บทที่ 201-2 ดูนี่สิครับ! หัวหน้า!
ฉากที่ว่านั่นเหมือนไฟล์สำคัญบางอย่าง ไป๋เยี่ยจึงตั้งชื่อมันว่า [การผ่าริดสีดวง]
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อไปเขาก็จะฝึกซ้อมได้เรื่อยๆ ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ปิดหน้าจอเสมือนจริงลงและกลับมาจดจ่อกับการผ่าตัดของซ่งเจี๋ยต่อ
อันที่จริงที่จริง การผ่าตัดนั้นง่ายมาก อีกทั้งซ่งเจี๋ยก็มีประสบการณ์มากเช่นกัน เขาจึงใช้เวลาไม่นานในการผ่าตัดและเย็บแผล การผ่าตัดผ่านไปได้อย่างราบรื่น ทำให้ซ่งเจี๋ยพอมีเวลาเหลือเฟือในการพูดคุยกับไป๋เยี่ย
“เย็บได้ไหม”
ไป๋เยี่ยมีทักษะการเย็บแผลเลเวลสองและวิธีการเย็บลำไส้แบบใหม่ เขาจึงไม่รู้สึกว่าการเย็บแผลริดสีดวงนั้นเป็นปัญหาสักเท่าไหร่
ส่วนพานเซี่ยงหนานก็คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ข้างๆ เป็นครั้งคราว ส่วนมากจะเฝ้าดูเสียมากกว่า ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของซ่งเจี๋ย เขาก็ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะมองไป๋เยี่ยด้วยท่าทีลังเลและคาดหวังเล็กน้อย
ไป๋เยี่ยตอบอย่างมั่นใจ “ได้ครับ”
รอยพับในทวารหนักมีหลายรอย การตัดออกเพียงเล็กน้อยจึงไม่ส่งผลอะไรมากนัก อีกทั้งการผ่าตัดริดสีดวงยังแตกต่างจากการผ่าตัดมะเร็งทวารหนัก และสิ่งที่ต้องผ่าออกก็แตกต่างกัน
วิธีการเย็บนั้นง่ายมาก ทันทีที่พยาบาลได้รับการอนุญาตจากพานเซี่ยงเหนียน เธอก็ใช้แหนบหนีบเข็มเย็บขึ้นมาให้ไป๋เยี่ย
ไป๋เยี่ยรับแหนบมาและเริ่มเย็บแผล การเย็บแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเย็บหลอดเลือดหรือส่วนอื่นๆ เพียงแค่ต้องเย็บชั้นเยื่อบุเท่านั้น ซึ่งก็เหมือนการเย็บผิวหนังทั่วไป
ด้วยเหตุนี้เอง พานเซี่ยงเหนียนจึงยอมให้ไป๋เยี่ยเป็นคนเย็บแผล ทว่าเขาก็ให้ซ่งเจี๋ยเตรียมสแตนบายรอหลังจากที่ไป๋เยี่ยเริ่มเย็บเข็มที่สองอยู่ดี
มือของไป๋เยี่ยนิ่งมาก เขาใช้แหนบคีบเข็มไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะค่อยๆ เกี่ยวผิวเยื่อบุของลำไส้ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ทั้งซ่งเจี๋ยและพานเซี่ยงเหนียนต่างเบิกตากว้างด้วยความตะลึง
เข็มทั้งหนาและมีขนาดใหญ่กว่า เขาจึงใช้เข็มขนาดใหญ่ร้อยผ่านผนังด้านในของลำไส้
นี่มัน!
นี่คือการทดสอบความแข็งแรงของมือศัลยแพทย์ โดยเฉพาะศัลยแพทย์ทวารหนัก ความหนาของผนังลำไส้ การจับเข็มและด้าย ทำให้การเย็บแผลต้องอาศัยทักษะมาก!
พานเซี่ยงเหนียนและซ่งเจี๋ยมองหน้ากันด้วยความตะลึงสุดขีด
บังเอิญงั้นเหรอ
หลังจากที่ทั้งสองตกใจก็ดูต่อว่าใช่เรื่องบังเอิญหรือไม่ กระทั่งมองหาแม้แต่ความผิดพลาด!
ทว่าเข็มที่สองของไป๋เยี่ยนั้นยิ่งทำให้ทั้งคู่ประหลาดใจ
เพราะว่านิ้วเรียวเล็กของเขากำลังร้อยด้ายเข้ากับผนังลำไส้บางๆ ราวกับผีเสื้อบินมาเกาะดอกไม้!
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่นี่คือความแข็งแกร่ง!
นี่คือฝีมือที่เทียบเท่าแพทย์อาวุโส ไม่ก็ศัลยแพทย์ทวารหนักที่มีความสามารถมาก!
เมื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยใกล้เย็บแผลเสร็จแล้ว พานเซี่ยงเหนียนก็อดถามไม่ได้
“ไป๋เยี่ย คุณ…เคยทำงานแผนกนี้มาก่อนไหม”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า เขาเย็บตะเข็บสุดท้ายเสร็จแล้วก่อนจะจับไหมขึ้นมาผูกเป็นปมสวยงาม
เขาส่งเครื่องมือให้กับพยาบาลและตอบว่า “ผมเคยอยู่ในแผนกทวารหนักมาสักพักใหญ่ๆ ครับหัวหน้า เลยรู้สึกชินมือ”
พานเซี่ยงเหนียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซ่งเจี๋ยและถอนหายใจออกมาอีกที “เฮ้อ…ต่างจากคนอื่นๆ จริง!”
ซ่งเจี๋ยผงะ เขาได้แต่ยืนเบิกตากว้างอ้าปากค้างโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่พอคิดๆ ดูอีกทีเขาก็เผลอยิ้มออกมาเสียได้
ห้องผ่าตัดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครๆ คิด แต่นั่นก็ไม่ใช่สถานที่สำหรับเสียงหัวเราะและความสนุกสนานอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลาก็ต้องเข้มงวดและรอบคอบ อย่างเช่น พยาบาลห้องผ่าตัดที่ต้องตรวจนับอุปกรณ์ในคลังถึงสามครั้ง ทั้งผ้าก๊อซ อุปกรณ์ผ่าตัด และแม้แต่ด้ายทุกเส้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็อย่างเช่นข่าวที่หมอทำผ้าก๊อซ หรือกรรไกรตกลงไปในท้องคนไข้ อันที่จริงแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้นสำหรับบางสิ่งเสมอ ทว่าตอนนี้ซ่งเจี๋ยกำลังจ้องร่องรอยของแผลโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆ เขาก็ขมวดคิ้วแน่น “หัวหน้าครับ ลองดูรอยเย็บนี่สิ มันดูแปลกตาไปหน่อยนะครับ!”
พานเซี่ยงเหนียนได้ยินดังนั้นก็สังเกตเห็นว่าแผลของผู้ป่วยถูกเย็บด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีจุดระหว่างมุมของรอยเย็บและรอยพับของลำไส้ที่เหมาะสมกว่า อีกทั้งยังมีการใช้วิธีรัดหนังยางร่วมด้วย
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการกับผิวหนังและเยื่อเมือก หลอดเลือดดำบริเวณผิวทวารและหลอดเลือดบริเวณเยื่อบุทวารหนักที่อยู่เหนือแนวเส้นประสาทไม่ใช่หลอดเลือดชนิดเดียวกัน จึงมักจะถูกมองข้ามไป แต่วิธีการเย็บแผลแบบนี้กลับนำวิธีการรัดหนังยางเข้ามาใช้ด้วย กล่าวได้ว่านี่คือการประยุกต์ระหว่างแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันอย่างแท้จริง!
อันที่จริงไป๋เยี่ยแค่อยากจะเย็บทีละขั้นตอนเท่านั้น แต่เมื่อเขาเห็นว่าแผลผ่าตัดของชายคนนั้นอยู่บริเวณรอยต่อของผิวหนังและเยื่อเมือกตรงแนวเส้นประสาท เขาก็นึกขึ้นได้ถึงวิธีเย็บลำไส้แบบหนึ่ง ซึ่งก็คือการเย็บเยื่อเมือกและผิวหนังเข้าด้วยกัน การเลือกจุดสอดเข็มที่เหมาะสมจะมีผลต่อการฟื้นตัวของผู้ป่วย นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือวิธีเย็บดังกล่าวยังยับยั้งการไหลเวียนของเลือดและป้องกันการเกิดริดสีดวงทวารได้!
ริดสีดวงทวารส่วนใหญ่เกิดจากเส้นเลือดขอดที่เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดดำ แม้ว่าริดสีดวงทวารจะหายไปแล้วแต่ก็ยังมีโอกาสเกิดซ้ำได้สูงในอนาคต
ซึ่งการเย็บของไป๋เยี่ยนั้นเป็นการนำหลอดเลือดมาผูกเข้าด้วยกัน เหมือนการใช้วิธีรัดหนังยางเลยก็ว่าได้!
นี่คือการเย็บแผลโดยนำวิธีการรัดหนังยางมาประยุกต์ใช้ด้วย!
เยี่ยมยอดจริงๆ!
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมไป๋เยี่ยถึงไม่เปลี่ยนเข็ม แต่กลับเลือกใช้เข็มเย็บผนังลำไส้ทั่วๆ ไป ที่แท้กุญแจก็อยู่ตรงนี้นี่เอง!
แววตาของซ่งเจี๋ยและพานเซี่ยงเหนียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แนวคิดแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จากการผ่ตัดเพียงครั้งเดียว
พานเซี่ยงเหนียนลองมองดูที่แผลผ่าตัดด้วยความแปลกใจก่อนจะใช้มือแตะมันอย่างระมัดระวัง…
“หมอซ่ง…ดูตรงนี้!”
เสียงแผ่วเบาดังแทรกขึ้นมา
“หมอ…ผมคัน…”
พานเซี่ยงเหนียนได้ยินก็ยืดตัวขึ้นและกระแอมหนึ่งที “อะแฮ่ม อืม ยาชาหมดฤทธิ์แล้วสินะ การผ่าตัดประสบความสำเร็จ เย็บแผลเรียบร้อยแล้วครับ ผมลองตรวจสอบดูแล้วมันออกมาดีมากเลย! ต่อไปก็ล้างแผลให้ดีนะครับ”
พานเซี่ยงเหนียนหันมาทางไป๋เยี่ย แม้ว่าเขาจะเข้าใจเจตนาของไป๋เยี่ย แต่ในการหาจุดสอดเข็มและเย็บแผลผ่าตัดก็เป็นเรื่องท้าทายมาก
เขาจึงถามขึ้นอย่างสงสัย “ไป๋เยี่ย คุณไปเรียนวิธีเย็บนี้มาจากไหน”
ไป๋เยี่ย “อ๋อ อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นได้น่ะครับ มีอะไรผิดปกติเหรอครับ…หัวหน้า”