บทที่ 212 พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์
หยางเฮ่อเป็นนักข่าวจากสำนักข่าวศัลยศาสตร์แห่งชาติ เขาได้รับมอบหมายจากบริษัทให้เข้าร่วมการประชุมประจำปีครั้งนี้ หยางเฮ่อมีตำแหน่งเป็นรองบรรณาธิการของกองวารสารเพื่อการศึกษา เขาทราบมาตลอดว่าการพัฒนาวิทยาการรักษาโรคทางทวารหนักของจีนนั้นค่อนข้างดี แม้ว่าจะไม่อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก แต่ก็ต้องยอมรับทั้งวิทยาการทางการแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบัน
หลังจากที่ได้เข้าร่วมการประชุมประจำปีมาหลายครั้ง เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเจอกับข่าวแบบนี้ ทำเอาผู้ช่วยของเขาเอาแต่ถามวนไปวนมา
“คุณหยางจะทำข่าวเรื่องนี้ไหมครับ”
หยางเฮ่อขมวดคิ้ว ถึงอย่างไรนี่ไม่ใช่เรื่องดีนัก มันกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับทางญี่ปุ่นไปแล้ว เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก็ว่าแย่แล้ว ถ้ายิ่งเผยแพร่ออกไปก็ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นไปอีก
อีกทั้งสิ่งสำคัญก็คือวิธีการจัดการกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กหรือใหญ่
เขามองชายหนุ่มที่ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางผู้ร่วมงานด้วยความคาดหวังว่าเขาจะเผยแพร่ข่าวที่น่ายินดีแทนที่จะต้องเผยแพร่ข่าวแย่ๆ ออกไป
ในฐานะสื่อ เขาก็หวังว่าจะถ่ายทอดพลังบวกไปยังทุกคน คิดได้ดังนั้น เขาก็เอ่ยขึ้น “ทำไปก่อน ค่อยว่ากัน”
ตอนนี้ทุกคนกำลังหันไปให้ความสนใจกับไป๋เยี่ย แม้เขาจะดูเป็นเด็กหนุ่มทั่วไป แต่ทุกคนก็สังเกตได้ว่าเขาไม่มีทีท่าตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งแววตาของเขายังแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณอันเร่าร้อน!
เจียลี่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกชื่นชมในตัวเด็กคนนี้ ไม่ว่าสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร แต่การที่มีคนกล้าลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของชาติ กล้าที่จะยืนหยัดต่อหน้าเหล่าบุคลากรชั้นนำระดับนานาชาติและกล้าเผชิญหน้ากับเจ้าภาพ ทั้งยังขอให้เขาแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นช่างน่านับถือจริงๆ!
เจียลี่ยิ้ม “เริ่มได้เลยพ่อหนุ่ม ทางเราเตรียมพร้อมแล้ว”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าก่อนจะกล่าวขอบคุณและเริ่มพูด
“การกล่าวถึงองค์ความรู้ด้านโรคทางทวารหนักในการแพทย์แผนจีนเริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ราวๆ เจ็ดร้อยเจ็ดสิบปีก่อนคริสตกาลถึงสองร้อยยี่สิบเอ็ดปีก่อนคริสตกาล! โดยมีการกล่าวถึงโรคริดสีดวงทวารในตำรา ‘ซานไห่จิง’ และ คัมภีร์ ‘จวงจื่อ[1]’ เป็นครั้งแรกของโลก และชื่อนั้นก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน”
“‘ตำรารักษาโรคทั้งห้าสิบสองชนิด’ เป็นตำราที่เก่าแก่ที่สุดที่มีบันทึกเกี่ยวกับการรักษาโรคริดสีดวงโดยการรัดหนังยางและการผ่าตัด ทั้งยังมีการกล่าวถึงพยาธิเข็มหมุดอีกด้วย”
“‘เน่ยจิง[2]’ เป็นตำราเล่มแรกที่บันทึกชื่อของติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นในลำไส้ ทั้งยังมีการบันทึกถึงกายวิภาคและสรีรวิทยาส่วนทวารหนัก ซึ่งกลายมาเป็นแนวคิดมากมายให้กับการแพทย์สมัยใหม่!”
“‘น่านจิง[3]’ มีการร่างภาพกายวิภาคของทวารหนักโดยละเอียด ‘เสินหนงเปิ๋นเฉ่าจิง[4]’ กล่าวถึงการเคลื่อนตัวของคลองทวารและโรคริดสีดวง”
“ตั้งแต่ปีคริสตศักราชที่ยี่สิบห้า จนถึงปีคริสตศักราชที่สองร้อยยี่สิบ การวินิจฉัยและการรักษาโรคบริเวณทวารหนักก็เริ่มมีแบบแผนขึ้น ในตำรา ‘ซางหานปิ้งจ๋าลุ่น[5]’ ของจางจ้งจิ่ง[6]จึงมีการคิดค้นตำรับยาเหน็บขี้ผึ้งที่ใช้บริเวณทวารหนักและการสวนทวารขึ้น”
“และเมื่อปีคริสตศักราชที่หกร้อยสิบ ตำรา ‘จูปิ้งหยวนโฮ่วลุ่น[7]’ ของเฉาหยวนฟาง[8]ก็มีการบันทึกเกี่ยวกับโรคที่เกิดขึ้นบริเวณทวารหนักต่างๆ มีการใช้ชื่อเรียกโรคริดสีดวงทวารที่ใช้กันมาจนปัจจุบัน รวมถึงการทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาโรคริดสีดวง นอกจากนี้ในตำรา ‘เชียนจินฟาง[9]’ ของซุนซือเหมี่ยว[10]ยังมีบันทึกเกี่ยวกับการไหลเวียนของลมปราณที่เกี่ยวข้องกับริดสีดวง และการวินิฉัยโรคพยาธิในลำไส้ผ่านการสังเกตริ้วรอยและแผลบนใบหน้า ลิ้น จมูก ฯลฯ”
“ส่วนในตำรา ‘ว่ายไถมี่เย่า[11]’ กล่าวถึงความแตกต่างและวิธีการจำแนกโรคริดสีดวงทวารภายในและภายนอก และมีบันทึกเกี่ยวกับการสวนทวารผ่านท่อไม้ไผ่โดยใช้น้ำเกลือเป็นครั้งแรก”
“ในตำรา ‘ไท่ผิงเซิ่งฮุ่ยฟาง[12]’ มีการคิดค้นวิธีการกรีดริดสีดวง พัฒนาวิธีการรัดหนังยาง และการจำแนกประเภทของริดสีดวงทวาร”
“ในยุคสมัยใหม่ สวี่ชุนฝู่[13]ก็ได้คิดค้นวิธีการรักษาโดยการรัดหนังยางขึ้นในปีคริสตศักราชหนึ่งพันห้าร้อยห้าสิบหก และในปีคริสตศักราชหนึ่งพันหกร้อยหกสิบห้า ตำรา ‘ว่ายเคอต้าเฉิง[14]‘ ก็มีการบรรยายถึงอาการต่างๆ ของโรคเนื้องอกบริเวณทวารหนัก”
“และในยุคสมัยใหม่นี่เอง ประเทศจีนก็ประสบความสำเร็จในการผลิตเครื่องมือผ่าตัดบริเวณทวารหนักหลายชนิดในปีคริสตศักราชหนึ่งพันแปดร้อยสามสิบสี่ และมีการอธิบายถึงวิธีการผ่าตัดนำสิ่งแปลกปลอมออกมาจากทวารหนักและภาวะไม่มีทวารหนักตั้งแต่กำเนิดอย่างละเอียด”
ไป๋เยี่ยกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำและคล่องแคล่ว ไม่แข็งกร้าวจนดูทะนงตนเกินไป เขาถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์และความรู้เกี่ยวกับโรคบริเวณทวารหนักออกมาได้อย่างเป็นระเบียบ!
ถ้าจะกล่าวถึงสิ่งที่ไป๋เยี่ยถนัดที่สุด ก็คงตอบได้ว่าเป็นคลังความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีพื้นฐานทางการแพทย์แผนจีนที่เขาจดจำไว้ในหัว
ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ เขาทำได้จริงเหรอ
พานเซี่ยงเหนียนยืนโบกมือก่อนจะหันไปกอดเพื่อนของเขาด้วยความตื่นเต้น!
ไป๋เยี่ยทำสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้สำเร็จแล้ว!
บรรดาชาวจีนที่มาร่วมงานต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก!
ถ้าไป๋เยี่ยหรือพวกเขาทำไม่ได้ เรื่องนี้ก็จะถูกซุกไว้ใต้พรมแน่นอน พวกคุณอยากปกป้องศักดิ์ศรีของตนเองไม่ใช่เหรอ ทั้งที่ตัวคุณเองก็จำไม่ได้ว่าตนเข้าไปมีบทบาทอะไรบ้าง แล้วเหตุใดคนอื่นถึงจะต้องจดจำมันแทนคุณล่ะ
ดังนั้นนี่ถือเป็นหนึ่งหมัดจากไป๋เยี่ย!
ไอดะ ทามะจากโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์โตเกียวและอันดะ คิโยะ ปะธานบริษัทเอดะต่างเบิกตากว้าง ไม่มีใครคิดว่าไป๋เยี่ยจะเล่ามันออกมาได้จริงๆ และ…ดูเหมือนว่าจะถูกต้องด้วย!
แม้แต่เจียลี่เองก็ตกตะลึง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดชายหนุ่มคนนี้ถึงดูมั่นใจมาก ที่แท้เขาก็ซ่อนคลังความรู้ไว้นี่เอง ช่างน่าทึ่งจริงๆ!
เจียลี่จึงยืนขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ผมรับประกันว่าหากสิ่งที่คุณพูดในวันนี้ได้รับการตรวจสอบแล้วจะถูกเขียนลงในไทม์ไลน์แน่นอนครับ สมาคมของเราจะจัดทำแผ่นพับประวัติพัฒนาการของวิทยาการด้านการรักษาโรคบริเวณทวารหนักโดยย่อด้วยครับ”
“แน่นอนว่าประเด็นที่คุณกังวลจะได้รับการแก้ไขทันที ผมรับปากว่าถ้าการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว วันพรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปแก้ไขข้อมูลทันที คุณคิดว่าอย่างไรครับ”
เมื่อไป๋เยี่ยเห็นว่าเจ้าภาพรับทราบก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงโค้งคำนับลงเล็กน้อย “ขอบคุณมากครับ!”
หยางเฮ่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งหมด เขาคว้าตัวผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เข้ามาด้วยความตื่นเต้น “คุณเห็นไหม ได้อัดไว้หรือเปล่า ต้องอัดไว้นะ ยอดไปเลย นี่มันข่าวดีชัดๆ กลับไปก็ทำข่าวได้เลยนะเนี่ย! ข่าวดีแบบนี้ต้องรีบบอกต่อ!”
หลังจากเรื่องนี้จบลง นิทรรศการก็ดำเนินต่อไปตามขั้นตอน ทั้งไอดะ ทามะและอันดะ คิโยะต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สำหรับพวกเขาแล้วนี่ถือเป็นเรื่องเล็กๆ เท่านั้น ก็แค่เข้าไปจัดการอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อผลลัพธ์ของการประชุมเท่านั้น
เพราะพวกเขายังมีหุ่นยนต์ผ่าตัด ‘ซากุระ’ เป็นยอดอาวุธลับแห่งประวัติศาสตร์ที่จะถูกนำมาจัดแสดงในการประชุมครั้งนี้ด้วย
นี่คือหุ่นยนต์ผ่าตัดที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการผ่าตัดบริเวณทวารหนักโดยเฉพาะ มัถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทเอดะและบริษัทโซนี่ ถือเป็นหุ่นยนต์สุดทันสมัยตัวแรกของโลกที่นำมาใช้ในกระบวนการรักษาโรคบริเวณทวารหนัก
ไม่สำคัญว่าคุณจะภาคภูมิใจกับการพัฒนาที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์หรือความเฟื่องฟูใดๆ เพราะสิ่งที่ทุกคนต่างเฝ้ารอก็คืออนาคต!
อันดะ คิโยะคิดพลางมองคาวาโนะ ชินจิก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว”
คาวาโนะ ชินจิเห็นว่าหัวหน้าไม่ได้จะตำหนิเขาจึงถอนหายใจออกมา “ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ นิทรรศการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ผมเชื่อว่าเมื่อเราเปิดตัวหุ่นยนต์ผ่าตัดซากุระให้ทุกคนดู ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อมุมมองของทุกคนต่อผลิตภัณฑ์ของเราแน่นอนครับ! มันจะกลายเป็นหนึ่งในเครื่องจักรล้ำยุคที่ถูกบันทึกลงไปในหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน”
อันดะ คิโยะหยักหน้า “ดี! อย่าให้เกิดเรื่องอีกล่ะ!”
นิทรรศการยังคงดำเนินต่อไปราวกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรเลย
[1] คัมภีร์จวงจื่อ คือ คัมภีร์ที่รวบรวมแนวคิดของนักปรัชญาจีนยุคโบราณนามว่าจวงจื่อไว้
[2] เน่ยจิง หรือ หวงตี้เน่ยจิง คือ ข้อความทางการแพทย์ของจีนโบราณที่ถือเป็นหลักคำสอนพื้นฐานสำหรับการแพทย์แผนจีนมากว่าสองพันปี
[3] น่านจิง หรือ หวงตี้ปาสืออีน่านจิง คือ ตำราแพทย์แผนจีนโบราณที่เน้นกล่าวถึงเรื่องธาตุทั้งห้า
[4] เสินหนงเปิ๋นเฉ่าจิง คือ ตำราเกี่ยวกับการเกษตรและพืชสมุนไพรซึ่งเชื่อกันว่าสืบทอดมาจากเฉินหนง
[5] ซางหานจ๋าปิ้งลุ่น คือ ตำราบันทึกประสบการณ์การรักษาโรคของจางจ้งจิ่ง
[6] จางจ้งจิ่ง เป็นแพทย์ในยุคจีนโบราณ มีชีวิตอยู่ในช่วงปีค.ศ. 150-219 ในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่น
[7] จูปิ้งหยวนโฮ่วลุ่น คือ ตำราแพทย์แผนจีนเกี่ยวกับกลุ่มอาการของโรคในสมัยราชวงศ์สุยที่เขียนขึ้นโดยเฉาหยวนฟาง
[8] เฉาหยวนฟาง เป็นแพทย์ประจำราชสำนักและนักประพันธ์ทางการแพทย์ในสมัยราชวงศ์สุย
[9] เชียนจินฟาง คือ ตำราแพทย์แผนจีนที่มีบันทึกเกี่ยวกับการวินิฉัยและการรักษาโรคในสมัยราชวงศ์ถังที่เขียนขึ้นโดยซุนซือเหมี่ยว
[10] ซุนซือเหมี่ยว เป็นเทพแห่งการแพทย์แผนจีนและกวีในสมัยราชวงศ์สุยและถัง ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ราชาแห่งการแพทย์แผนจีน‘
[11] ว่ายไถมี่เย่า คือ ตำราแพทย์แผนจีนในสมัยราชวงศ์ถัง
[12] ไท่ผิงเซิ่งฮุ่ยฟาง คือ ตำราแพทย์แผนจีนในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ
[13] สวี่ชุนฝู่ เป็นแพทย์ในสมัยราชวงศ์หมิง
[14] ว่ายเคอต้าเฉิง คือ ตำราแพทย์แผนจีนในสมัยราชวงศ์ชิง มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวินิฉัยและการรักษาโรคเป็นส่วนใหญ่