บทที่ 158 น่าสะพรึงกลัว
บริษัทเพาะพันธุ์สัตว์ทดลองเป็นอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่มีการนำเทคโนโลยีหลากหลายแขนงมาผสมผสานกัน ไม่ใช่แค่การเพาะพันธุ์สัตว์ด้วยวิธีการดั้งเดิม
ตัวอย่างเช่น บริษัทเป่ยจิงน่าย่า ก็ถือเป็นตัวแทนรายใหญ่ในประเทศจีน บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1996 เป็นบริษัทเพาะพันธุ์สัตว์ทดลองขนาดใหญ่ที่มีการทำงานวิจัยเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในขั้นตอนการผลิตและการดำเนินงาน ซึ่งในขณะนั้นบริษัทมีทุนจดทะเบียนเพียงหนึ่งร้อยล้านหยวน แต่ในปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าผลิตต่อปีเกิดแปดร้อยล้านหยวนแล้ว
ทางบริษัทเป่ยจิงน่าย่าได้รับความร่วมมือจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ในประเทศมากกว่าสิบแห่ง มีผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านด้านโภชนาการ สัตวบาล เภสัชกรรม และสาขาอื่นๆ ราวห้าสิบถึงหกสิบคนคอยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาประจำให้แก่บริษัท
หลังจากที่เอ็มไอโอได้เผยแพร่บทความฉบับพิเศษ ทางบริษัทก็ตระหนักได้ถึงความสำคัญของเกณฑ์บีพีเอฟเอชทันที
ณ สำนักงานบริษัทเป่ยจิงน่าย่าที่นครปักกิ่ง ‘ถังฮั่น’ ผู้เป็นประธานบริษัทก็กำลังศึกษานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นและข่าวใหญ่จากเอ็มไอโอเช่นกัน โดยเฉพาะข่าวเรื่องวารสาร ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ ฉบับพิเศษที่ทำให้เขาประหลาดใจมาก
และเมื่อเขาเห็นว่าคนบนหน้าปกคือไป๋เยี่ย ก็รีบขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับไป๋เยี่ยทันที
เพราะก่อนหน้านี้ สิทธิบัตรเกี่ยวกับสัตว์ทดลองส่วนใหญ่มักจะมาจากต่างประเทศมากกว่า ไม่เพียงแต่การทำธุรกิจสัตว์ทดลองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาหารสัตว์ การสร้างแบบจำลองสัตว์ใหม่ ฯลฯ ล้วนดูเหมือนจะเป็นเทคโนโลยีของชาวต่างชาติไปหมด
และยิ่งในสถานการณ์ที่มีการผูกขาดทางเทคโนโลยีเช่นนี้ การที่มีชาวจีนเสนอเกณฑ์บีพีเอฟเอชเพื่อเบิกทางให้กับการศึกษาสัตว์ทดลองในยุคใหม่นั้นมีผลกระทบมากจนแม้แต่ผู้มีอำนาจในเอ็มไอโอยังต้องตระหนักถึงคุณค่าของผลงานชิ้นนี้จนต้องตีพิมพ์บทความพิเศษออกมา
นี่เป็นเรื่องดีอย่างยิ่งสำหรับชาวจีน โดยเฉพาะในแวดวงสัตววิทยาทดลอง
แวดวงสัตววิทยาทดลองนั้นไม่ได้ใหญ่มาก แต่เพียงชั่วข้ามคืน ชื่อของไป๋เยี่ยก็กลายเป็นที่รู้จักของทุกคน
ถังฮั่นนั่งอ่านวารสาร ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ ฉบับพิเศษจากทางออนไลน์อย่างตั้งอกตั้งใจ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในประธานบริษัทเพาะพันธุ์สัตว์ที่มีเพียงไม่กี่แห่งภายในประเทศจีน ถังฮั่นถือเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ต่อวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่เฉียบแหลมมาก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงพาบริษัทเป่ยจิงน่าย่ามาถึงจุดนี้ได้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ถังฮั่นจึงบอกให้คนด้านนอกเดินเข้ามา
เลขาเดินเข้ามาพร้อมกับกองข้อมูลในมือก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น “ท่านประธานถัง นี่คือข้อมูลทั้งหมดของไป๋เยี่ยที่พวกเราค้นเจอ”
ถังฮั่นพยักหน้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณเลขาของเขาที่ทำงานหนักแล้วจึงก้มลงอ่านข้อมูล
ทว่ามันกลับทำให้ถังฮั่นตกตะลึง!
โลกนี้มีอัจฉริยะจริงเหรอเนี่ย
เป็นแชมป์การแข่งขันความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนระดับชาติ
เข้าร่วมหน่วยทดลองของถูโยวและได้ค้นพบสารอาร์เทแอนนิวอินเชิงซ้อน ซึ่งเป็นรากฐานสำหรับการค้นคว้าสารอาร์เทแอนนิวอินชนิดใหม่…
ได้รับการเสนอชื่อและยกย่องจากเลขาธิการองค์การอนามัยโลก ในรายการข่าวซีซีทีวี ช่องหนึ่ง เวลาเจ็ดโมงตรง
ตีพิมพ์บทความกว่าสิบฉบับ โดยมีคะแนนไอเอฟสูงถึงสองร้อยห้าสิบแปดคะแนน! วารสารที่บทความได้ตีพิมพ์ได้แก่ ‘เซลล์’ ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ ‘วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์’ ฯลฯ…
หนังสือ ‘บุกเบิกการแพทย์แผนจีน’ ซึ่งมียอดขายสองหมื่นเล่มภายในหนึ่งสัปดาห์…
เขาคือไป๋เยี่ย ชายวัยยี่สิบปี่ปี เป็นนักศึกษาแพทย์แผนจีนชั้นปีที่ห้า มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาชั้นปริญญาโทและอยู่ในสังกัดของนักวิชาการชื่อดัง ‘หลิวป๋อหลี่’
พระเจ้า…
แม้แต่ถังฮั่นผู้เคยเห็นอัจฉริยะมานับไม่ถ้วนยังแทบขนลุกซู่
อัจฉริยะเป็นแบบนี้เองเหรอ
ไม่สิ แม้แต่อัจฉริยะก็เทียบไม่ติด!
เพิ่งอายุยี่สิบสี่ปีแต่กลับมากประสบการณ์ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังอ่อนประสบการณ์กว่าเขาเลย!
ถังฮั่นคิดได้ดังนั้นก็อดตะลึงไม่ได้
เลขาผู้ยืนอยู่ด้านหลังเขาจึงเอ่ยขึ้นทั้งรอยยิ้ม “ท่านประธานถัง เร็วๆ นี้มีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งที่ดังมากๆ เลยค่ะ ดิฉันคิดว่าท่านน่าจะสนใจนะคะ!”
ถังฮั่นประหลาดใจ “โอ้ ข่าวอะไรบ้างเหรอ”
จางฮุ่ยยื่นหนังสือพิมพ์ในมือให้ “ในหนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายวันบอกว่าไป๋เยี่ยคือคนที่ทำโครงการวิจัยด้วยทุนสนับสนุนที่น้อยที่สุดค่ะ”
ถังฮั่นชะงัก เขาเคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน ตอนนั้นเขายังมองว่ามันเป็นเรื่องตลกและไม่ได้จริงจังกับเนื้อข่าวมากนัก ทว่าตอนนี้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านพาดหัวข่าวอย่างละเอียด ก่อนที่เขาจะจุดประกายความคิดบางอย่างขึ้นได้!
ถังฮั่นคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ของเพื่อนเก่าคนหนึ่ง
“ฮัลโหล ผอ.หยาง ผมถังฮั่นนะ อยากจะถามอะไรคุณหน่อยน่ะ” ถังฮั่นกล่าวด้วยสีหน้ากังวล
“ฮ่าๆ เหล่าถังนี่เอง! ผอ.อะไรกันล่ะนั่น” อีกฝ่ายขานรับ
ถังฮั่นยกยิ้ม “วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญอยากถามคุณน่ะ คุณได้รับหัวข้อโครงการจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีหรือยัง”
“เอ้อ! ได้รับแล้ว สนใจโครงการของใครเข้าล่ะ แล้ววางแผนจะสนับสนุนโครงการไหนหรือยัง”
ถังฮั่นส่ายหน้าไปมา “ฮ่าๆ กำลังวางแผนอยู่น่ะ ใกล้เสร็จแล้ว ผมอยากได้ขิ้มูลเกี่ยวกับคนที่ชื่อไป๋เยี่ย เขาน่าสนใจมากเลย”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปทันที ไป๋เยี่ยจากจิ้นซีงั้นเหรอ นี่มันข่าวใหญ่เลยนี่นา
“เหล่าถัง ล้อกันเล่นใช่ไหม มหา’ลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี…โครงการนั้นมันไม่มีคุณค่าอะไรหรอก ถ้าโครงการที่คุณหมายถึงคือโครงการหนึ่งหยวนน่ะ”
ถังฮั่นพยักหน้า “ใช่ ผมว่ามันเป็นโครงการที่ดีนะ เลยอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมหน่อย”
“โอเค งั้นรอก่อน ไว้ผมจะให้คนลองตรวจสอบดูแล้วกัน”
หยางมู่จวินได้แต่ครุ่นคิดว่าเหตุใดถังฮั่นจึงสนใจโครงการนี้เป็นพิเศษ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะพลาดข่าวอะไรไป
คิดได้ดังนั้น หยางมู่จวินก็ขอให้ลูกน้องของเขาช่วยส่งไฟล์โครงการของไป๋เยี่ยมาให้เขา
เขาไล่อ่านหัวข้อคร่าวๆ และพบว่ายังไม่เจออะไรพิเศษ
จากนั้นหยางมู่จวินก็ค้นหาชื่อไป๋เยี่ยบนเว็บไป๋ตู้ และพบว่ามีข่าวสารเกี่ยวกับไป๋เยี่ยปรากฏขึ้นมากมาย เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว หยางมู่จวินก็แทบจะตะลึง! สุดยอดไปเลย! ไป๋เยี่ยเก่งขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
เป็นไปได้ไหมว่า…ถังฮั่นจะสนใจเด็กคนนี้และอยากได้ช่องทางติดต่อเขา
ถังฮั่นสนใจเพราะว่าโครงการนี้ไม่มีไฮไลต์โดดเด่นใช่ไหม
หยางมู่จวินจึงส่งแผนโครงการของไป๋เยี่ยไปให้ถังฮั่น แผนโครงการไม่ใช่ข้อมูลลับใดๆ มีเพียงขั้นตอนการวิจัยเท่านั้นที่เป็นความลับ
ตัวอย่างเช่น โครงการของไป๋เยี่ยไม่เป็นความลับ มีเพียงอาหารหนูบีวายวันที่เป็นความลับ แน่นอนว่ามีเพียงไป๋เยี่ยเท่านั้นที่รู้ว่าอาหารหนูชนิดดังกล่าวคืออะไร ทั้งสาธารณชนและศูนย์จัดโครงการต่างไม่รู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม หยางมู่จวินก็ยังคงกังวล “เหล่าถัง ได้ข่าวอะไรก็บอกมานะ อย่าปิดบังกันล่ะ!”
ถังฮั่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ “ลองไปดูที่เว็บทางการของเอ็มไอโอสิ…”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ถังฮั่นก็ลองอ่านโครงการวิจัยของไป๋เยี่ย ทันใดนั้นเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตะลึง!
จริงเหรอเนี่ย!
ไป๋เยี่ยคนนี้นี่มัน!
เขาทำเรื่องยิ่งใหญ่มากเลยนะเนี่ย!
รายการทดลองในโครงการนี้เป็นการนำเกณฑ์บีพีเอฟเอชมาใช้อย่างชัดเจน! เหตุใดเขาจึงไม่ศึกษาผลของอาหารประเภทบีวายวันที่มีต่อคะแนนบีพีเอฟเอชโดยตรงล่ะ
เมื่อถังฮั่นเห็นวันที่เริ่มทำโครงการก็นึกขึ้นได้ว่าวันที่ไป๋เยี่ยเริ่มทำโครงการนั้นเกณฑ์บีพีเอฟเอชยังไม่ผ่านการอนุมัติจากเอ็มไอโอนั่นเอง!
ไป๋เยี่ยมั่นใจว่าเกณฑ์ประเมินของเขาจะผ่านการอนุมัติได้อย่างไรกัน
เขาอ่านการเตรียมการทดลองของไป๋เยี่ยต่อไปจนเริ่มเครียด เขาเก่งจริงๆ เลย!
ระยะเวลาที่ใช้ทดลองคือเจ็ดวันเท่านั้น!
เมื่อเขาเห็นระยะเวลาของโครงการระยะเวลาร่างแผนโครงการ ถังฮั่นก็เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทันที!
ไป๋เยี่ยกำลังจะก่อเรื่องใหญ่!
เป็นเหตุการณ์สุดช็อก!
มีเพียงอัจฉริยะที่ทำได้!
ทำไมถึงคิดแบบนี้ ก็เพราะไป๋เยี่ยมั่นใจว่าเกณฑ์บีพีเอฟเอชของเขาไม่มีปัญหาอะไร เอ็มไอโอต้องอนุมัติเกณฑ์ของเขาอย่างแน่นอน และเขายังมั่นใจว่าเกณฑ์ของเขาจะดึงดูดความสนใจของคนทั้งโลกและกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ได้!
หลังจากที่เขาส่งบทความไป เขาก็เตรียมผลิตอาหารบีวายวันทันทีโดยใช้เวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้น รอบเวลาเจ็ดวัน แม้จะเป็นช่วงรออนุมัติ แต่เกณฑ์บีพีเอฟเอชก็แพร่หลายไปทั่วโลก พอดีกับที่ไป๋เยี่ยได้บทสรุปของการทดลองและได้ข้อสรุปว่าอาหารบีวายวันมีผลต่อการประเมินโดยใช้เกณฑ์บีพีเอฟเอชได้!
ถังฮั่นยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น นี่มัน…น่ากลัวมาก!
ถ้าโลกนี้มีอัจฉริยะจริง พวกเขาคงไม่ใช่คนแล้วแหละ…
นั่นสินะ!
แปลว่าอาหารบีวายวันคือหัวใจหลักของงานวิจัยชิ้นนี้ใช่ไหม
ถังฮั่นหันไปพูดกับเลขาของเขา “จองเที่ยวบินให้ผมที ไม่สิ! เราจะขับรถไปที่จิ้นซี! บอกคนขับให้เตรียมพร้อม พวกเราจะออกเดินทางตอนนี้เลย!”
พูดจบถังฮั่นก็ลุกขึ้นเก็บสัมภาระทันที ทว่าจู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้และต่อสายหาฝ่ายทรัพย์สินทันที