บทที่ 211 ได้เวลาจุดไฟ!
พานเซี่ยงเหนียนมีบุคลิกตรงไปตรงมาเข้ากับอาชีพที่เขาทำมาก! เขาไม่ใช่คนพูดจาอ้อมค้อม มักจะพูดสิ่งที่เขาคิดออกมาตลอด หลังจากที่เขาได้อ่านไทม์ไลน์แล้วก็อดเคลือบแคลงใจไม่ได้ เพราะว่าจริงๆ แล้ววิทยาการด้านการรักษาโรคทางทวารหนักของจีนนั้นถือเป็นหนึ่งในวิทยาการที่โดดเด่น ทว่ากลับถูกมองข้ามไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ย่อๆ ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมานี้กลับไม่ระบุวิทยาการด้านโรคทางลำไส้และทวารหนักที่มาจากประเทศจีนเลย!
นี่ถือเป็นการตบหน้าและทำให้แขกชาวจีนรู้สึกแย่ราวกับประกาศว่าลูกคุณสอบได้ที่โหล่กลางงานประชุมผู้ปกครองก็ว่าได้
ทว่าคำพูดของไป๋เยี่ยกลับทำให้ทุกคนเริ่มกระจ่าง นั่นสิ วิทยาการรักษาโรคบริเวณทวารหนักของประเทศจีนถูกสืบทอดไปทั่วโลก นับว่ามีอิทธิพลต่อการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการรักษาโรคอย่างมากจริงๆ
อันที่จริงวิทยาการด้านการรักษาโรคบริเวณทวารหนักนั้นเฟื่องฟูมากในช่วงศตวรรษที่สิบเจ็ดและสิบแปด เมื่อผสานกับพัฒนาการทางการแพทย์ตะวันตก ทำให้วิทยาการด้านการผ่าตัดบริเวณทวารหนักก้าวกระโดดไปไกล
ดังนั้น หากผู้จัดจะไม่ระบุที่มาที่ถูกต้องก็ไม่เป็นไร แต่การระบุที่มาของการรักษาโรคว่ามาจากประสบการณ์ของแพทย์ชาวญี่ปุ่นนามว่ามุราคามิว่าเขารักษาโรคริดสีดวงและโรคฝีบริเวณทวารหนักโดยใช้วิธีการผ่าตัดร่วมกับการรัดหนังยางและนำมันมาเป็นแนวคิดในการพัฒนางานวิจัยด้านการรักษาโรคทางทวารหนักในปัจจุบันทำให้ไป๋เยี่ยรู้สึกโกรธเล็กน้อย
นี่มันขโมยชัดๆ!
แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้กล่าวว่าชาวญี่ปุ่นเป็นผู้คิดค้นวิธีการรักษาและการรัดหนังยาง แต่พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวถึงพัฒนาการและการมีส่วนร่วมของการแพทย์แผนจีนเลยสักนิด
นี่มันบิดเบือนข้อมูลกันนี่หว่า!
ประเทศจีนมีบทบาทอย่างมากต่อการค้นพบ พัฒนา และการรักษาโรคบริเวณทวารหนัก ทว่าที่นี่กลับไม่นำเสนอข้อมูลในส่วนนี้เลย ทำให้ไป๋เยี่ยอึดอัดใจจนบอกไม่ถูก!
นี่มันหมายความว่ายังไง
ให้เปรียบก็เหมือนกับมีประเทศอื่นมาเคลมเทศกาลแข่งเรือมังกรของจีนไปเป็นของตัวเองประมาณนั้นเลยละ
มันก็เหมือนกับการที่คุณเป็นคนค้นพบเทคโนโลยีบางอย่างแล้วมีคนมาศึกษามันต่อจากคุณ แต่คนคนนั้นกลับบอกว่าเขาเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมาเอง และไม่ได้อ้างอิงถึงคุณเลยแม้สักนิดนั่นแหละ
เห็นได้ชัดว่าประเทศจีนมีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์อย่างมาก แต่กลับถูกมองข้ามและละเลยไปซะงั้น มิหนำซ้ำยังมีหน้ามาเคลมไปเป็นของตัวเองอีก มุราคามิอะไรนั่นน่ะ ไร้สาระสิ้นดี!
แบบนี้ไม่โกรธก็แย่แล้ว!
พวกเราเห็นคุณค่าของชาติคุณ แต่โปรดอย่าได้ลบล้างความพยายามของเรา!
นี่ถือเป็นการเคารพประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง!
ยังไงก็เถอะ สิ่งที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้าก็ไม่อาจปกปิดความรุ่งโรจน์และความเฟื่องฟูในอดีตของเราได้ นี่คือศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษเรา แม้ว่าเราจะไม่ได้แบกรับเกียรติคุณนี้ต่อไปอย่างมั่นคง แต่เราก็ปล่อยให้คนอื่นมาด้อยค่าเราไม่ได้
หลังจากที่ไป๋เยี่ยลั่นวาจาออกไป บรรดาชาวจีนก็เริ่มถูกกระตุ้นความเกลียดชังไปตามๆ กันด้วย
หลี่มู่หยางมองพานเซี่ยงเหนียนที่กำลังจ้องคาวาโนะ ชินจิ ก่อนจะตบไหล่เขาเบาๆ “เหล่าพานใจเย็นก่อน ที่นี่มีคนตั้งเป็นร้อย สงบสติอารมณ์แล้วนิ่งไว้ก่อนดีกว่า! ดูสิ มีนักข่าวตั้งกี่คน”
พานเซี่ยงเหนียนหันกลับไปทางหลี่มู่หยางพร้อมตอบเสียงเรียบ “จะให้เย็นอะไรอีก บอกให้ใจเย็นทั้งที่มีคนพยายามจะขี่คอเนี่ยนะ ใครมันจะไปเย็น! นักข่าวเหรอ นักข่าวแล้วไง”
“แล้วอีกอย่าง! หลี่มู่หยาง ผมจะบอกอะไรให้นะ มารยาทน่ะเก็บไว้ใช้กับคนที่เคารพคุณก็พอ กับคนที่ไม่เคารพคุณน่ะ ไม่ต้องไปมีมารยาทด้วยหรอก!”
หลี่มู่หยางเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงแม้เขาจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน แต่เขาก็เคยขลุกอยู่ในวงการแพทย์แผนจีนเช่นกัน การที่เขาก้าวขึ้นมาสู่ระดับปรมาจารย์ได้ก็ล้วนเป็นเพราะเขาหมั่นศึกษาทั้งศาสตร์แพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันจนแตกฉานนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม องค์ความรู้แพทย์แผนจีนก็เป็นแค่คลังประสบการณ์และความรู้ของเขาเท่านั้น มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกภูมิใจและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับศาสตร์นี้เลยแม้แต่น้อย
สำหรับบุคลากรในแวดวงแพทย์แผนจีนนั้น การแพทย์แผนจีนก็คือภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนโบราณอันยิ่งใหญ่ของชาติ เป็นศาสตร์ที่คอยปัดเป่าโรคภัยช่วยชีวิตผู้คนมานานหลายพันปี
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่ององค์ความรู้แพทย์แผนจีนเท่านั้น!
แต่ยังมีปัญหาเรื่องไม่เคารพคุณค่าของการแพทย์แผนจีนด้วย!
เสียงประท้วงจากผู้คนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ “ใช่! ทำไมคุณถึงไม่นำเสนอส่วนที่ประเทศเรามีบทบาทล่ะ ทั้งที่องค์ความรู้จากประเทศเรามีบทบาทสำคัญต่อการรักษาโรคทางทวารหนักมาก แต่กลับถูกพวกคุณปัดทิ้งไปเนี่ยนะ”
“ถูก พวกเราจะร้องเรียน การประชุมประจำปีบ้าบอไรเนี่ย!”
“พวกคุณกำลังบิดเบือนประวัติศาสตร์! ถ้าสมาคมศัลยแพทย์นานาชาติไม่มีคำตอบที่น่าพอใจ พวกเราจะถอนตัว!”
“ถูกต้อง เราต้องการความยุติธรรม! ไม่งั้นก็ถอนตัวกันไปให้รู้แล้วรู้รอด!”
“ทำไมเราถึงต้องเข้าร่วมงานที่ไม่มีความยุติธรรมด้วยล่ะ”
ทั้งศูนย์จัดนิทรรศการตกอยู่ในความวุ่นวายไปชั่วขณะ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในวันแรกของการประชุมประจำปีด้วยซ้ำดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ระหว่างที่ ‘เจียลี่’ ผู้อำนวยการสาขาโรคทางทวารหนักของสมาคมศัลยแพทย์นานาชาติกำลังหารือกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์โตเกียวและผู้อำนวยการบริษัทเอดะอยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังไม่หยุด
เมื่อเขากดรับสาย ปลายสายก็ส่งเสียงโหวกเหวกมาทันที “แย่แล้วครับผอ. ที่ศูนย์นิทรรศการมีเรื่องแล้วครับ! คือว่า…ผู้ร่วมงานและกรรมการจากจีนกำลังประท้วงขอถอนตัวออกจากองค์กรกันครับ!”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเจียลี่ก็เปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้วแน่น ในขณะเดียวกันกับที่โทรศัพท์ของผู้อำนวยการและประธานเอดะก็ดังขึ้นเช่นกัน ทำให้พวกเขารีบลุกขึ้นมาในทันใด
เจียลี่พยักหน้า “ไปดูกันครับ”
โรงแรมตั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์จัดนิทรรศการ ทำให้ทั้งสามคนมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้แต่ใช้เวลาพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ในรถอยู่พักใหญ่
นี่เป็นครั้งแรกที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมระดับนานาชาติของแผนกทวารหนัก ซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงการแพทย์และสุขภาพของญี่ปุ่นด้วย หากทำออกมาไม่ดีจะต้องถูกรัฐบาลตำหนิแน่นอน
ซึ่งทั้งสามคนก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้น!
ตอนนี้คาวาโนะ ชินจิกังวลมาก เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องจะใหญ่โตถึงขั้นนี้ ทั้งที่ธีมหลักของการประชุมประจำปีครั้งนี้คือการสะท้อนถึงบทบาทของญี่ปุ่นในการพัฒนาวิทยาการการรักษาโรคบริเวณทวารหนักต่อโลก นอกจากนี้ ไฮไลต์ของงานในปีนี้ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากบริษัทของเขา หุ่นยนต์ผ่าตัด ‘ซากุระ’ ด้วย
สิ่งที่เขาต้องการทำคือเรียบเรียงไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ย่อๆ โดยเริ่มตั้งแต่การค้นพบวิธีรัดหนังยางในญี่ปุ่น ไปจนถึงการพัฒนากล้องส่องทวารหนัก[1]แบบใหม่ ตลอดจนการพัฒนาหุ่นยนต์ผ่าตัดบริเวณทวารหนักตัวแรกของโลก
และจุดประสงค์ของเขาในฐานะผู้อำนวยการแผนกทวารหนักของบริษัทเอดะก็คือการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั่นเอง
แต่เขาไม่ได้คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น!
ทันทีที่คาวาโนะ ชินจิเจอกับผู้อำนวยการ ประธานบริษัท และผู้อำนวยการจัดการประชุมระดับนานาชาติของแผนกทวารหนัก เขาก็สัมผัสได้ถึงปัญหาที่กำลังพุ่งมาหาตัวเขา
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คิดว่าตนเองผิด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องรับผลที่ตามมาวัตถุประสงค์ของบริษัทไม่ใช่การตัดสินว่าใครถูกใครผิด แต่เป็นการตัดสินว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับเรื่องนี้
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยโตเกียว ‘ไอดะ ทามะ’ ก้าวขึ้นบนโพเดียมก่อนจะหยิบไมโครโฟนขึ้นมากล่าวว่า “ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบนะครับ ผมเป็นผู้จัดการประชุมประจำปีนี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์โตเกียว ไอดะ ทามะ ครับ”
“ผมต้องขออภัยผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากประเทศจีนทุกท่านสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการละเลยหน้าที่ของทางเรา ซึ่งทางเราก็ไม่ได้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วน ทางเรา…”
เมื่อเหล่าผู้อำนวยการที่ยืนรายล้อมพานเซี่ยงเหนียนเห็นว่าเจ้าภาพออกมาขอโทษ พวกเขาก็พากันเงียบเสียงลง “พวกเรายอมรับคำขอโทษของคุณได้ แต่เราหวังว่าต่อไปคุณจะเพิ่มเนื้อหาในส่วนบทบาทของการแพทย์แผนจีนต่อการพัฒนาวิทยาการด้านโรคทางทวารหนักลงไปในไทม์ไลน์ด้วย”
พานเซี่ยงเหนียนกล่าวแทนทุกคนและไม่สาวความยาวต่อความยืดอะไรอีก เพราะสิ่งที่ทุกคนต้องการคือความเคารพในศาสตร์ความรู้และประวัติศาสตร์ของชนชาติ ไม่ใช่คำขอโทษส่งเดช
ไอดะ ทามะกลอกตาไปมาก่อนจะพูดต่อ “ทางเราจะจัดการกับเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดครับ แต่การรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์เหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราต้องค้นคว้าเอกสารและหนังสืออีกมากมาย เพราะฉะนั้นผมหวังว่าพวกคุณจะให้เวลากับทางเราด้วย”
ทั้งพานเซี่ยงเหนียนและคนอื่นๆ ต่างพากันอึ้ง!
นี่คือการบ่ายเบี่ยงชัดๆ แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาโต้แย้งได้เลย ถึงตอนนั้นการประชุมก็คงจบลงแล้ว ต่อให้เพิ่มหรือไม่เพิ่มข้อมูลก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว
ทว่าอีกฝ่ายก็พูดถูก การรวบรวมข้อมูลถือเป็นกระบวนการที่น่าเบื่อ ซับซ้อน และยาวนาน ยิ่งถ้าอยู่ต่างประเทศจะทำอย่างไรล่ะ
จู่ๆ ก็มีเสียงคุ้นหูแทรกขึ้นมา “ผมเล่าประวัติศาสตร์การแพทย์แผนจีนเกี่ยวกับโรคบริเวณทวารหนักได้นะครับ หน้าที่ของคุณมีแค่ต้องตรวจสอบความถูกต้อง และผมคิดว่ามันคงกินเวลาไม่นานนะครับ”
ไอดะ ทามะชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนนำบันทึกประวัติศาสตร์การพัฒนาวิทยาการการรักษาโรคทางทวารหนักของการแพทย์แผนจีนออกมาเล่าได้อย่างหมดเปลือก นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นการแสวงหาความจริง!
ไอดะ ทามะส่ายหัวพลางคลี่ยิ้มออกมา “พ่อหนุ่ม นี่ไม่ใช่สถานที่เล่นตลกนะ แถมตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลามาเพ้อเจ้อด้วย ผมอยากให้คุณจริงจังกว่านี้ อย่าทำให้งานกร่อยหรือขัดการประชุมเลยครับ”
ไป๋เยี่ยสบตากับอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทุกคำที่ผมพูดมีหลักฐานสนับสนุนครับ ผมหวังว่าคุณจะจดสิ่งที่ผมพูดแบบคำต่อคำ จากนั้นก็ตรวจสอบให้เสร็จภายในหนึ่งวัน คงจะไม่ติดขัดอะไรนะครับ!”
ไอดะ ทามะหันไปสบตากับอันดะ คิโยะ ประธานบริษัทเอดะ ก่อนจะมองไปยังเจียลี่ผู้เป็นเจ้าภาพของงาน
ปีนี้เจียลี่มีอายุหกสิบเอ็ดปี เขาเกษียณตนเองออกจากงานในโรงพยาบาลและหันมารับผิดชอบสมาคมโดยเฉพาะ เขามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัย เขาเล่าประวัติศาสตร์การแพทย์แผนจีนเกี่ยวกับโรคบริเวณทวารหนักได้จริงเหรอ
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ไป๋เยี่ยก็เอ่ยต่อ “เคารพและมีใจรักในศาสตร์ที่คุณศึกษา คือทัศนคติที่นักวิชาการพึงมี ผมเคารพศาสตร์การแพทย์แผนจีนมาก และหวังว่าคุณจะเคารพทุกคนด้วยนะครับ”
พานเซี่ยงเหนียนและคนอื่นๆ มองไปทางไป๋เยี่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง ตอนนี้พวกเขาคาดหวังว่าไป๋เยี่ยจะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้
แต่พวกเขาก็กลัวว่าไป๋เยี่ยจะพูดอะไรผิดเหมือนกัน!
เพราะนี่คือเวทีระดับนานาชาติ ทั้งสายตาและกล้องจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องไป๋เยี่ย! ถ้าเขาพูดอะไรผิดขึ้นมา ย่อมจะเกิดผลเสียยิ่งกว่าเดิมแน่นอน!
[1] กล้องส่องทวารหนัก (anoscope) คือ เครื่องมือลักษณะคล้ายหลอดแข็งขนาดเล็กที่ใช้ในการสอดเข้าไปในทวารหนักเพื่อตรวจหาโรค