.jpg อาจารย์ยังรับศิษย์อยู่ไหมครับ]
[ชื่นชมและเคารพมานานมาก ว่าแต่ปรมาจารย์เขาเล่นเวยป๋อกันด้วยเหรอ]
[เหอะๆ ทำไมแอคเคาท์ของเหล่าปรมาจารย์ถึงเพิ่งสร้างเมื่อไม่นานมานี้ล่ะ ของปลอมหรือเปล่า]
[ปลอมบ้านแกสิ! ไม่เห็นเหรอว่าเวยป๋อรับรองแล้วว่าเป็นตัวจริงน่ะ]
ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึง แม้แต่ปรมาจารย์ก็เอากับเขาด้วยเหรอ
จางเสวียเวิ่น [เป็นการอธิบายที่ใช้คำง่ายๆ ทำให้เข้าใจถึงแก่นแท้ได้ง่ายมาก เป็นการบรรยายแนวคิดพื้นฐานที่หาฟังได้ยากจริงๆ ผมคิดว่าควรจะมีการเรียบเรียงและตีพิมพ์ลงในหนังสือนะ]
สวี่โฮ่วเต้า [ใช้หลักการที่ง่ายที่สุดในการอธิบายสิ่งที่ยากที่สุดโดยยังคงวัตถุประสงค์เดิมไว้ได้ เยี่ยมมาก! เหล่าจางพูดถูก เรานำไปใช้เป็นสื่อการสอนเกี่ยวกับพื้นฐานของการแพทย์แผนจีนและนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือสำหรับผู้ที่ต้องการค้นคว้าหรือหาหนังสือนอกเวลาได้]
คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าเหล่าปรมาจารย์ไม่ออกมาคอมเมนต์ แต่พอพวกเขาออกมาที เหล่าแฟนคลับก็เริ่มตามน้ำตามพวกเขาไปทันที
[เขียนหนังสือเถอะไป๋เยี่ย! ฉันจะซื้อ!]
[ฉันสนใจการแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่เด็ก อยากค้นคว้ามันเป็นงานอดิเรก แต่มันเป็นอะไรที่เริ่มต้นยากมากจริงๆ พอได้ดูคลิปแล้วก็กระจ่างเลย ทำเป็นหนังสือเถอะ จะได้ชี้ทางสว่างให้พวกเรา]
[ลงหนังสือเถอะ… ฉัน…จะซื้อสามเล่มเลย!]
พ่างจื่อเปิดอินบ็อกซ์ให้ไป๋เยี่ยอ่าน “ดูนี่ มีคนพร้อมจ่ายด้วยนะ!”
[สวัสดี คุณไป๋เยี่ย ผมหยางจวิน เป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์หนังสือแพทย์ทหาร ผมหวังว่าจะได้ร่วมตีพิมพ์หนังสือกับคุณนะครับ]
[สวัสดี คุณไป๋เยี่ย ฉัน xx บรรณาธิการของสำนักพิมพ์ xx หวังว่าจะได้ร่วมงาน…]
มีสำนักพิมพ์หลายเจ้าเข้ามาชักชวนให้ไป๋เยี่ยไปตีพิมพ์หนังสือกับสำนักพิมพ์ตนเอง
หรือบางเจ้าก็ต้องการซื้อลิขสิทธิ์ไปเลย
ไป๋เยี่ยแทบไม่อยากเชื่อ…เขาก็แค่ไปบรรยาย…แต่กลับมีปัญหาตามมามากมายขนาดนี้ ดูเหมือนว่าการเป็นคนดีหรือคนมีชื่อเสียงมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกขึ้นได้ว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาใน ‘กลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้’ ก็กำลังพูดถึงการสมัครเวยป๋อไปกดไลก์อะไรบางอย่างเหมือนกัน
ไป๋เยี่ยลองกดเข้าไปในโมเมนต์แล้วก็ต้องพบกับเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ
สวี่โฮ่วเต้า: [สมัครเวยป๋อแล้ว ไลก์โพสต์แรกกันหน่อย]
โดยที่ใต้โพสต์มีจางเสวียเวิ่น เซียวฮั่นซี หลีว์จิ่งเทียนและคนอื่นๆ กดไลก์…
ไป๋เยี่ยถึงกับผงะ ยอดปรมาจารย์เขาเล่นอะไรแบบนี้กันด้วยเหรอ
“เยี่ยจื่อ ลองโพสต์ดูสิ คนเขารอกรี๊ดนายขนาดนี้ แถมยังมียอดปรมาจารย์ช่วยปั่นกระแสอีก โพสต์อะไรสักอย่างเถอะน่า”
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาคิดว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้ มันดูไม่เหมาะสมเอาเสียเลย ทว่าเขาก็ตัดสินใจแก้ไขข้อความที่ร่างไว้แล้วกดโพสต์ทันที [ผมกำลังเตรียมตัวสอบเข้าป.โทครับ ทุกคนวางใจได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะลองหาเวลาจัดการเรื่องหนังสือดู ขอบคุณทุกกำลังใจจากอาจารย์และเพื่อนๆ นะครับ…]
อันที่จริงไป๋เยี่ยก็มีแบบร่างบทบรรยายอยู่กับตัวแล้ว เขาเคยลองร่างภาพคร่าวๆ ไว้บนกระดาษเอสี่ก่อนจะขึ้นบรรยาย
ขั้นตอนการเรียบเรียงและการสรุปน่าจะเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานาน ไป๋เยี่ยไม่อยากให้มันเข้ามากระทบกับการสอบมาก ดังนั้นเขาจึงกะว่าจะรอให้สอบเสร็จก่อน
จางเสวียเวิ่นรีโพสต์คลิปดังกล่าวและดึงดูดให้มีแฟนคลับเข้ามาติดตามไป๋เยี่ยมากขึ้น จนตอนนี้แอคเคาท์ไป๋หั่วหวาก็มีผู้ติดตามราวๆ เก้าหมื่นคนแล้ว
รางวัลสำหรับภารกิจรับหน้าที่เป็นอาจารย์นั้นจะอิงตามผลการสอน ยิ่งผลการสอนออกมาดีรางวัลก็ยิ่งมากขึ้น และไป๋เยี่ยเองก็คิดว่าเขาคงจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากแน่นอน!
พอนึกถึงรางวัลที่จะได้รับหลังทำภารกิจเสร็จสิ้น ไป๋เยี่ยก็รู้สึกคาดหวังและตื่นเต้นสุดๆ!