กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 105 ขึ้นภูเขา

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 105 ขึ้นภูเขา

บทที่ 105 ขึ้นภูเขา

เสิ่นอี้โจวตอบสนองด้วยรอยยิ้ม “คุณก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอ”

ขณะที่กล่าว แรงบีบคลึงก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เป็นเหตุให้ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนร้อนผ่าวประหนึ่งถูกไฟแผดเผา

เธออดไม่ได้ที่จะบิดร่างกายไปมา “ฉันกําลังคุยเป็นการเป็นงานกับคุณอยู่นะ”

เสิ่นอี้โจววางคางของเขาบนไหล่ของหญิงสาว “นี่ไง ผมก็ฟังอยู่”

เซี่ยชิงหยวนตบมือเขาอีกครั้ง “ซะที่ไหนเล่า”

เสิ่นอี้โจวท่าทีครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “มันดูจะไม่ได้ผลจริงด้วย”

เขารวบกอดตัวเซี่ยชิงหยวนและยืนขึ้น “งั้นเราไปคุยกันที่เตียงเถอะ”

เซี่ยชิงหยวน “!”

เธอเตะขาไปมาเพื่อบอกปัดปฏิเสธ

เธอยังไม่ได้เตรียมกระทั่งชุดนอนด้วยซ้ำ

แต่โดยไม่ทันคาดคิด หลังจากเสิ่นอี้โจวอุ้มเธอมาที่เตียงนอน คนทั้งสองก็นอนติดกันหนึบทั้งอย่างนั้น

เขาดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมแขน พลางกดคางลงบนที่คาดผมของเธอ “พูดมาสิ ผมฟังอยู่”

เซี่ยชิงหยวนสัมผัสได้ถึงไออุ่นผ่านบทสนทนาอันเรียบง่ายนี้ราวกับเป็นคู่รักทั่วไป

เธออิงแอบกับท่อนแขนแกร่ง ขณะเอ่ยคำ

แม้ว่าเซี่ยชิงหยวนจะติดตามเขามาที่เมืองเตียนเฉิง แต่คนทั้งสองก็มีเวลาอยู่ด้วยกันไม่มากนัก ทั้งยังดูจะแยกจากกันมากขึ้น

พวกเขาออกไปทำงานแต่เช้าและกลับมาใกล้ย่ำค่ำ หรือไม่ก็ยุ่งกับเรื่องของตัวเองในช่วงที่กลับมาถึงบ้าน

เมื่อคิดดูแล้ว พวกเขาแทบไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันมากนัก

เซี่ยชิงหยวนพูดต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ชายหนุ่มนอนฟังพลางแย้มยิ้มที่มุมปาก และตอบสนองเป็นครั้งคราว

หญิงสาวกล่าวว่า “พออี้หลินกับแม่มาที่นี่ บ้านหลังนี้ก็จะมีชีวิตชีวามากขึ้น ฉันเห็นว่ามีศาลาและสวนสาธารณะขนาดเล็กอยู่แถวนี้ เขาสามารถไปวิ่งเล่นกับเพื่อนที่นั่นได้ และพอฉันเก็บเงินได้สักสองพันหยวน ฉันจะไปหาซื้อสินค้าจากมณฑลทางตอนใต้มาขาย คุณคิดว่ายังไงคะ?”

คําถามของเซี่ยชิงหยวนไม่ได้รับคําตอบจากเสิ่นอี้โจว

เธอเงยหน้าขึ้นจากแขนของเขาและพบว่าชายหนุ่มหลับไปแล้ว

ลมหายใจสม่ำเสมอทว่าคิ้วหนายังคงขมวดเข้าหากัน

ราวกับอยู่ในความฝัน แต่ก็ยังไม่ผ่อนคลาย

เซี่ยชิงหยวนอดเอื้อมมือแตะคิ้วของเขาเบา ๆ เพื่อคลายมันออกไม่ได้

ราวกับทำแบบนี้แล้วจะทำให้อีกฝ่ายกังวลน้อยลง

เซี่ยชิงหยวนคิดกับตัวเองว่าเขาคงหมดแรงแล้วแน่ ๆ

เธอช่วยเขาปรับท่าให้อยู่ในตําแหน่งนอนที่สบายขึ้น จากนั้นจึงเอื้อมมือไปปิดไฟ

หลังจากทําทั้งหมดนี้ เธอก็ขดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาทันที

แม้ว่าจะยังหลับอยู่ แต่ชายหนุ่มดูจะตอบสนองต่อเซี่ยชิงหยวนที่ขยับเข้ามาใกล้โดยไม่รู้ตัว และพาเธอเข้าไปในอ้อมแขนของตนเช่นเดิม

เป็นคำ่คืนที่ปราศจากความฝัน

อาเซียงเดินทางมาพร้อมกับอาจ้วงในช่วงเช้าตรู่

วันนี้พวกเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าชาวไต แต่เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและกางเกงขายาว ซึ่งบริเวณขากางเกงถูกรัดให้กระชับ

ตอนที่ขึ้นไปบนภูเขา พวกเขาต้องป้องกันตัวให้ดี

สองพี่น้องต่างสะพายตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่ไว้บนหลัง และอาจ้วงก็ยังถือตะกร้าใบเล็กไว้ในมืออีกด้วย

อาเซียงพูดว่า “พี่เซี่ย ไปขุดหน่อไม้กันเถอะ!”

เซี่ยชิงหยวนตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม “อื้ม”

หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดสีเทาเหมือนพวกเขาในวันนี้

เธอช่วยถือตะกร้าไม้ไผ่ในมือของอาจ้วง และออกเดินทางไปกับพวกเขา

เมื่อเดินผ่านประตู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เอ่ยทักทายเซี่ยชิงหยวน “จะไปที่ภูเขากันเหรอครับ”

เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ใช่ค่ะ”

เธอไม่ได้อธิบายรายละเอียดให้อีกฝ่ายฟัง เพราะเมื่อเธอกลับมา เขาก็จะเห็นมันอยู่แล้ว

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองไปทางด้านหลังของเซี่ยชิงหยวนขณะที่พวกเขาจากไปและส่ายหัว “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นภรรยาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำตัวติดดินขนาดนี้”

ผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถวชั้นสองของเขตที่พัก แม้จะไม่ใช่เจ้าหน้าที่เหรียญเงินหรือเหรียญทอง แต่พวกเขาก็ยังแต่งกายดูดีและไม่คิดจะทำงานหนักเช่นนั้น

เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ข้างกายเขาพูดขึ้นว่า “หายากจริง ๆ”

เดิมที การสนับสนุนให้ผู้คนทำงานหนักและใช้ชีวิตเรียบง่ายนั้นเป็นการประดับเกียรติของตนเองรูปแบบหนึ่ง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สายลมแห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศก็ได้ทำให้การบริโภคของผู้คนในประเทศเปลี่ยนแปลงไปมาก

ภูเขาที่เซี่ยชิงหยวนและคนอื่น ๆ เดินทางไปดูเหมือนจะอยู่ทางด้านหลังย่านเขตที่พัก ทว่ากลับเดินทางค่อนข้างไกลทีเดียว

พวกเธอใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงตีนเขา

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองภูเขาอันงดงามที่มีความเงียบสงบตรงหน้า

เมื่อสายลมพัดใบไม้ในป่า ต้นไผ่ก็เสียดสีกันจนเกิดเสียงกรอบแกรบ

อาเซียงกล่าวว่า “พี่เซี่ย หลังจากเข้าไปในภูเขาแล้ว พี่เดินตามติดฉันมาตลอดเลยนะคะ เส้นทางบนภูเขานั้นซับซ้อนมาก ถ้าไม่ระวังพี่จะเป็นอันตรายได้”

เซี่ยชิงหยวนเคยเข้าไปกรีดยางและเก็บน้ำยางในป่าต้นยางเท่านั้นตอนยังเด็ก เธอยังไม่เคยเข้ามาในป่าในเขาลึกแบบนี้เลย

เมื่อเข้าใจแล้ว หญิงสาวจึงพยักหน้ารับ “อื้ม”

เซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงเดินตามอาจ้วงไปตลอดทาง พวกเขาทั้งหมดเว้นระยะห่างกันไม่ไกลจนเกินไป

พวกเขาเดินขึ้นไปประมาณยี่สิบถึงสามสิบเมตร และอาเซียงก็พบหน่อไม้เป็นคนแรก

มันถูกซ่อนอยู่ในกองใบไผ่ที่เหี่ยวเฉา เมื่อเขี่ยกองไผ่ออก อาเซียงจึงพบปลายแหลมของมัน

มันยังคงดูเหมือนหน่อไม้ที่เพิ่งเติบโต และปลายหน่อไม้อยู่เหนือพื้นดินขึ้นมาก็มีความสูงไม่เกินสิบเซนติเมตรเท่านั้น

หน่อไม้ของมณฑลอวิ๋นมีขนาดใหญ่กว่าหน่อไม้ขนาดเล็กของแถบภาคใต้และตะวันออก

ถ้ามันโตเต็มที่ ก็จะมีขนาดพอ ๆ กับขาของผู้ใหญ่เลยทีเดียว

อาเซียงเขี่ยใบไม้แห้งทั้งหมดที่อยู่ข้าง ๆ ออกไป เพื่อให้เหลือเพียงส่วนปลายของหน่อไม้ที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน

สีของหน่อไม้ต้นนี้อ่อนมาก จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นหน่อไม้ที่เพิ่งโต

ด้วยจอบขนาดเล็กที่เธอนํามา เด็กสาวขุดดินด้านข้างของหน่อไม้เพื่อให้เห็นหน่อไม้ได้มากขึ้น

จากนั้นเธอก็พูดกับเซี่ยชิงหยวนซึ่งกําลังดูจากทางด้านข้างว่า “พี่เซี่ย พี่หลบให้ฉันหน่อยค่ะ ฉันจะขุดตรงนี้”

จากนั้นเธอยกจอบขนาดเล็กและขุดถอนรากของหน่อไม้

อาเซียงขุดอย่างแม่นยํา จากนั้นหน่อไม้ก็ถูกขุดออกมาอย่างรวดเร็ว

อาจ้วงได้ยินการเคลื่อนไหวนี้จึงรีบวิ่งไปดู “พี่ทำงานเร็วจริง ๆ”

อาเซียงยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องรีบแล้ว”

อาเซียงใส่หน่อไม้ลงในตะกร้าไม้ที่เธอสะพายอยู่และพูดกับเซี่ยชิงหยวน “พี่เซี่ย พี่เข้าใจวิธีแล้วใช่ไหมคะ”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อืม ฉันพอจะรู้แล้ว”

เซี่ยชิงหยวนเรียนรู้การขุดหน่อไม้จากอาเซียงได้อย่างรวดเร็ว เพราะเธอมีสายตาที่ดีและมือที่ว่องไวแม่นยํา ตอนนี้เธอกำลังนึกถึงเมนูผัดหอยขมและหน่อไม้เย็นของเธออยู่

ตะกร้าไม้ไผ่เต็มแล้วและมันก็มีน้ำหนักหลายสิบจิน

ภูเขาลูกนี้ที่อยู่ทางด้านหลังเขตที่อยู่อาศัยของครอบครัวเจ้าหน้าที่ เซี่ยชิงหยวนได้ยินในภายหลังว่าจริง ๆ แล้วมันได้ถูกศาลากลางซื้อไว้เช่นกัน

ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาที่นี่ เพราะหน่อไม้บนภูเขานี้แทบไม่มีใครแตะต้องเลย

นอกจากหน่อไม้แล้ว พวกเขายังเก็บเห็ดป่ามาจํานวนมาก

สิ่งที่กินได้และสิ่งที่กินไม่ได้ อาเซียงได้พาเธอไปดูจนครบแล้ว

เมื่อกังวลว่าเห็ดจะถูกทับแบนในตระกร้า อาเซียงยังเก็บใบไม้ใหญ่สองสามใบ และสานพวกมันเข้ากับใบหญ้าขนาดเล็กเพื่อทําถุงใบใหญ่

ด้วยวิธีนี้ มันจึงใช้เก็บเห็ดได้

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “อาเซียง เธอมีความสามารถมากจริง ๆ”

อาเซียงยิ้มเขินอาย “พวกเราไม่ได้ไปโรงเรียน จึงต้องวิ่งมาที่ภูเขาทั้งวัน ยิ่งเราเห็นมาก เราก็จะรู้ได้เองตามธรรมชาติ อีกทั้งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่พ่อสอนเรา”

คําพูดของอาเซียงยังย้ำเตือนเซี่ยชิงหยวน

ชีวิตของชนกลุ่มน้อยในเวลานี้อยู่ได้ยากกว่าชาวฮั่นมาก

ชาวฮั่นหลายคนได้เรียนหนังสือที่โรงเรียน แต่คนเหล่านี้ไม่ได้รับโอกาสนั้นเลย

เธอยังจําได้ว่าเมื่อเธอกําลังพูดคุยกับอีกฝ่าย อาเซียงก็พูดถึงความปรารถนาของตัวเองที่อยากให้เด็กบางคนในหมู่บ้านได้ไปโรงเรียน

นั่นเพราะอาเซียงไม่มีโอกาสได้ไปโรงเรียน

เซี่ยชิงหยวนอดเสียใจกับพี่น้องคู่นี้ไม่ได้

เพราะพวกเขาเป็นเด็กที่ฉลาดมาก

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ฉันเคยไปโรงเรียนมาก่อน ฉันพอรู้หนังสืออยู่บ้าง ถ้าเธอไม่รังเกียจ ฉันสามารถสอนเธอได้เวลาเธอมาส่งผักให้ฉันในทุก ๆ วัน”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท