คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 108 ผู้ทรยศ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 108 ผู้ทรยศ

สมองของหลิงฉางเฟิงคงไม่ปกติเสียจริง

เขาถูกพี่ใหญ่ของเขาต่อว่าแล้ว วันรุ่งขึ้นเขายังคงวิ่งไปทวงความยุติธรรมกับเยียนอวิ๋นเกอที่จวนองค์หญิง

เช้าตรู่ บ่าวรับใช้มารายงานอย่างรีบร้อน “คุณหนู แย่แล้ว หลิงฉางเฟิงมาอีกแล้วเจ้าค่ะ”

“พาคนมามากน้อยเพียงใด”

เยียนอวิ๋นเกอพูดพลันจะถือมีดถือดาบออกไป

สาวรับใช้ตกใจ รีบอธิบาย “คุณหนูเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ คราวนี้หลิงฉางเฟิงมีบ่าวรับใช้ติดตัวมาไม่กี่คน ไม่ๆ ไม่ได้พากองกำลังส่วนตัวมา เขาบอกว่าจะมาทวงความยุติธรรมกับคุณหนูเจ้าค่ะ”

“อ่อ!”

เยียนอวิ๋นเกอปล่อยดาบลงด้วยสีหน้าผิดหวัง

นางคิดว่าหลิงฉางเฟิงจะใจกล้า ให้โอกาสนางได้โจมตีอีกรอบเสียอีก ที่แท้เป็นแค่ความความเข้าใจ

ทันใดนั้นนางก็หมดความสนใจต่อหลิงฉางเฟิง สั่งสาวรับใช้

“ไล่เขาไป! บอกเขา ข้าไม่มีเวลาฟังเขาพูดพล่าม”

สาวรับใช้รับคำสั่งจากไป

สุดท้ายหลิงฉางเฟิงย่อมไม่ยอมจากไป

คราวนี้คนที่มาเป็นพ่อบ้าน

พ่อบ้านโน้มตัวรายงาน “คุณหนู นายน้อยหลิงยืนกรานจะพบท่าน บอกว่ามีเรื่องจะพูดกับท่าน หากท่านไม่ไปพบเขา เขาจะไม่ไปไหน”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “ท่านแม่รู้เรื่องนี้หรือไม่”

“องค์หญิงรู้ขอรับ นางบอกว่าเรื่องนี้ให้คุณหนูตัดสินใจเอง นางไม่ข้องเกี่ยว”

เยียนอวิ๋นเกอลูบคาง “หลิงฉางเฟิงมีเรื่องคุยกับข้า เขาอยากคุยเรื่องใดกันแน่”

“คุณหนูจะไปพบเขาหรือไม่ขอรับ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “เชิญเขาไปที่ห้องโถง ข้าจะตามไป”

พ่อบ้านรับคำสั่งจากไป

เยียนอวิ๋นเกอจงใจถ่วงเวลาไปพบหลิงฉางเฟิงที่ห้องโถง

เมื่อหลิงฉางเฟิงเห็นนาง ความโทสะก็ปะทุขึ้น

แต่ว่าเขาจำเป้าหมายของตนเองในวันนี้ได้ ดังนั้นเขาเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ ไม่พูดจาเหลวไหล

เยียนอวิ๋นเกอแต่งกายด้วยชุดยิงธนู นางนั่งลงบนเก้าอี้ “เจ้ามีเรื่องพูดกับข้า ข้ามาแล้ว เจ้าพูดมาเลย!”

หลิงฉางเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างจริงจัง “คุณหนูสี่ แต่ก่อนหากข้าทำเรื่องใดให้ขุ่นเคือง หวังว่าท่านจะให้อภัย”

เอ๊ะ?

วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งตะวักตกหรือ

หลิงฉางเฟิงถึงได้เดินทางมาขอโทษด้วยตัวเอง?

นางคงไม่ได้เข้าใจผิด หลิงฉางเฟิงน่าจะกำลังขอโทษใช่หรือไม่

นางฟังเขาพูดต่อ “ข้าหวังว่าต่อจากนี้ พวกเราไม่ต้องข้องเกี่ยวกัน ท่านไม่ลอบทำร้ายข้า ข้าก็ไม่ทำให้ท่านขุ่นเคือง ข้าเดินตามทางของข้า ท่านเดินตามทางของท่าน ไม่รู้คุณหนูสี่มีความคิดเห็นอย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยิน หัวเราะขึ้นมา “เจ้ากำลังขอโทษหรือ”

หลิงฉางเฟิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หากท่านคิดเช่นนั้น ข้าก็ไม่ปฏิเสธ”

“ดีมาก!” เยียนอวิ๋นเกอเคาะโต๊ะเบาๆ “แต่ว่าเจ้าขอโทษผิดคน เจ้าไม่ได้ทำผิดต่อข้า คนที่เจ้าต้องขอโทษคือพี่ใหญ่ของข้า เจ้าขาดคำขอโทษให้พี่ใหญ่ข้า”

หลิงฉางเฟิงขมวดคิ้ว “แต่ว่าหลายวันนี้ คุณหนูสี่ออกหน้าแทนพี่ใหญ่ของท่านอยู่เสมอ ท่านเป็นคนลอบทำร้ายข้า ลอบทำร้ายเยียนอวิ๋นเพ่ย ข้าหวังว่าทุกสิ่งจะจบสิ้นตรงนี้”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงเบา “ไม่คิดเลย เจ้าจะออกหน้าแทนเยียนอวิ๋นเพ่ยด้วย จิ๊ๆ…”

หลิงฉางเฟิงเงียบ

เยียนอวิ๋นเกอเข้าใจ “หากพูดเช่นนี้ เจ้าเสียใจที่แต่งกับเยียนอวิ๋นเพ่ยใช่หรือไม่”

หลิงฉางเฟิงเอ่ยขึ้นตามตรง “เสียใจมีประโยชน์หรือ”

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าเบาๆ “ย่อมไม่มีประโยชน์! ข้าจำได้ เมื่อวานท่านลุงสองกับท่านป้าสองไปเยือนที่จวนของเจ้า ให้ข้าเดา พวกเขาย่อมต้องเร่งเร้าให้พวกเจ้ามีบุตรในเร็ววัน”

หลิงฉางเฟิงยิ้ม “คุณหนูสี่ฉลาดเสียจริง ใช่ ท่านลุงสองกับท่านป้าสองของท่านเร่งเร้าให้พวกเรามีบุตรจริงๆ”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มมีนัย “ฟังจากน้ำเสียงของเจ้า ราวกับว่าเจ้าไม่อยากมี”

หลิงฉางเฟิงหัวเราะ “ชายใดไม่อยากมีบุตรของตนเอง”

เยียนอวิ๋นเกอสงสัย ก่อนจะส่ายหน้าระรัว “ไม่ใช่…ไม่ใช่! หากเมื่อวานเจ้าพบกับท่านลุงสองกับท่านป้าสองของข้าด้วยความสันติ วันนี้เจ้าไม่มีทางมาหาข้า ในเมื่อเจ้ามาหาข้า แสดงว่าเมื่อวานพวกเจ้ามีความขัดแย้งกัน ความขัดแย้งนั้นคือบุตรหรือ”

หลิงฉางเฟิงขมวดคิ้ว

เขารำคาญอย่างมาก!

เหตุใดสมองของเยียนอวิ๋นเกอจึงดีเพียงนี้

แต่ก่อนนางเป็นใบ้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือทำท่าทาง อันที่จริงล้วนไม่อาจสื่อสิ่งที่นางต้องการพูดออกมาได้อย่างสมบูรณ์

ดังนั้นเมื่อตอนที่นางยังเป็นใบ้ ทุกคนรู้สึกถึงเพียงความใจร้อนของนาง แต่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความฉลาดของนาง

เวลานี้นางพูดได้แล้ว ทันใดนั้น…ทำให้คนรู้สึกเกลียดชัง!

ตอนที่เป็นใบ้ดีกว่า!

อย่างน้อยไม่พูดจาทำให้คนเกลียด

หลิงฉางเฟิงปฏิเสธ “ไม่ซับซ้อนเหมือนที่ท่านคิด! ก่อนที่เยียนอวิ๋นเพ่ยจะแต่งเข้าตระกูลหลิง นางถูกจวนโหวรับเลี้ยงแล้ว บ้านรองตระกูลเยียนไม่ถือว่าเป็นพ่อตาแม่ยายของข้า”

อย่างนั้นหรือ

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม

ราวกับกำลังพูด เจ้าปฏิเสธไปเถอะ ข้าไม่เชื่อแม้แต่น้อย

หลิงฉางเฟิงขมวดคิ้ว หมดความอดทน “คุณหนูสี่ ข้อเสนอของข้าก่อนหน้านี้ ท่านตกลงหรือไม่ ความบาดหมางระหว่างเราที่เกิดจากข้า จบสิ้นเพียงเท่านี้ได้หรือไม่”

“ได้!”

หลิงฉางเฟิงยังไม่ทันดีใจ คำพูดเยียนอวิ๋นเกอก็เปลี่ยนไปในอีกทิศทางหนึ่ง

“เพียงแค่เมื่อเจ้าพบพี่ใหญ่ข้า ขอโทษพี่ใหญ่ข้าด้วยตนเอง พี่ใหญ่ข้าไม่ถือสาเจ้า ให้อภัยเจ้า ความบาดหมางระหว่างพวกเราก็จบสิ้นกัน!”

“เจ้า…” ความโกรธของหลิงฉางเฟิงปะทุขึ้น

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างมีนัย “เจ้าไม่ตกลงย่อมได้! อย่างมาก ระหว่างพวกเราก็ยังบาดหมางกันต่อไป ข้ารอเจ้าลงมือ”

หลิงฉางเฟิงข่มความโกรธ “พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ในเมืองหลวง ข้าจะขอโทษนางอย่างไร”

“เจ้าหาทางเองไม่เป็นหรือ ขอโทษไม่จำเป็นต้องต่อหน้า เจ้าเขียนจดหมายย่อมได้” เยียนอวิ๋นเกอสนับสนุนเขา รีบเขียนจดหมายยอมรับผิดเสีย!

จดหมายที่เขียนด้วยลายมือย่อมเป็นหลักฐาน!

เมื่อเทียบกับการขอโทษซึ่งหน้า จดหมายที่เขียนด้วยลายมือสามารถรักษาไว้ได้นานยิ่งกว่า

สมัยนี้ไม่มีเครื่องบันทึกเสียง

วาจาที่เอ่ยต่อหน้า ลับหลังก็ไม่ยอมรับได้

หลิงฉางเฟิงกำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในการเขียนจดหมายขอโทษ

เขาส่ายหน้าอย่างช้าๆ “เขียนจดหมายให้พี่ใหญ่เจ้าเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก ฐานะของนางในเวลนี้ไม่อาจเทียบได้กับเมื่อก่อน…”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขัดเขา

ขี้ขลาดก็พูดมา

ไม่มีคนหัวเราะ

หลิงฉางเฟิงอัดอั้นความโกรธไว้ในใจ “ได้ พรุ่งนี้ข้าจะเขียนจดหมายให้พี่ใหญ่ของเจ้า หวังว่าต่อจากนี้ทุกสิ่งจะจบสิ้นลง”

เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “วางใจ! เมื่อข้าได้รับจดหมายจากพี่ใหญ่ของข้า เรื่องที่ผ่านไปข้าย่อมจบสิ้น นับแต่นี้ต่อไป ข้าจะไม่หาเรื่องเจ้า แต่หากเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจในเรื่องอื่น อย่าหาว่าข้ารังแกเจ้าอีกครั้ง”

หลิงฉางเฟิงก็พูด “เจ้าวางใจ ข้าจะอยู่ให้ห่างจากเจ้า ไม่มาให้เจ้าเกะกะลูกตา”

ดีมาก!

“ส่งแขก!”

ระหว่างคนทั้งสอง ไม่มีความจำเป็นต้องเสแสร้งรั้งเอาไว้ หรือพูดจาด้วยความเกรงใจ

หลิงฉางเฟิงเด็ดขาดอย่างมาก เขายกมือก้าวเดินจากไป

เยียนอวิ๋นเกอเรียกเขาเอาไว้อย่างกะทันหัน

“หากเจ้าไม่อยากมีบุตรกับเยียนอวิ๋นเพ่ย มีวิธีตั้งมากมาย เหตุใดเจ้าต้องกลุ้มใจ เจ้าไม่เข้าใจ คนข้างกายเจ้าก็ไม่เข้าใจหรือ”

หลิงฉางเฟิงชะงักฝีเท้าลง แต่ไม่ได้หันกลับไป

เขาหัวเราะร่า “ข้ารู้อยู่แล้ว เมื่อเทียบกับความแค้นที่มีต่อข้า เจ้าแค้นเยียนอวิ๋นเพ่ยมากยิ่งกว่า เดิมทีนางกับพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นพี่น้องกัน แต่สุดท้ายนางกลับ…ข้าเป็นคนเลว นางก็เป็นคนทรยศ ถูกคนข้างกายทรยศ ไม่มีผู้ใดไม่แค้น”

หลังจากพูดจบ หลิงฉางเฟิงจากไปอย่างพึงพอใจ

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมา ไม่คิดว่าหลิงฉางเฟิงจะรู้จักตัวเองดี รู้ว่าตนองเป็นคนเลว

โทษได้เพียงสายตาของเยียนโส่วจ้านมีปัญหา หมั้นหมายคนเลวอย่างนี้ให้พี่ใหญ่

ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่แต่งกับท่านโหวผิงอู่ สืออุนไปแล้ว จะมีชีวิตที่ดีหรือไม่

ถึงแม้เซียวอี้จะบอกว่าพี่ใหญ่มีชีวิตอยู่ดี แต่อย่างไรพี่ใหญ่ก็ไม่ได้เขียนจดหมายมาบอกกล่าวด้วยตนเอง

ไกลออกไปพันลี้

หลายสิบคนควบม้าเร็วมุ่งหน้าไปยังริมแม่น้ำ

เมื่อถึงริมแม่น้ำ พวกเขาทิ้งเรือขึ้นมา มุ่งหน้าไปยังเรือสามชั้นที่อยู่ใจกลางแม่น้ำลำหนึ่ง

ฤดูหนาวทางใต้ทั้งเย็นทั้งชื้น แต่แม่น้ำไม่ถูกแช่แข็ง

ดังนั้น บนแม่น้ำยังมีเรือเดินไปมา

เรือลำนั้นเคลื่อนไปถึงใจกลางแม่น้ำ แนบชิดกับเรือสามชั้น

แผ่นไม้หนึ่งเชื่อมต่อระหว่างเรือทั้งสอง

เซียวกั้ว นายน้อยใหญ่แห่งจวนท่านอ๋องตงผิงนำองครักษ์นับสิบนายเดินข้ามแผ่นไม้ เหยียบขึ้นบนเรือสามชั้น

ชั้นบนสุดของเรือถูกเก็บกวาด พร้อมตัดเตรียมอาหารโต๊ะหนึ่ง

มีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนพื้น กำลังลงมือต้มชารอคอยแขกผู้มาเยือนด้วยตนเอง

คนผู้นี้คือเซียวอี้ นายน้อยหกแห่งจวนท่านอ๋องจงผิง

เซียวกั้วเดินเข้าไปในชั้นสามของเรือ เห็นน้องชายเซียวอี้อยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นเขาจึงโบกมือให้เหล่าองครักษ์ถอยไป

เหล่าองครักษ์ไม่วางใจ

นายน้อยหกเชี่ยวชาญในการลอบสังหาร ผู้ใดจะรู้ว่าในห้องนี้มีกลไกลับหรือไม่

อาทิ น้ำชาและอาหารถูกวางยาหรือไม่

ช่องลับบนกำแพงซ่อนลูกธนูพิษเอาไว้หรือไม่

เซียวกั้วพึงพอใจกับความจงรักภักดีของเหล่าองครักษ์ เขาแสร้งทำเป็นโกรธ ตวาดเสียงดัง “ถอยไป!”

เมื่อหมดหนทาง เหล่าองครักษ์จึงทำได้เพียงถอยลงไปชั้นสอง

“เชิญนั่ง!” เซียวอี้ทักทายเสียงเย็น

เซียวกั้วนั่งลงบนพื้นอยู่ตรงข้ามเขา “ข้ามา เจ้าผิดหวังมากใช่หรือไม่”

เซียวอี้กลับหัวเราะขึ้นมา “ข้าเขียนจดหมายไปให้เสด็จพ่อ เชิญเขามาพบหน้าที่นี่ ตอนที่ส่งจดหมายออกไป ข้าก็รู้ว่าเสด็จพ่อไม่กล้ามา เขาทั้งขี้ขลาดทั้งกลัวตาย เวลานี้เขาจะกล้ามาตามนัดข้าได้อย่างไร

อีกทั้งเขาก็ไม่กล้าส่งบุตรชายของสตรีผู้นั้นมาตามนัด เกรงว่าข้าจะใช้โอกาสนี้สังหารพวกเขา แต่ว่าเขาอยากรู้ว่าข้ามีจุดประสงค์ใดนัดพบเขา ดังนั้นมีเพียงท่าน อีกทั้งมีแต่ท่าน เขามีเพียงส่งท่านมาตามนัด เพราะอย่างไรพวกเราก็เป็นพี่น้องร่วมมารดา

ดูสิ บนโต๊ะมีแต่อาหารที่พี่ใหญ่ชอบ ข้าตั้งใจให้คนเตรียมเอาไว้ สิ่งที่พี่ใหญ่ชอบกิน ข้าไม่เคยลืม สิ่งที่ข้าชอบกิน พี่ใหญ่ยังจำได้หรือไม่”

เซียวอี้ยิ้มอย่างมีนัย แววตามีแต่ความสงบก่อนที่พายุจะโหมกระหน่ำ อีกทั้งยังเป็นยาพิษ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท