กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 6 จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 6 จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว

บทที่ 6 จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว

คําพูดไม่กี่คําของหวังผิงกลับทําให้บรรยากาศในบ้านนิ่งงันทันที และคนที่ต้องอับอายที่สุดก็คือเซี่ยชิงหยวน

แม้จะชินชากับการที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ในชาติที่แล้ว แต่หญิงสาวก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด

เซี่ยโยว่หมิงดูไม่มีความสุขขึ้นมาทันที “ลูกสาวกับลูกเขยแทบจะไม่ค่อยได้กลับบ้าน คุณจะพูดเรื่องนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา? มันเป็นเรื่องที่คุณควรจะยินดีในฐานะแม่นะ ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นออกมากัน”

แม้ว่าจะมีลูกชายถึงสองคน แต่เซี่ยโยว่หมิงก็รักเซี่ยชิงหยวนมากที่สุด

ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ได้มีความคิดแบบปิตาธิปไตย และเซี่ยชิงหยวนก็เป็นลูกคนสุดท้อง ในขณะเดียวกันก็เป็นเพราะทัศนคติเชิงลบของภรรยาที่มีต่อลูกสาวคนนี้ ทำให้เขารักและใส่ใจเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ

เมื่อผู้เป็นสามีกล่าวขึ้นโดยใช้อำนาจของผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเข้าข่ม หวังผิงก็ไม่อาจโต้เถียงอะไรได้ ทว่าภายในใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง และมันเป็นความรู้สึกที่มีต่อเซี่ยชิงหยวน

เธอจ้องเขม็งไปยังหญิงสาวราวกับการมาเยือนบ้านของเธอคือการสร้างปัญหา จากนั้นหญิงชราจึงกล่าวกระแทกกระทั้นว่า “ฉันจะไปทำอาหาร!”

เมื่อกล่าวจบ เจ้าตัวก็เดินจากไปทันที

เซี่ยจิ่งเยว่กับกงเหลียนซินไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ถึงอย่างนั้น เหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นภายในบ้านเป็นครั้งแรกเสียทีเดียว

เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้วและเอ่ยปลอบโยน “คุณแม่เป็นคนปากร้ายแต่ใจดีมาก คุณอย่าใส่ใจเลย”

เซี่ยชิงหยวนฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก จากนั้นเธอก็ส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

นาน ๆ ที่เธอก็จะปลอบโยนตัวเองแบบนี้ แม่ของเธอเป็นเพียงคนปากร้ายแต่ใจดี แม่คนไหนบ้างจะไม่รักลูกของตัวเอง?

เซี่ยชิงหยวนลังเล แต่ก็ตัดสินใจไปที่ห้องครัวเพื่อดูอีกฝ่ายเสียหน่อย

กงเหลียนซินคว้าตัวเธอไว้ และพูดพร้อมด้วยรอยยิ้ม “เธอจะไปไหน”

เซี่ยชิงหยวนตอบ “ฉันจะไปช่วยแม่ในครัว”

“ตอนนี้แม่น่าจะยังโกรธอยู่ ถ้าตามไปเดี๋ยวก็โดนดุอีกหรอก”

ในขณะที่พูด กงเหลียนซินตบไปที่มือของหญิงสาวเบา ๆ เป็นเชิงปลอบประโลม

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกซาบซึ้งใจกับการกระทำนี้ของพี่สะใภ้ใหญ่ เธอพยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่”

ทั้งหวังผิงและกงเหลียนซินต่างก็ถนัดงานครัว เพียงเวลาไม่นาน อาหารก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว

หมูตุ๋นกับมันฝรั่ง กะหล่ำปลีกับเต้าหู้ตุ๋น ผัดผักตามฤดูกาล ถั่วลิสงหนึ่งจาน และซุปมะเขื่อเทศกับไข่

เซี่ยโยว่หมิงเหลือบมองปลาที่เสิ่นอี้โจวนํามา และมองไปที่หวังผิงด้วยความไม่พอใจ

หวังผิงทำราวกับไม่เห็น และเดินผ่านเขาไปพร้อมกับชามในมือ

และแล้วจางอวี้เจียวก็ออกมาจากห้องพร้อมกับลูกสาวสองคน

จากนั้นก็ทำราวกับว่าเธอเพิ่งรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวกลับมาบ้าน เธอแสร้งทําเป็นแปลกใจ “น้องสาวและน้องเขยกลับมาแล้ว”

เมื่อได้ยินการทักทายที่เสแสร้ง เซี่ยชิงหยวนไม่ต้องการทำเอะอะจนน่าเกลียดเกินไป ดังนั้นเธอจึงเรียกอีกฝ่ายเบา ๆ ว่า “พี่สะใภ้รอง”

ส่วนเด็กหญิงสองคน คนหนึ่งอายุสามขวบ ส่วนอีกคนสองขวบ

เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน พวกเธอก็ต้องการเดินไปหาอีกฝ่าย ทว่ากลับถูกจางอวี้เจียวรั้งไว้ ผู้เป็นแม่เอ่ยดุด้วยเสียงต่ำ “ลืมสิ่งที่ฉันเพิ่งสอนไปแล้วเหรอ?! เดี๋ยวก็อดข้าวซะหรอก”

แม้จะถูกรั้งไว้ แต่สายตาของเด็กทั้งสองกลับมองไปยังอาสาวอย่างกระตือรือร้น และไม่กล้าพูดอะไรออกมา

เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจและส่งยิ้มให้พวกเธอ “น้าเอานมผงกับน้ำตาลกลับมาด้วย เดี๋ยวจะแบ่งให้หลาน ๆ ทีหลังนะจ๊ะ”

เด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองเผยสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วทั้งสองก็มองไปที่จางอวี้เจียวอย่างอ้อนวอน

“พวกแกมองฉันทำไมฮะ? ต่อให้เราไม่รับมา มันก็มีคนหน้าไม่อายเอาไปอยู่ดี”

กงเหลียนซินที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมชามกับตะเกียบเมื่อได้ยินประโยคนี้ของน้องสะใภ้ มุมปากที่ยกขึ้นของเธอก็แข็งค้างทันที แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร

แต่หวังผิงกลับพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “ซื้อของหวานมาทำไม มันมีแต่จะทำให้เด็ก ๆ เสียนิสัย”

เซี่ยชิงหยวนเผยอปากคล้ายจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าเธอกลับไม่พูดออกมา

กงเหลียนซินมองเธออย่างปลอบโยนแล้วเดินตามไปที่โต๊ะ

ที่โต๊ะอาหารค่ำของครอบครัวเซี่ยถูกจัดเป็นสองโต๊ะ หนึ่งโต๊ะของผู้ใหญ่และโต๊ะสำหรับเด็ก

เสิ่นอี้โจวกับเซี่ยโยว่หมิงนั่งดื่มด้วยกัน ส่วนเซี่ยชิงหยวนนั่งถัดจากเสิ่นอี้โจวและตรงข้ามกับเธอคือจางอวี้เจียว

เดิมที เธอคิดว่าทุกคนกําลังกินข้าวและจะไม่มีการพูดคุยกันเกิดขึ้น แต่จางอวี้เจียวก็พูดขึ้น “เธอเพิ่งซื้อชุดตัวนี้มาใหม่ใช่ไหม เสี่ยวหยวน”

วันนี้ เซี่ยชิงหยวนสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อน ซึ่งขับให้ผิวของเธอกระจ่างใสยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับผมดำขลับที่ถักเป็นเปียสองข้าง ยิ่งเผยเสน่ห์สะกดสายตาผู้คนได้อย่างดี

หญิงสาวยอมรับว่าเธอมีเสื้อผ้ามากมาย เพราะเธอซื้อมันมาด้วยเงินเดือนของเสิ่นอี้โจว

ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงตอบเบา ๆ “ใช่ค่ะ ฉันซื้อมันเมื่อไม่กี่วันก่อน”

จางอวี้เจียวกล่าวต่อ “เสี่ยวหยวนยังโชคดีนะที่ได้แต่งงานกับผู้ชายดี ๆ ไม่เหมือนน้องของฉัน กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีงานทำเลย”

น้องสาวที่อีกฝ่ายกล่าวถึงมีอายุมากกว่าเซี่ยชิงหยวนหนึ่งปี

รูปร่างหน้าตาของเธอถือว่าดูดีในระดับหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวจึงหยิ่งยโสมาก ดังนั้นเธอจึงได้เปลี่ยนงานบ่อยครั้ง ทั้งยังแสนจะจู้จี้จุกจิกเกี่ยวกับการเลือกคู่ครองของตน

ครั้งสุดท้ายที่คนคนนี้มาบ้านแม่ของเธอ อีกฝ่ายเผอิญเจอกับเธอและเสิ่นอี้โจว เมื่อพวกเขาเดินทางกลับ น้องสาวของพี่สะใภ้รองก็ขอให้เสิ่นอี้โจวแนะนำงานให้ โดยไม่สนใจว่าจะได้เงินเดืิอนเท่าไหร่

ทว่าคำขอร้องนี้ ถ้าเป็นคนที่ฉลาดหน่อยก็จะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไรอยู่ในใจ

หวังผิงจริงจังกับเรื่องนี้มากและขอให้เซี่ยชิงหยวนบอกเสิ่นอี้โจวให้จัดการหางานให้หญิงสาวซะ

เซี่ยชิงหยวนร้องไห้มาตลอดทางกลับบ้านในตอนนั้น

ดังนั้นเมื่อจางอวี้เจียวพูดเรื่องนี้ขึ้นมา บนโต๊ะอาหารค่ำก็เงียบลงทันที

ใบหน้าของเซี่ยโยว่หมิงมืดครึ้ม

แต่ในฐานะพ่อตา เขาไม่สามารถตําหนิลูกสะใภ้ได้โดยตรง ดังนั้นเขาจึงส่งสายตาไปทางผู้เป็นภรรยา

ใครจะรู้ว่าหวังผิงจะพูดสนับสนุนอีกฝ่าย “เสี่ยวโจว ที่ฉันขอให้เธอหาตําแหน่งว่างในหน่วยงานให้คราวก่อน ตอนนี้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”

“แม่!” แม้แต่เซี่ยจิ่งเยว่ก็เริ่มทนไม่ไหว

น้องของจางอวี้เจียวต้องการไปทำงานที่หน่วยงานวิจัยตั้งแต่เธอเห็นเสิ่นอี้โจว นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าเธอกำลังคิดตีท้ายครัวน้องสาวตัวน้อยของเขา?

การแสดงออกของเสิ่นอี้โจวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มวางแก้วลงและพูดว่า “ตอนนี้เราขาดคนจริง ๆ แต่เราทุกคนต้องการนักวิจัยมืออาชีพ ผมเกรงว่าน้องสาวของครอบครัวพี่สะใภ้รองจะไม่ตรงตามเงื่อนไข”

ประโยคเดียวของชายหนุ่มนี้ได้เผยข้อเท็จจริงอันไร้ความปรานียิ่ง

ใบหน้าของจางอวี้เจียวบูดเบี้ยวทันที “น้องเขยหมายความว่าน้องสาวของฉันไม่เหมาะที่จะทำงานในหน่วยงานวิจัยของเธออย่างนั้นเหรอ?”

เธอไม่แน่ใจว่า อีกฝ่ายกำลังสื่อว่าหน่วยงานของเขาไม่ใช่ว่าใครก็เข้าไปทำงานได้ หรือเขาเพียงแค่ไม่ชอบน้องสาวเธอกันแน่?

เสิ่นอี้โจวไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด ดวงตาใสกระจ่างของเขาสะท้อนใบหน้าไม่พอใจของจางอวี้เจียว “มันไม่เกี่ยวกับว่ามีตำแหน่งสูงหรือไม่หรอกครับ แต่ทุกคนล้วนทำงานรับใช้ประเทศชาติ ในเมื่อหน่วยงานไม่รับรอง ผมก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันครับ”

จางอวี้เจียววางตะเกียบลงทันที “ถ้าไม่อยากทำ เธอก็ไม่ต้องทำ ทำอย่างกับว่าการหางานมันยากมากงั้นแหละ ส่วนเรื่องที่คุยกันเมื่อครู่ ลืมมันไปเถอะ ในเมื่อเธอไม่ได้อยากจะช่วยน้องสาวของฉัน”

เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ของเธออารมณ์เสีย หวังผิงก็เตะเข้าไปที่เท้าของ เซี่ยชิงหยวนใต้โต๊ะ เพื่อส่งสัญญาณให้เธอช่วยพูดกับผู้เป็นสามี

เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวกับจางอวี้เจียวกําลังพูดคุยกันอย่างจริงจัง เซี่ยชิงหยวนเพียงนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างกายชายหนุ่ม กินอาหารของตัวเองโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ

แต่เมื่อโดนผู้เป็นมารดาเตะเท้าและขยิบตาให้เธอไม่หยุด หัวใจของหญิงสาวก็ชาด้านไปหมดจนทําอะไรไม่ถูก

ในชีวิตที่แล้วของเธอ เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาหลังจมน้ำ เธอก็ตัดสินใจฟ้องหย่า เธอจำได้ว่าเคยทะเลาะกับเสิ่นอี้โจวอย่างรุนแรง จนเขาไม่กลับมาที่นี่อีกเลยหลังจากนั้น

แต่เมื่อเรื่องราวเปลี่ยนไปกลับมีสิ่งนี้รอคอยชายหนุ่มอยู่

หญิงสาวไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว

เธอหรี่ตาลง จัดระเบียบความคิดที่วุ่นวายของเธอ และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แววตาของเธอพลันว่างเปล่า

เธอวางชามและตะเกียบลงเหลือบมองไปที่หวังผิงช้า ๆ แล้วหันไปหาจางอวี้เจียว “ฟังจากคำพูดของพี่สะใภ้รอง ดูเหมือนคุณจะคิดว่าหน่วยงานวิจัยเป็นธุรกิจครอบครัวสินะคะ แต่รู้อะไรไหม? ความคิดแบบทุนนิยมพรรค์นั้นถ้าชาวบ้านได้ยินเข้า คุณจะถูกจับเอานะคะ”

“เซี่ยชิงหยวน นี่เธอ…” จางอวี้เจียวไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทําให้เธออับอายอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันด้วยโทสะคุกรุ่น

หวังผิงยังรู้สึกว่าลูกสาวตัวดีพูดจาไม่เหมาะสม เธอจึงอ้าปากหวังตําหนิอีกฝ่าย “ชิงหยวน…”

“พอแล้ว!” เซี่ยโยว่หมิงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงตบลงไปที่โต๊ะอาหารเสียงดัง ‘ปึ้ง!’

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท