กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 34 โอบกอด

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 34 โอบกอด

บทที่ 34 โอบกอด

เสิ่นอี้หลินยืนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่เพียงมีความสุขเท่านั้น แต่ยังมีความไม่เต็มใจหลงเหลืออยู่อีกด้วย

จากนั้นเขาก็ถามว่า “พี่ครับ เมื่อก่อนเราส่งเงินให้ครอบครัวพวกเขาตั้งมากมาย ทำไมเราถึงไม่ทวงคืนกลับมาล่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มบางแล้วพูดว่า “อี้หลิน สิ่งที่พวกเขาทำกับเรานั้นเลวร้ายมาก พวกเราจึงไม่ควรเลียนแบบพวกเขา ดังนั้นก่อนคุณปู่เสีย ท่านจึงได้มอบสมุดเล่มนี้ไว้ให้พี่ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาทำอะไรเกินเลย แต่คุณปู่ก็คาดหวังเช่นกันว่าเราจะไม่ทำรุนแรงกับพวกเขามากเกินไป และแม้จะมีใครเอาเรื่องนี้มาพูดในภายหลัง การที่เราไม่ทวงเงินและสิ่งของคืน มันจะทำให้พวกเขาไม่สามารถตราหน้าว่าพวกเราเนรคุณได้”

ถึงอย่างไร ชายหนุ่มก็ทำงานมานานกว่าสองปี ได้รับเงินเดือนแปดหยวนต่อเดือน เมื่อนำมารวมกันแล้ว มันก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลย ดังนั้นการที่เขามอบมันให้แก่ครอบครัวของเสิ่นสิงโดยไม่ทวงคืน แล้วจะมีใครว่ากล่าวได้อีกเล่า?

อีกทั้งเสิ่นหมิงเซียวได้ขอร้องให้เขาโกหกเกี่ยวกับเงินเดือนของเขา เพื่อเก็บเงินบางส่วนไว้เอง ด้วยความฉลาดของชายหนุ่ม เขาจึงเข้าใจความคิดของชายชราได้ดีกว่าใคร

ชายชราสงสารครอบครัวของลูกชายคนเล็กก็จริง แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ครอบครัวของลูกชายคนโตต้องจบลงด้วยความทุกข์ยาก

ดังนั้นนี่จึงถือเป็นการตอบแทนน้ำใจของชายชราเป็นครั้งสุดท้าย

เสิ่นอี้หลินพยักหน้าด้วยความเข้าใจเพียงครึ่งเดียว “ผมเข้าใจแล้วครับ”

เมื่อสายตาของเขาเบนไปยังขาหมูที่เต็มไปด้วยโคลนบนพื้น ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาก็มุ่ยขึ้นอีกครั้ง “แต่ขาหมูของผม…”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและลูบหัวของเด็กน้อย “พรุ่งนี้พี่สะใภ้จะทำอะไรให้นายกินเอง”

เสิ่นอี้หลินสะอื้นพร้อมสำลัก “แต่พี่สะใภ้จะจากไปวันพรุ่งนี้แล้ว”

หญิงสาวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้คือวันที่เสิ่นอี้โจวหยุดเป็นวันสุดท้าย พวกเธอต้องไปที่เมืองเตียนเฉิงแล้ว

เธอกลอกตา “งั้นคืนนี้เรากินไก่กันไหม”

เสิ่นอี้หลินส่ายหัว “ในบ้านของเรามีไก่ที่ไหน”

เซี่ยชิงหยวน “…”

เดิมทีครอบครัวของพวกเขาเลี้ยงไก่ไว้สองตัว แต่หลังจากไก่ออกไข่ได้ไม่นาน ผานเยว่กุ้ยกับสวีไหลตี้ดูเหมือนจะติดตั้งเครื่องจับสัญญาณไว้ในบ้านของเธอ ทุกครั้งที่ไก่วางไข่ คนทั้งสองก็จะเข้ามาเอาไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาเมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นว่ามันคงไม่ออกไข่อีกแล้ว หลินตงซิ่วจึงกลั้นใจฆ่ามันไปตัวหนึ่ง แล้ววันถัดมา ผานเยว่กุ้ยก็เข้ามาโดยบอกว่าเสิ่นสิงเจ็บเท้าและเขาต้องการฆ่าไก่เพื่อบำรุงร่างกาย

ด้วยเหตุนี้ เซี่ยชิงหยวนที่รู้สึกโกรธเกรี้ยวจึงไม่ขอให้หลินตงซิ่วเลี้ยงไก่อีก

เมื่อเห็นแบบนี้ เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ไม่เป็นไร งั้นวันนี้เรากินซุปปลาก็แล้วกัน”

เมื่อกลับมา เขาบังเอิญเห็นปลาตะเพียนอ้วนสองตัวอยู่ในถัง

เซี่ยชิงหยวนมองชายหนุ่มอย่างซาบซึ้ง

โดยไม่คาดคิดว่า หลังจากเกิดใหม่ เธอจะไม่อาจทำอาหารให้น้องชายสามีกินได้สำเร็จ

หลินตงซิ่วหยิบขาหมูบนพื้นขึ้นมาและพูดว่า “เรายังกินเนื้อพวกนี้ได้ ถ้าล้างมันให้ดี”

ขาหมูถูกสับเป็นชิ้นค่อนข้างใหญ่ แม้ว่าจะเปื้อนดิน แต่มันก็ไม่ได้ไร้ค่าทั้งหมดอย่างแน่นอน เธอจึงทนไม่ได้ที่จะโยนมันทิ้งไป

หลินตงซิ่วไปที่ครัวพร้อมกับขาหมูที่เปื้อนโคลนและเสิ่นอี้หลินก็เดินตามหลังไป

เสิ่นอี้โจวเก็บซองสีเหลืองกลับเข้าไปในห้อง เซี่ยชิงหยวนคิดเกี่ยวกับมันและตามเข้าไปข้างใน

เธอยืนพิงโต๊ะเครื่องแป้งและถามอีกฝ่าย “อี้โจว คุณไม่โทษฉันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ใช่ไหมคะ”

เพราะเธอคือคนที่เผชิญหน้ากับครอบครัวของเสิ่นสิงโดยยังไม่ได้ขอคำอนุญาตจากเขา

เสิ่นอี้โจวหยุดชะงักไปชั่วครู่ในขณะที่เขากำลังเก็บของ ก่อนจะหันกลับมา “ทำไมผมต้องตำหนิคุณด้วย”

เขาเดินมาตรงหน้าเธอและมองมาที่เธอ “คุณทำในสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด ผมควรจะขอบคุณคุณสิถึงจะถูก”

หญิงสาวไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนี้

อันที่จริง ตอนที่เจอซองหนังสีเหลืองนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์ว่าเสิ่นอี้โจวต้องการทำสิ่งนี้มากเช่นกัน แต่เพียงรอให้คนเหล่านั้นทำลายความอดทนของเขาจนหมดลงเท่านั้น

ทว่าสุดท้ายชีวิตคู่ของพวกเขาก็จบลงก่อนที่วันนั้นจะมาถึง

ในชาตินี้เธอจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นอีกแล้ว

ทว่าเมื่อเหตุการณ์ที่ทั้งสองอยู่ในแปลงผักผุดขึ้นมาในความคิด ในใจของเธอก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา

แต่ตอนนี้เธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน

ตอนนี้เธอแค่ต้องการพักผ่อนให้สบายหรือหาใครสักคนมาพักพิง และไม่ต้องการโต้เถียงเรื่องที่ไม่มีวันจบสิ้นอีก

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเสิ่นอี้โจวอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอจึงอ่อนลงและมุมปากของเธอก็ยกยิ้ม “แล้วคุณจะขอบคุณฉันยังไงคะ”

ขณะที่พูด เธอก็สอดนิ้วหนึ่งเข้าไปในเข็มขัดรอบเอวของชายหนุ่ม จากนั้นตามด้วยสองนิ้วเกี่ยวรั้งไว้อย่างเบามือ

สายตาของเธอในตอนนี้น่าหลงใหลมาก มันเต็มไปด้วยเสน่ห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอยิ้ม บุคลิกของเธอจะสดใสขึ้น

เพียงได้จ้องมองเธอ เสิ่นอี้โจวก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก

ชายหนุ่มถึงกับแข็งทื่อ

เอวของเขาถูกดึงเข้าหาหญิงสาวอย่างอ่อนโยน และระยะห่างระหว่างทั้งสองอยู่ห่างออกไปเพียงก้าวเดียว ในตอนบ่ายที่ความร้อนแผดเผานี้ มันยังสามารถเผาหัวใจของผู้คนได้อีกด้วย

ก่อนจะทันได้พูด ร่างกายอันบอบบางของเซี่ยชิงหยวนก็โน้มตัวมาหา และแขนของเธอก็เอื้อมโอบรอบเอวของเขา

เสิ่นอี้โจวตัวสูงมาก ด้วยความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร เมื่อเซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ต่อหน้าเขาด้วยความสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร มันยิ่งทำให้เธอตัวเล็กและน่ารักมาก

เสิ่นอี้โจวไม่กล้าขยับ เพราะกลัวว่าหากออกแรงมากเกินไป เขาจะทำให้เธอเจ็บ

จากนั้นหญิงสาวก็อิงศีรษะบนไหล่ของผู้เป็นสามี และลมหายใจร้อนก็รดอยู่ที่คอของอีกฝ่าย

เมื่อรู้สึกถึงความแข็งทื่อของอีกฝ่าย เซี่ยชิงหยวนก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้น “อย่าขยับ ให้ฉันพิงคุณหน่อย”

จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็ไม่ขยับอย่างเชื่อฟัง

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าตั้งแต่เกิดใหม่ เธอไม่เคยกอดเขาอย่างบริสุทธิ์ใจและเงียบสงบเหมือนตอนนี้เลย

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เธอไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับเสิ่นอี้โจวมานานมากแล้ว ก่อนจะหย่าร้างกัน

เสิ่นอี้โจวเพิ่งกลับมาจากทุ่งนาและร่างกายของเขายังมีกลิ่นชื้นเหงื่ออยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องลำบากสำหรับเธอแต่อย่างใด มันกลับทำให้ยิ่งสงบใจเสียอีก

หญิงสาวหลับตาลงช้า ๆ และเอนตัวไปในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบ ๆ

ในที่ที่เธอมองไม่เห็น เสิ่นอี้โจวยังคงอยู่ไม่สุขและปล่อยนิ้วที่วางอยู่ข้างตัวลง ราวกับว่าเขายอมประนีประนอมกับตัวเองในที่สุด จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปโอบรอบเอวของเธอไว้

หลังจากได้รับคำตอบ เซี่ยชิงหยวนก็ยกยิ้ม จากนั้นก็โอบรอบคอของสามี

เมื่อรู้สึกถึงความแนบชิดที่มาจากหน้าอกของเธอ มือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวที่จับเอวอีกฝ่ายอยู่ก็หยุดชะงักทันที และถอยหลังครึ่งก้าว

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้เงยหน้า เธอเพียงสัมผัสสะโพกของเขาและหยิกเต็มแรง แต่หญิงสาวไม่คาดคิดว่ากล้ามเนื้อของเขาแข็งแกร่งจนสู้มือเธอแบบนี้

แม้จะเจ็บ แต่ชายหนุ่มยังคงทนได้ เขาทำแค่ขบกรามเบา ๆ

แม้ว่าเสียงขบกรามจะเบามาก แต่เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยิน

เธอหยิกเนื้อสะโพกของเขาอีกครั้ง “เจ็บไหมคะ”

เสิ่นอี้โจวไม่กล้าพูดอะไรมาก แค่ตอบด้วยเสียงแหบแหง “ไม่เจ็บ”

ในเวลาเดียวกัน แววเบื่อหน่ายปรากฏขึ้นในดวงตาของหญิงสาว เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเสียงขบกรามนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด?

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา เซี่ยชิงหยวนก็กลายเป็นคนขี้เล่นและพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณกอดฉันน้อยมากรู้ไหม ดูสิ ฉันแค่กอดคุณแค่นี้ คุณก็ตัวแข็งแล้ว”

เธอดูไม่พอใจ “ฉันไม่ได้ให้คุณจูบฉันสักหน่อย ฉันแค่ต้องการให้กอดไว้เท่านั้นเอง”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา เสิ่นอี้โจวก็เซไปข้างหลัง

เดิมทีเขาสามารถทรงตัวได้ด้วยการยืนเพียงก้าวเดียวด้วยซ้ำ แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีเก้าอี้อยู่ข้างหลัง เสิ่นอี้โจวจึงสะดุดล้มลงและนั่งบนเก้าอี้ทันที

เมื่ออีกฝ่ายเซล้ม เซี่ยชิงหยวนซึ่งรั้งเขาอยู่ก็โถมตัวลงมาทับเขาในทันที

เธอนั่งคร่อมบนตักของอีกฝ่ายอย่างไม่มีความเขินอายสักนิด

คราวนี้เสิ่นอี้โจวอดกลั้นไม่ได้จริง ๆ และปล่อยเสียงครางออกมา

เซี่ยชิงหยวนกำลังจะลุกขึ้น แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ เธอก็หันกลับมาและไม่คิดจะขยับตัวลงไปอีก

เธอจงใจโน้มตัวเข้าหาเขา วางมือลงบนแก้ม จากนั้นไล้ไปตามแก้ม ลงมาคอและในที่สุดก็หยุดที่ลูกกระเดือกของเขา

เธอบีบเสียงออดอ้อน “อี้โจว คุณเป็นอะไรไปเหรอ”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน