คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 14 เป็นศัตรูหรือเป็นมิตร

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 14 เป็นศัตรูหรือเป็นมิตร

เยียนโส่วจ้านกำลังถ่วงเวลา

ถึงแม้กำหนดรายละเอียดในการเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว กำหนดรายชื่อผู้ติดตามแล้ว แต่ทุกครั้งที่ติงฉางซื่อเร่งเร้า เขามักจะเฉไฉพูดถึงเรื่องอื่นเพื่อเป็นข้ออ้างในการถ่วงเวลา

ติงฉางซื่อร้อนใจจนมุมปากเป็นแผล

จิ้งจอกเฒ่าอย่างเยียนโส่วจ้าน ช่างไร้คุณธรรมยิ่งนัก!

“ท่านโหวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงเมื่อใด ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ท่านต้องให้ความชัดเจนกับข้า”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะพลันเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายดื่มสุรา

“ติงกงกงดื่มสุรา! เวลาดื่มสุราอย่าคุยเรื่องสำคัญ”

ติงฉางซื่อสีหน้าดำทะมึน ยกมือทำท่าคำนับไปทางเมืองหลวง

“ฝ่าบาททรงเฝ้ารอท่านโหวและฮูหยินอยู่ในพระราชวัง แต่เหตุใดท่านโหวมัวแต่ถ่วงเวลา ท่านโหวคิดจะขัดพระราชโองการหรือ”

เยียนโส่วจ้านหรี่ตาลง ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าเป็นขุนนางของฝ่าบาท มิบังอาจขัดขืนพระราชโองการ โทษอันใหญ่หลวงเพียงนี้ ข้าต่างหากที่ต้องถามติงกงกง ฝ่าบาทรับสั่งให้ท่านถ่ายทอดพระราชโองการบังหน้า แต่ความจริงแล้วต้องการสืบข้า เพื่อง่ายต่อการคาดโทษอันไม่เป็นจริงกับข้าใช่หรือไม่”

ติงฉางซื่อสัมผัสได้ถึงความอันตรายและแรงอาฆาต

ทันใดนั้นเหงื่อของเขาผุดขึ้น ดึงสติกลับมาได้ในทันที

ที่นี้เป็นพื้นที่ของตระกูลเยียน เยียนโส่วจ้านสามารถฆ่าเขาด้วยเหตุผลต่างๆ คนในพระราชวังก็ไม่อาจทำอันใดเยียนโส่วจ้านได้ในเวลาอันสั้น

ติงฉางซื่อถือแก้วสุราแน่น มือของเขาเผยให้เห็นเส้นเลือดปูนโปน

“เรื่องพระราชโองการ ท่านโหวมีแผนการอย่างไร ขอให้บอกความจริงมาตามตรง ไม่ว่าอย่างไร ย่อมต้องมีข้อสรุป หากยืดเยื้อเป็นเวลานานไปจะไม่มีผลดีต่อทุกคน”

ติงฉางซื่อคล้อยตามอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ลืมที่จะตักเตือน

อย่าทำอะไรวู่วาม

ราชสำนักไม่ได้รับมือด้วยง่ายนัก

หากเจ้าเยียนโส่วจ้านกล้าทำอันใด ราชสำนักจะจัดการเจ้าไม่ช้าก็เร็ว

เยียนโส่วจ้านยิ้ม “ข้ารู้ว่าติงกงกงร้อนใจ ท่านออกจากเมืองหลวงมานาน ย่อมต้องระลึกถึงพระราชวังอย่างมาก แต่ข้าไม่สามารถจากไปได้! ค่ายทหารมีงานมากมาย ต้องคอยเฝ้าระวังทุกเรื่อง ข้าไม่อาจจากไปได้แม้แต่วันเดียว”

หมายความว่าอย่างไร

ติงฉางซื่อสีหน้าฉงน

เขาวางแก้วสุราลง ทำหน้าเหลือเชื่อ

“หากข้าเข้าใจไม่ผิด ท่านโหวคิดจะขัดขืนพระราชโองการไม่เข้าเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ”

เยียนโส่วจ้าน เจ้าบังอาจนัก!

บังอาจขัดขืนพระราชโองการ

ติงฉางซื่อตะโกนด้วยความโกรธอยู่ภายในใจ แต่ภายนอกไม่แสดงสีหน้าใดๆ

ลำบากเขาเหลือเกิน

เยียนโส่วจ้านหัวเราะร่า ท่าทางสง่าผ่าเผยราวกับเป็นชายกำยำที่ไร้กลอุบาย

เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ามิบังอาจขัดขืนพระราชโองการ ฝ่าบาทดำรัสไว้ในพระราชโองการ ทรงระลึกถึงภรรยาของข้าอย่างมาก ข้าจึงคิดว่าให้ภรรยาของข้าเดินทางไปยังเมืองหลวงแทน ภรรยาข้าแต่งกับข้ามายี่สิบปี ระลึกถึงคนและสิ่งของในเมืองหลวงอย่างมากเช่นเดียวกัน เวลานี้เป็นโอกาสที่จะได้บรรเทาความทุกข์ของภรรยาที่ระลึกถึงบ้านเกิด”

ติงฉางซื่อยิ้ม

เยียนโส่วจ้าน เจ้าร้ายกาจนัก!

เปลี่ยนเรื่องการขัดขืนพระราชโองการให้เป็นเรื่องสูงส่งเพียงนี้

เขายกเหยือกสุราขึ้นมา รินสุราเต็มจอก

“ข้าดื่มให้ท่านโหวหนึ่งจอก ท่านโหวมีความกล้านัก ข้ายอมจำนน! ข้าขอดื่มหมดแก้ว”

พูดจบ เขาเงยหน้าดื่มสุราจนหมดจอก หลังจากดื่มแล้วยังไม่ลืมคว่ำจอกให้อีกฝ่ายดู สุราหมดแก้วแล้ว

เยียนโส่วจ้านหรี่ตายิ้ม “ติงกงกงดื่มเก่งยิ่งนัก! ผู้ใดก็ได้ รินสุราให้ติงกงกงอีก!”

ติงฉางซื่อยกจอกสุราขึ้นอีกครั้ง “จอกนี้ยังคงดื่มให้ท่านโหว ข้าหวังว่าท่านโหวจะสมดังปรารถนาทุกเรื่อง พระราชวังและราชสำนักไม่คาดโทษที่ท่านโหวขัดขืนพระราชโองการ”

“ท่านพูดได้ไม่ถูกต้องยิ่งนัก!” เยียนโส่วจ้านเลิกคิ้วพลันยิ้ม “ข้ากับภรรยาเปรียบเสมือนคนเดียวกัน นางสามารถเป็นตัวแทนของข้าได้อย่างสมบูรณ์ ราชสำนักและฝ่าบาทมีรับสั่งอันใด สามารถรับสั่งกับภรรยาข้าได้ทุกเรื่อง นางจะจัดการแทนข้าเอง”

ติงฉางซื่อได้ยินจึงผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะร่า

“ฟังจากคำพูดของท่านโหว ฮูหยินสามารถตัดสินแทนท่านโหวได้?”

“แน่นอน!” เยียนโส่วจ้านพูดเหลวไหลด้วยท่าทีจริงจัง

ติงฉางซื่อยิ้มอย่างมีเลศนัย “หากราชสำนักต้องการให้ท่านโหวปลดกองกำลัง ฮูหยินก็สามารถตัดสินใจแทนได้?”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “ข้าเชื่อว่าขุนนางทุกท่านในราชสำนักย่อมไม่ทำสิ่งที่จะทำลายรากฐานของตนเอง หลักการเดียวกัน ข้าก็เชื่อมั่นว่าภรรยาของข้าไม่มีทางรับปากคำสั่งไร้เหตุผลของราชสำนัก พวกเราสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน นางย่อมต้องรักษาผลประโยชน์แทนข้า”

ติงฉางซื่อดื่มสุราในแก้ว “เหตุใดท่านโหวจึงคิดว่าราชสำนักไม่คาดโทษที่ท่านโหวขัดขืนพระราชโองการ ท่านคิดจะอาศัยฮูหยินในการสยบความไม่พึงพอใจของราสำนัก ท่านโหวคงจะคิดง่ายเกินไป ข้าขอเตือนให้ท่านโหวน้อมรับพระราชโองการ รีบออกเดินทางไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่เมืองหลวง เกียรติยศที่หาได้ยากเช่นนี้ ท่านโหวอย่าได้ทำลายอนาคตอันยาวไกลของตนเอง”

“ฮ่าๆ… อนาคตของข้าอยู่ในแคว้นโยวโจว แคว้นซ่างกู่ เมืองหลวงมีภรรยาเดินทางไปแทนข้าก็เพียงพอแล้ว! หากติงกงกงไม่พอใจ สามารถเดินทางกลับไปทูลต่อฝ่าบาทได้”

พูดจบ เยียนโส่วจ้านก็ปรบมือ

องครักษ์ได้รับคำสั่ง ยกกล่องใบเล็กเข้ามา

กล่องถูกเปิดออก ทองคำสีเหลืองอร่ามทั้งกล่องส่องสว่างจนแสบตา

ติงฉางซื่อหัวใจเต้นระรัว ลมหายใจหอบขึ้นอย่างชัดเจน

เขาหรี่ตาลง “ท่านโหวหมายความว่าอย่างไร”

เยียนโส่วจ้านมีความมั่นใจ “ติงกงกงรับขอบขวัญชิ้นนี้เอาไว้ อย่าได้ถือสากัน พวกเรายังคงเป็นสหายกัน ต่อจากนี้ ข้าจะส่งคนไปรับใช้กงกงทุกปี แน่นอน ทางด้านฝ่าบาท ข้าหวังว่ากงกงจะช่วยพูดเรื่องแต่สิ่งที่ดีของข้า หากติงกงกงเห็นเงินทองดุจดิน ไม่ยอมรับของขวัญชิ้นนี้ เช่นนั้นคงทำได้เพียงลำบากให้กงกงอยู่ต่อ”

ติงฉางซื่อมองทองคำลังหนึ่ง หายใจไม่มั่นคง

ผ่านไปครึ่งวัน เขาถึงได้ตั้งสติกลับมาได้ “ท่านโหวกำลังข่มขู่ข้า!”

“พูดเช่นนี้ไม่ถูก! ข้ากำลังสานสัมพันธมิตรกับติงกงกง” เยียนโส่วจ้านหน้าหนาอย่างมาก เขาพูดจนตนเองแทบจะเชื่อแล้ว

ทองคำมากมานเพียงนี้ หากไม่จริงใจจะหยิบออกมาได้อย่างไร

เขาตั้งใตจะคบหาตนเองจริง

เห็นดวงตาทั้งสองข้างของเขาหรือไม่

จริงใจเพียงใด!

ติงฉางซื่อมองทองคำทั้งลัง ดวงตาไม่อาจเคลื่อนไปที่อื่นได้

เขาเลียริมฝีปาก “หากข้าไม่ยอมรับเอาไว้ ท่านโหวจะกักตัวข้าหรือ”

“ฮ่าๆ…คบสหายมีคุณค่าที่ความจริงใจ หากติงกงกงดูถูกข้า ข้ามีฎีกาอยู่หนึ่งเล่ม พรุ่งนี้สามารถส่งคนนำไปยังเมืองหลวงให้ฝ่าบาททอดพระเนตร”

พูดจบ เยียนโส่วจ้านโยนฎีกาให้ติงฉางซื่ออ่านเนื้อหาด้านใน

เนื้อหาด้านในฎีกาไม่เป็นมิตรอย่างมาก

เนื่องจากมันเป็นฎีการ้องเรียน เนื้อหาร้องเรียนติงฉางซื่อและผู้ติดตามกระทำการอันมิชอบ เป็นภัยต่อพื้นที่ แทรกแซงเรื่องทางการทหาร ชั่วร้ายอย่างมาก สมควรแก่การประหาร

ไม้แข็งไม้อ่อนมาพร้อมกัน อีกทั้งยังก่อให้เกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ ไร้ยางอายอย่างแท้จริง

ติงฉางซื่อสีหน้าดำทะมึน เขาถือฎีกาเอาไว้ ตำหนิด้วยความโกรธ “ใส่ร้ายทั้งสิ้น”

“ผู้ใดในเมืองหลวงจะรู้ว่าเป็นการใส่ร้าย ข้าบอกว่าพวกท่านกระทำเรื่องที่ทำให้คนเกลียดชัง พวกท่านย่อมต้องเคยทำ ถึงแม้ราชสำนักจะส่งคนมาสืบ ก็ไม่อาจสืบถึงปัญหาได้แม้แต่น้อย”

เยียนโส่วจ้านอาศัยข้อดีของการเป็นใหญ่ในเมืองอย่างเห็นได้ชัด เขาต้องการทำให้ติงฉางซื่อและผู้ติดตามตาย

หลังจากข่มขู่เสร็จ สีหน้าของเยียนโส่วจ้านก็เปลี่ยนไป ใบหน้าของเขาแสดงความเป็นมิตรออกมา

“หากติงกงกงยอมเป็นสหายกับข้า ค่าใช้จ่ายตลอดทางนี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง ต่อจากนี้เทศกาลในแต่ละปี ข้าย่อมมีของกำนัลมอบให้”

ติงฉางซื่อมือหนึ่งถือฎีการ้องเรียน พลางมองทองคำลังนั้น

ควรจะไปซ้ายหรือขวา

หัวใจของเขาเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา

เขากลืนน้ำลายลงคอ ในที่สุดก็ตัดสินใจได้

เขาหัวเราะเสียงดัง ฉีกฎีการ้องเรียนทิ้งไป “ท่านโหวมีเจตนาจริงใจในการคบหา ข้าย่อมยินดี ขอบคุณที่ยกย่องยอมคบสหายอย่างข้า ข้าจะไม่รู้ผิดชอบชั่วดีได้อย่างไร ท่านโหววางใจ ทางด้านฝ่าบาท ข้าย่อมต้องทูลถวายแต่สิ่งที่ดีแทนท่านโหวอย่างสุดกำลัง”

เยียนโส่วจ้านเงยหน้าหัวเราะร่า “ฮ่าๆ…ข้ารู้ว่าติงกงกงมีคุณค่าแก่การคบหา ผู้ใดก็ได้รินสุรา! วันนี้ข้าจะดื่มกับติงกงกงให้สาแก่ใจ!”

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท