กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 106 พี่รอง

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 106 พี่รอง

บทที่ 106 พี่รอง

เมื่ออาเซียงได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง “จริงเหรอคะ?”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “แน่นอน มันต้องเป็นความจริงอยู่แล้วสิ”

เพราะหลังจากเสิ่นอี้หลินย้ายมาอยู่ที่นี่ เซี่ยชิงหยวนก็จะสอนเด็กชายด้วยเช่นเดียวกัน

ด้วยวิธีนี้ เสิ่นอี้หลินก็จะได้มีเพื่อนเรียนและสามารถนั่งนิ่งมีสมาธิได้นานขึ้น

หลังจากอาเซียงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอก็หรี่ลงอย่างลังเลใจอีกครั้ง

พ่อของเธอเคยย้ำว่าพวกเขาสร้างปัญหาให้เซี่ยชิงหยวนมามากแล้ว ดังนั้นพวกเขาต้องไม่ขอความช่วยเหลือใด ๆ จากอีกฝ่ายอีก

เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นความลังเลใจของอาเซียง เธอก็พูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร การเรียนใช้เวลาไม่มากหรอก แค่เรียนคำศัพท์สองสามคำทุกวัน หลังจากนั้นเธอก็จะได้เรียนรู้มากขึ้นเอง”

เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เด็กสาวก็รู้สึกหวั่นไหว

ตอนนี้เธอกับอาจ้วงรู้คำศัพท์เพียงบางคำจากการหยิบหนังสือพิมพ์เก่าที่คนอื่นไม่ต้องการแล้วมาอ่านด้วยตัวเอง

ทั้งแม่และพ่อของเธอก็อ่านหนังสือไม่ออก มีเพียงพ่อเท่านั้นที่จะชี้ให้เห็นคำสองสามคำจากบทความทั้งหมด และบอกพวกเขาว่าควรอ่านยังไง

อาจ้วงได้ยินการสนทนาของคนทั้งสองเข้าพอดี

เขาวิ่งเข้ามาและมองทางอาเซียงด้วยดวงตาที่สดใส

เขาเชื่อฟังและทำตามคำพูดของอาเซียงมาตั้งแต่เด็ก

ตราบใดที่อาเซียงพยักหน้าในคราวนี้ เขาก็จะร่ำเรียนได้เช่นกัน

ถึงจะเรียนพอให้อยู่ในระดับที่อ่านได้ เด็กหนุ่มก็พอใจแล้ว

ภายใต้สายตาคาดหวังของอาจ้วง อาเซียงก็พยักหน้ารับ

ต่อให้กลับไปแล้วต้องโดนด่าหรือโดนเฆี่ยนก็คุ้มค่าแล้ว

ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงกันว่า ตอนที่มาส่งผักให้กับหญิงสาวในทุก ๆ วัน พวกเขาก็จะเรียนวิธีการอ่านตัวอักษรกับเซี่ยชิงหยวน โดยใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีต่อวัน

เด็กทั้งคู่เติบโตในครอบครัวที่ยากจน ดังนั้นต้องใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อดูแลครอบครัว พวกเขาจึงมีเวลาเรียนเพียงเท่านี้

ต่อมา พวกเขาก็ใช้เวลาสองชั่วโมงในการขุดหน่อไม้

ตอนขากลับ ตะกร้าของทุกคนก็เต็มล้นด้วยหน่อไม้ป่า

เซี่ยชิงหยวนหยุดไม่ให้พวกเขาขนหน่อไม้มาที่บ้านของเธอจนหมด “ฉันต้องการเพียงเท่านี้ ที่เหลือพวกเธอเอาไปขายที่ตลาดเถอะ”

แต่อาเซียงกับอาจ้วงย่อมไม่เห็นด้วย “ไม่ได้สิ พวกเราจะให้หน่อไม้ทั้งหมดกับพี่สาว”

เมื่อพ่อแม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังจะพาเซี่ยชิงหยวนไปขุดหน่อไม้ ทั้งสองก็ทำความสะอาดตะกร้าไม้ไผ่ทั้งหมดที่บ้านอย่างมีความสุข

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกขบขันกับความไร้เดียงสาของคนทั้งสอง “ไม่ต้องหรอก ฉันมีเยอะเกินไปแล้ว คงใช้พวกมันไม่หมดหรอก ตอนนี้ยังเช้าอยู่ พวกเธอน่าจะรีบเอาหน่อไม้พวกนี้กลับไปขายที่ตลาดนะ เมื่อถึงเวลาจะได้มีเงินซื้อขาหมูให้พ่อของเธอไง”

ตอนที่อาเซียงเห็นขาหมูเมื่อวานนี้ ดวงตาของเด็กสาวเป็นประกาย และเซี่ยชิงหยวนย่อมเห็นภาพนั้นทั้งหมด

อาเซียงกัดฟันและพูดว่า “งั้นก็ได้ ขอบคุณพี่เซี่ยมากเลยค่ะ!”

หลังจากนั้น อาเซียงกับอาจ้วงก็ยืนกรานที่จะคัดเอาหน่อไม้ที่ดูดีที่สุดให้แก่เซี่ยชิงหยวน ก่อนที่ทั้งสองจะไปยังตลาดผักโดยแบกตะกร้าไม้ไผ่ไว้ที่หลัง

เซี่ยชิงหยวนมองตามคู่พี่น้องที่จูงมือกันเดินจากไป เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยเอ็นดู

เซี่ยชิงหยวนมองหน่อไม้กองพะเนินที่อยู่ในสนามหลังบ้าน หญิงสาวเริ่มคิดว่าตนควรจัดการกับพวกมันยังไงดี

หากนำมาทำอาหารจานเย็น เธอต้องใช้พวกมันราวสี่สิบจินในการทำขายสองวัน ส่วนอีกยี่สิบจินที่เหลือ เธอต้องการใช้มันเพื่อทำหน่อไม้ดอง แต่ถ้าต้องการทำหน่อไม้ดอง เธอต้องซื้อถังเพิ่มอีกใบเพื่อมาแช่พวกมันไว้

หลังจากขุดหน่อไม้เหล่านี้แล้ว เธอก็ยังต้องปอกเปลือกและลวกมัน การทำทั้งหมดนี้ล้วนใช้แรงกายไปไม่น้อย

ทว่าในขณะที่เซี่ยชิงหยวนกำลังจะลงมือ โทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น

เธอสงสัยว่าใครโทรหาทั้ง ๆ ที่โทรศัพท์เพิ่งติดตั้งไปเมื่อวานนี้เอง

เธอรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ”

มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ปลายสาย “สวัสดีครับคุณนาย ผมเสี่ยวกวง เป็นรปภ.ที่ประตูใหญ่นะครับ พอดีว่าตอนนี้มีชายคนหนึ่งมาที่นี่ แล้วบอกว่าเขาเป็นพี่ชายของคุณ คุณต้องการออกมาดูไหมครับ? หรือผมควรบอกให้เขากลับไปดี?”

จากบทเรียนของจางอวี้เอ๋อเมื่อครั้งที่แล้ว เขาจะกล้าปล่อยให้คนอื่นเข้าไปง่าย ๆ ได้ยังไง?

แต่ชายคนที่มาใหม่วันนี้มีหน้าตาคล้ายกับภรรยาของท่านเลขาฯ เสิ่นมากจริง ๆ

เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว “พี่ชายของฉันเหรอคะ?”

เธอคิดถึงเซี่ยจิ่งเฉินขึ้นมาทันที

หญิงสาวเพิ่งโทรหาเซี่ยจิ่งเยว่เมื่อวานนี้ และเซี่ยจิ่งเฉินก็น่าจะเป็นคนเดียวที่จะมาหาเธอโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้

แต่ทำไมเขาถึงมาที่นี่? เธอเดาว่าอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับจางอวี้เอ๋อ?

อารมณ์ดี ๆ ตลอดครึ่งวันของเธอหม่นหมองลงทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

อันที่จริง ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่ หญิงสาวยังไม่ได้เห็นหน้าของเซี่ยจิ่งเฉินเลยสักครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขาขึ้นมา

เซี่ยชิงหยวนกับเซี่ยจิ่งเฉินมีอายุใกล้เคียงกัน ฉะนั้น พวกเขาจึงน่าจะสนิทกันมากกว่านี้ ทว่าเซี่ยจิ่งเฉินมีนิสัยฉลาดแกมโกงมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเวลาเธอติดตามเขา พี่ชายคนนี้ไม่เพียงไม่ดูแลน้องสาวอย่างที่ควรจะทำเท่านั้น แต่เขามักจะโทษเธอด้วยเวลาทำผิด

ผิดกับเซี่ยจิ่งเยว่ที่มักจะทำตัวเป็นพี่ใหญ่คอยปกป้องเธอตลอดเวลา เมื่อคิดว่าการมาถึงของเซี่ยจิ่งเฉินในครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับจางอวี้เอ๋อ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น

เธอหวังว่าการที่เซี่ยจิ่งเฉินมาเยี่ยมเธอในวันนี้ เป็นเพราะอีกฝ่ายคำนึงถึงความเป็นพี่น้องน่ะนะ หญิงสาวจึงตอบกลับไปว่า “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันจะออกไปดูเอง”

เซี่ยชิงหยวนล้างมือ จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไป

หญิงสาวยังคงสวมชุดเดียวกับตอนที่ขึ้นไปขุดหน่อไม้บนภูเขา ดังนั้นเมื่อเซี่ยจิ่งเฉินเห็นเธอ เขาก็แทบจำน้องสาวไม่ได้

เขาโบกมืออย่างลังเล “ชิงหยวน?”

เซี่ยชิงหยวนรู้ได้ในทันทีว่าเป็นเซี่ยจิ่งเฉินเมื่อได้ยินเสียงเรียกของอีกฝ่าย

วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีเทากับกางเกงขายาวทรงกระบอกหลวม ๆ และด้วยการที่เขาขับรถส่งของข้างนอกบ้านตลอดทั้งปี ผิวของเขาจึงเป็นสีแทนไปเสียแล้ว

ร่างของเขาในตอนนี้ดูมอมแมม แต่ความมอมแมมของเขานั้นแตกต่างจากของเซี่ยชิงหยวน

เซี่ยชิงหยวนมีเพียงฝุ่นดินจากการไปขุดหน่อไม้ จึงทำให้เสื้อผ้าของเธอดูเลอะเทอะ

ในขณะที่เซี่ยจิ่งเฉินให้ความรู้สึกมอมแมมไปทั้งร่างแม้จะทำความสะอาดร่างกายอย่างดีแล้วก็ตาม ยกเว้นคิ้วและดวงตาของเขาที่คล้ายกับในความทรงจำ เซี่ยชิงหยวนแทบจะจำอีกฝ่ายไม่ได้เลย

ก่อนหน้านี้เซี่ยจิ่งเฉินยังเป็นชายหนุ่มในชุดใหม่และดูสง่า

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็อ่อนยวบอย่างช่วยไม่ได้

เธอเดินเข้าหาเขาและทักทาย “พี่รอง”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าไปทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ชื่อเสี่ยวกวง “เขาเป็นพี่ชายคนรองของฉันเองค่ะ ขอบคุณที่แจ้งฉันนะคะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เจ้าหน้าที่หนุ่มก็หัวเราะทันที “ด้วยความยินดีครับคุณนาย”

โชคดีที่เขาไม่ไล่คนคนนี้ออกไป ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นเรื่องน่าอายมากทีเดียว

เซี่ยจิ่งเฉินยิ้มให้เซี่ยชิงหยวน “เป็นน้องจริง ๆ ด้วย”

ดวงตาของเขามองเซี่ยชิงหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า “ทำไมเธอใส่ชุดนี้ พี่เกือบจำไม่ได้”

“ฉันเพิ่งขึ้นไปบนภูเขามาน่ะ” เซี่ยชิงหยวนยังคงตอบคำถามของเขา

จากนั้นก็เอ่ยต่ออีกว่า “ไปที่บ้านของฉันกันก่อนเถอะ”

เซี่ยจิ่งเฉินเกาหัวคล้ายเกรงใจแต่ก็ทำได้เพียงตอบว่า “ได้สิ”

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าน้องสาวคนนี้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน

เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะการได้เป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการก็เป็นได้

เซี่ยชิงหยวนพาเขาเข้าไปข้างในบ้าน ทั้งพี่ชายและน้องสาวไม่รู้จะพูดอะไรกันอยู่ครู่หนึ่ง

เซี่ยจิ่งเฉินคิดถึงเหตุผลที่เขามาวันนี้ และรู้สึกว่าเขาต้องพูดก่อนเพื่อทำให้บรรยากาศสงบลง

เขาจึงพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าน้องเขยของฉันกลายเป็นข้าราชการระดับสูงไปแล้ว?”

เซี่ยชิงหยวนชะงักกึกและตอบว่า “ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าข้าราชการระดับสูงหรอกค่ะ พวกเขาเพียงทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว เซี่ยจิ่งเฉินก็หัวเราะ เขากล่าวต่ออีกว่า “อย่าพูดกลับคำไปมาเลย ต่อให้รับใช้ประชาชน ก็ยังเป็นข้าราชการไม่ใช่เหรอ”

เขาถามเซี่ยชิงหยวน “เธอยังไม่ได้บอกครอบครัวของเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหม”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ เอาไว้กลับบ้านไปครั้งหน้าค่อยว่ากัน”

คำพูดหยั่งเชิงของเซี่ยจิ่งเฉินทำให้หญิงสาวหันกลับมา

เธอจ้องมองเซี่ยจิ่งเฉินและไม่ต้องการเล่นตามน้ำกับเขาอีกต่อไป

จากนั้นหญิงสาวก็พูดว่า “พี่รอง ครอบครัวเราไม่รู้เรื่องงานของอี้โจว แล้วพี่รู้ได้ยังไง? นอกจากนี้ พี่ก็ขับรถส่งของอยู่นอกบ้านตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ และพี่รู้ได้ยังไงว่าฉันอาศัยอยู่ที่นี่”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท