ตอนที่ 134 ได้เวลาจับรางวัล
ไป๋เยี่ยถึงกับชะงักไป!
แล้วพวกทักษะพื้นฐานล่ะ
ทักษะพื้นฐานเหล่านั้นผสานรวมกันกลายเป็นทักษะภาคปฏิบัติและทักษะด้านงานวิจัย
ซึ่งไป๋เยี่ยเองก็มีความเข้าใจในทักษะเหล่านั้นเป็นอย่างดี เขาได้สัมผัสและเรียนรู้วิชาพื้นฐานต่างๆ ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย
ยิ่งไปกว่านั้น ความลึกซึ้งและขอบเขตของแต่ละวิชาก็มีอยู่อย่างจำกัด ทักษะขั้นสูงที่ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะเข้าถึงได้ง่าย
ตัวอย่างเช่น หลังจากที่สำเร็จการศึกษาแล้ว ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์ก็จะต้องไปฝึกงานภาคปฏิบัติในวอร์ด อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ได้เรียนรู้มาในระดับปริญญาตรีนั้นเป็นเพียงทฤษฎีพื้นฐานทางการแพทย์เท่านั้น หลังจากที่ได้เข้าฝึกงานภาคปฏิบัติก็จะเรียนต่อสาขาเฉพาะทาง อย่างสาขาหัวใจและหลอดเลือด สาขาประสาทและสมอง สาขาทางเดินหายใจ ฯลฯ ได้ด้วย
คุณอาจจะไม่เคยสัมผัสวิชาเหล่านั้นมาก่อน หรืออาจจะเคยได้ยินมาอย่างผิวเผินเท่านั้น
ดังนั้นตอนนี้คุณจะต้องเรียนรู้ทักษะและความรู้เฉพาะทางบ้าง ยิ่งถ้าคุณมีส่วนร่วมกับงานในวอร์ด ทักษะและความรู้ที่ได้รับนั้นก็จะพัฒนาเป็นทักษะเฉพาะทางได้
หากคุณต้องการมีส่วนร่วมในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็จะต้องมีศักยภาพด้านงานวิจัย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้โรงพยาบาลใหญ่ๆ หลายแห่งไม่เพียงแต่ฝึกอบรมแพทย์ในด้านทักษะภาคปฏิบัติเท่านั้น แต่ยังอบรมทักษะด้านงานวิจัยด้วย!
การเลื่อนตำแหน่งให้กับแพทย์เป็นแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลใหญ่ๆ จำเป็นต้องมีบทความและโปรเจ็กต์ต่างๆ
และไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งใดก็ตาม หากคุณต้องการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลล่ะก็ คุณจะต้องได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติแห่งชาติด้วย
ทำให้ในปัจจุบันแพทย์ที่มีทักษะด้านงานวิจัยยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
อันที่จริงมันก็ดูสมเหตุสมผลดี หากทักษะด้านภาคปฏิบัติของคุณอยู่ในระดับสูง คุณจะช่วยชีวิตผู้คนได้เป็นหมื่นเป็นแสนคน แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้ค้นพบปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงานภาคปฏิบัติและแก้ไขมันด้วยวิธีการด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ คุณจะไม่ได้ช่วยชีวิตผู้คนได้เพียงหมื่นหรือแสนคน! แต่คุณอาจจะช่วยผู้คนได้เป็นล้านคน!…
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนจึงให้ความสำคัญกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นเรื่อยๆ!
การทำงานภาคปฏิบัติเป็นหนทางสู่การค้นพบปัญหา ทว่าการวิจัยคือหนทางสู่การแก้ปัญหา ทั้งสองทักษะนี้ต่างเป็นทักษะที่ขาดไปไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น เป้าหมายของไป๋เยี่ยจึงชัดเจนมาก เขาต้องการเรียนต่อปริญญาโทสาขาวิชาชีพ ไปเรียนรู้การทำงานภาคปฏิบัติและใช้ความสามารถด้านการวิจัยที่เขามีอยู่มาแก้ไขปัญหา
ตอนนี้ทักษะทั้งหมดที่เขามีได้หลอมรวมกันเป็นทักษะภาคปฏิบัติและทักษะด้านการวิจัยแล้ว
มันทำให้ไป๋เยี่ยรู้สึกเบิกบานใจมาก
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาทักษะภาคปฏิบัติและทักษะด้านงานวิจัยระหว่างที่เรียนอยู่ในระดับปริญญาตรีเป็นไปได้ยากมาก เพราะการเรียนระดับปริญญาตรีมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะวิชาพื้นฐานมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยยังคิดว่าทักษะทั้งสองจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานแล้ว ความเชื่อมโยงระหว่างทักษะพื้นฐาน ทักษะภาคปฏิบัติ และทักษะด้านการวิจัยจึงมีความใกล้ชิดกันมาก
หากมีความเข้าใจในทักษะพื้นฐานที่สูงพอ การพัฒนาศักยภาพด้านงานวิจัยก็จะเป็นไปได้โดยง่าย
ไม่ทันไรก็ได้รับโอกาสจับรางวัลระดับสามดาวอีกแล้ว ไป๋เยี่ยจึงไม่อาจนิ่งนอนใจ
เขาใช้เวลานานในการตัดสินใจเรื่องโอกาสจับรางวัลระดับสี่ดาวทั้งสองครั้ง แต่จู่ๆ ก็ได้โอกาสจับรางวัลมาอีกครั้งหนึ่ง ไป๋เยี่ยถูมือไปมาก่อนจะกดเปิดหน้าจับรางวัล
มาจับรางวัลดีกว่า เริ่มจากสี่ดาวเนี่ยแหละ!
หัวใจของไป๋เยี่ยเต้นระรัวเมื่อเขาจ้องไปยังจานหมุนขนาดใหญ่อันคุ้นเคย
[ติ๊ง! จับรางวัลสำเร็จ ได้รับถุงเงิน!]
ไป๋เยี่ยชะงัก!
นี่มันบ้าอะไรเนี่ย
ถุงเงินเหรอ
ไป๋เยี่ยมองดูถุงเงินที่ดูเหมือนซองอั่งเปาพลันรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นี่มันซองอั่งเปาในวีแชทหรือเปล่าเนี่ย เห็นเงินแล้วดีใจจนแทบบ้าเลยไหมล่ะ
ในนี้จะมีเงินเท่าไหร่นะ
แปดหยวนกับอีกแปดเหมาเรอะ
ไป๋เยี่ยยืนหน้ามืด…ทันทีที่เขาเปิดซองอั่งเปานั้น ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น!
[ติ๊ง! เปิดถุงเงินแล้ว ได้รับแอปสร้างสรรค์!]
ไป๋เยี่ยชะงัก แอปสร้างสรรค์ คืออะไรวะนั่น
ตรงหน้าของเขามีเพียงแอปพลิเคชั่นคล้ายกับในโทรศัพท์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโปร่งแสง
[ติ๊ง! ได้รับแอปพลิเคชั่นที่ตรงตามเทรนด์โดยอิงตามความต้องการของผู้ใช้]
[แอปพลิเคชั่น ‘เฮลท์ตี้จิ้นซี’
รายละเอียดของแอปพลิเคชั่น: แอปพลิเคชั่น ‘เฮลท์ตี้จิ้นซี’ เป็นแพลตฟอร์มบริการให้คำปรึกษาทางการแพทย์กับประชาชนในมณฑลจิ้นซี โดนจะมีฟังก์ชั่นดังต่อไปนี้: การลงทะเบียนนัดหมาย การนัดหมายออนไลน์ แพทย์ประจำบ้าน การสอบถามรายงานผลการทดสอบ แบบบันทึกสุขภาพ เข้ารับการรักษากับแพทย์เฉพาะทาง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล บริการให้คำปรึกษา เป็นต้น…]
ไป๋เยี่ยตกตะลึง นี่แหละแอปพลิเคชั่นเพื่อความสะดวกสบาย!
ยกตัวอย่าง ถ้าคุณป่วยและไม่รู้ว่าจะต้องไปพบแพทย์แผนกไหน คุณก็แค่ต้องระบุอาการของคุณ แล้วแอปพลิเคชั่นจะเลือกแผนกจากโรงพยาลตามอาการของคุณ พร้อมทั้งแนะนำแพทย์ให้ด้วย
จากนั้นก็ลงทะเบียนและนัดแพทย์ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลตามวันเวลาที่นัดไว้ก็จะได้รับแบบลงทะเบียนและเข้าไปพบแพทย์ตามที่นัดหมายไว้ได้
ไป๋เยี่ยตะลึง!
นี่แหละของดี!
ปัจจุบันในมณฑลจิ้นซีไม่มีแอปพลิเคชั่นลงทะเบียนออนไลน์แบบนี้เลย ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าจะมีสักกี่คนที่ได้รับประโยชน์จากแอปพลิเคชั่นนี้…
ของดี สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ!
สมกับเป็นรางวัลระดับสี่ดาว นี่มันดีมากๆ เลย!
แอปพลิเคชั่นนี้…จะสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้คนมากมาย เพราะเป็นเรื่องที่รู้กันมาตั้งนานแล้วว่าการลงทะเบียนพบแพทย์ทำได้ยากมาก โดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทาง แต่อย่างไรก็ตาม ไป๋เยี่ยจะลงมือทำสิ่งนี้เพียงลำพังไม่ได้ เขาต้องได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลต่างๆ ด้วย
โรงพยาบาลนั้นแตกต่างจากตลาดโดยสิ้นเชิง เพราะถือว่าเป็นองค์กรของรัฐซึ่งมีรัฐเป็นผู้บริหาร แน่นอนว่ามันคงไม่ง่ายแบบนั้น
ทว่า…ไป๋เยี่ยก็นึกถึงเหตุผลที่จะปฏิเสธสิ่งดีๆ ที่สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนไม่ได้เลย
ขายแอปนี้ให้รัฐยังได้เลยนะเนี่ย ยังไงก็ของดีละวะ!
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็มีความสุขมาก ก้อนเงินและห้องแล็บของเขาอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว…
จับรางวัลต่อ!
สี่ดาวอีกครั้งหนึ่ง!
[ติ๊ง! จับรางวัลสำเร็จ ได้รับ ‘บัตรซ่อมแซม’ สี่ดาว]
การ์ดใบหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจับรางวัล บนนั้นมีข้อความเขียนว่า ‘บัตรซ่อมแซม’
“บัตรซ่อมแซม…”
มันคือบัตรอะไร แล้วใช้ยังไง ไป๋เยี่ยมองบัตรในมือที่ดูธรรมดาอย่างสงสัย
[ติ๊ง! บัตรซ่อมแซมคือเทคโนโลยีในการเรียกคืนสิ่งของที่ใช้แล้ว อย่างเช่น วัสดุ หนังสือ เอกสารต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ได้ หลังใช้งานจะเรียกคืนสิ่งของดังกล่าวให้กลับสู่สภาพเดิมที่สมบูรณ์ได้ ทั้งยังสุ่มอัปเกรดสิ่งของเหล่านั้นด้วย
แจ้งเตือน: โปรดใช้อย่างระมัดระวัง การซ่อมแซมแต่ละครั้งทำได้โดยยาก และต้องอาศัยความสามารถของคุณด้วย อย่าพยายามซ่อมแซมสิ่งของที่มีคุณภาพสูงเกินไป เพราะอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ยากจะแก้ไขได้!]
ไป๋เยี่ยเบิกตากว้างเมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือน!
การ์ดซ่อมแซมนี่ดูลึกลับยังไงชอบกลแฮะ!
นี่มันการ์ดตัวโกงชัดๆ… ไป๋เยี่ยมองดูบัตรในมือของตน
ของดีแบบนี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆ ทว่าจู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกอะไรขึ้นได้
ไป๋เยี่ยนึกถึงข้อมูลของคาร์ล เขามั่นใจว่าจะต้องมีบางส่วนของข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์แน่ๆ
แม้ว่าไป๋เยี่ยเองจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาคิดว่าจะต้องมีเบาะแสบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังแน่นอน
ไม่ว่าข้อมูลนี้จะเป็นจริงหรือเท็จ มูลค่าของข้อมูลนี้ก็สูงมาก ถ้าได้รู้จักเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการทดลองล่ะก็ คุณค่าที่ตามมาคงมากมายมหาศาล…
ว่ากันตามความจริง ปัจจุบันเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพของชาติตะวันตกนั้นล้ำหน้าประเทศจีนอยู่อย่างน้อยห้าสิบปี!
ตามความคิดของไป๋เยี่ยแล้ว นี่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีอันล้ำสมัยเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่ครอบคลุมมากๆ อีกด้วย