กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 115 กรงเล็บนับร้อยทิ่มแทงใจ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 115 กรงเล็บนับร้อยทิ่มแทงใจ

บทที่ 115 กรงเล็บนับร้อยทิ่มแทงใจ

เซี่ยชิงหยวนกลับมาถึงบ้านประมาณสิบโมงเช้า

เธอมองปลาสองตัวในรถ พวกมันในเวลานี้กำลังหายใจเฮือกและรับอากาศได้น้อยลง

ถ้าเอาไปใส่ถังน้ำเพื่อเลี้ยงไว้ก่อน เธอก็คิดว่าพวกมันคงไม่รอดถึงวันพรุ่งนี้

วันนี้เธอต้องใช้พวกมันทำอาหาร

ปลาที่เซี่ยชิงหยวนได้มาเป็นปลาจี้สีเงินตัวใหญ่ และปลาเกล็ดเงินตัวอ้วน เธอว่าจะทำเมนูจานเย็นโดยใช้ปลาจี้เป็นวัตถุดิบในตอนเที่ยง

หากรสชาติดี เธอจะทำเมนูปลาจี้ราดพริก เมื่อเปิดร้านขายอาหารจานเนื้อในอนาคต

ส่วนปลาเกล็ดเงินตัวใหญ่นั้น เธอจะเก็บมันไว้ทำปลาต้มในมื้อเย็น

เสิ่นอี้โจวจะไม่กลับมาทานอาหารเที่ยงที่บ้าน เซี่ยชิงหยวนจึงคิดจะไปส่งอาหารให้เขา เมื่อเธอทำปลาจี้ราดพริกเสร็จแล้ว

เมื่อกลับไปถึงบ้าน หญิงสาวก็โทรบอกผู้เป็นสามีว่าให้ส่งกล่องข้าวกลางวันมาให้เธอตอนเที่ยง

เมื่อได้ยินเสียงที่มีความสุขของเธอ เขาจึงถามว่า “วันนี้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเหรอ”

เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “วันนี้ฉันไปที่แปลงผักของครอบครัวอาเซียงมา พวกเขาปลูกผักผลไม้มากมาย ฉันสามารถติดต่อขอซื้อพวกมันเอามาทำเป็นอาหารขายได้หลากหลายอย่างที่ฉันต้องการจะทำในอนาคต”

เมื่อได้ยินเสียงที่มีความหวังของเซี่ยชิงหยวน มุมปากของเสิ่นอี้โจวก็ยกยิ้ม “เยี่ยมไปเลย มันจะสะดวกกับคุณด้วย”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ การไปที่แปลงผักของพวกเขาในวันนี้ทำให้ฉันคิดเกี่ยวกับเมนูอาหารที่จะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าได้ทั้งหมดแล้ว”

ถ้าทำแต่อาหารจานเย็น ผู้คนจะเบื่อ เมื่ออากาศเย็นลง คุณสามารถลองทำเมนูตุ๋นได้ ซึ่งจะกลายเป็นอาหารยอดนิยมอีกแน่นอน

เซี่ยชิงหยวนพูดต่อว่า “คุณรอฉันเอาอาหารไปให้ตอนเที่ยงด้วยนะ”

จากนั้นเธอก็รีบวางสายโทรศัพท์และเริ่มทำอาหารกลางวัน

ตราบใดที่คุณหาเงินได้ เรื่องความเหนื่อยหรือทำงานหนักมันก็จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

ส่วนแม่ลูกคู่นั้นที่กลายเป็นคู่แข่งขายสลัดเย็น เธอก็จะแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และไม่ได้คิดจะบอกเรื่องนี้กับเสิ่นอี้โจว

เธอแค่คิดว่าถ้าถึงวันหยุดของเสิ่นอี้โจวเมื่อไหร่ เธอจะให้เขาพาไปที่แม่น้ำเพื่อจับหอยขมอีกครั้ง

มื้อเที่ยงในวันนี้ดูน่ากินมาก

ปลาจี้ราดพริก ไข่คนมะเขือเทศ และมะเขือยาวสลัดด้วย

ปลาจี้ไม่สามารถกินดิบได้ มันต้องผ่านกรรมวิธีบางอย่างก่อน

หลังจากนำเครื่องในของปลาจี้ออกและทำความสะอาดแล้ว เธอก็ขอดเกล็ดและขี้ในท้องปลาออกโดยใช้มีดเล่มเล็ก เติมเหล้าเพื่อปรุงอาหารและเกลือเพื่อหมักให้เข้าเนื้อ

จากนั้นใส่ขิงฝานและต้นหอมดิบยัดใส่ในท้องปลา นำไปนึ่งสิบนาทีแล้วนำออกมา

สับพริก ขิง กระเทียม และอื่น ๆ ใส่ในกระทะน้ำมันแล้วผัดจนมีกลิ่นหอม สุดท้ายก็ใส่ต้นหอมและปรุงรสตามใจชอบ

นำปลาที่นึ่งแล้วออกมาวาง ราดซอสด้านบน จากนั้นก็เทน้ำมันร้อนลงไปเท่านี้ก็เรียบร้อย

เซี่ยชิงหยวนไม่ต้องดม กลิ่นหอมหวนก็โชยมาเตะจมูกแล้ว

มะเขือยาวก็แปรรูปด้วยวิธีเดียวกัน ยกเว้นเซี่ยชิงหยวนจะใส่ซอสเย็นลงไปด้วย

เธอซื้อไข่ไก่มาจากตลาดผัก อันที่จริง เธอสามารถเลี้ยงไก่ได้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เธอทำทุกอย่างคนเดียว ดังนั้นมันจึงยุ่งยาก ถ้าเธอจะเลี้ยงไก่ด้วย

เซี่ยชิงหยวนเตรียมอาหารใส่ในกล่องข้าวกลางวันสองกล่อง และเหลือเอาไว้กินเองบ้าง จากนั้นก็จะออกไปส่งอาหารให้เสิ่นอี้โจวด้วยรถสามล้อ

โดยไม่คาดคิด หลังจากออกจากบ้าน เธอก็ได้พบกับเสี่ยวหลิว

เขาเดินลงจากรถ “คุณนายครับ ท่านเลขาธิการขอให้ผมมารับคุณครับ”

จู่ ๆ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกว่าการส่งอาหารครั้งนี้ดูกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปซะแล้ว

เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของหญิงสาว เสี่ยวหลิวก็พูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่คุณไปศาลากลาง เลขาธิการเป็นห่วงว่าคุณจะไม่รู้ทาง นอกจากนี้ แดดก็ร้อนเกินไป แถมระยะทางยังไม่ใช่ใกล้ ๆ ดังนั้นผมจึงมาพาคุณไปที่นั่นด้วยตัวเองครับ”

เซี่ยชิงหยวนไม่ใช่คนขี้อายอย่างเด็กสาวไร้เดียงสา เธอจึงปิดประตูบ้านและเดินตามเสี่ยวหลิวไปที่รถ

เมื่อเสี่ยวหลิวพาเซี่ยชิงหยวนมาถึงศาลากลาง มันเป็นเวลาที่ผู้คนไปทานอาหารที่โรงอาหาร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พบใคร

เสี่ยวหลิวพาเธอขึ้นไปที่ชั้นสองและเดินไปถึงประตูสำนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด “คุณนายครับ ท่านเลขาธิการอยู่ด้านในนี้”

เซี่ยชิงหยวนขอบคุณเขาและเคาะประตู

เสียงเย็นชาดังมาจากภายในประตู “เข้ามา”

เซี่ยชิงหยวนหมุนลูกบิดประตูและเข้าไป

ในขณะเดียวกันที่โรงอาหารของศาลากลาง จางอวี้เอ๋อที่สวมเครื่องแบบพนักงานยืนต้อนรับอยู่ที่ประตู หญิงสาวเอาแต่ชะโงกมองข้างหน้า

เมื่อคุณจู้เห็นเช่นนี้ ขณะเดินผ่านก็เดาะลิ้นเล้กน้อย

ใบหน้าของจางอวี้เอ๋อก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อมีคนจับการกระทำของเธอได้ แต่ใบหน้าของเธอก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว และมองไปยังทางเข้าเหมือนเดิม

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ พี่จู้หรือคุณจู้ที่กำลังจะจากไปก็หันกลับมา

เธอเดาะลิ้นอีกสองสามครั้งอย่างประชดประชัน “อย่ามองเลย คอยืดยาวจนจะเป็นยีราฟอยู่แล้ว!”

จางอวี้เอ๋อมองอีกฝ่ายอย่างไร้อารมณ์ “ฉันแค่มีความสุขที่ได้ทำมัน”

Are you embarrassed to poach someone’s corner so blatantly? ”

พี่จู้เผยท่าทีดูแคลนทันที “เป็นสาวเป็นแส่แท้ ๆ กลับไม่มีความละอายเอาซะเลย แม้เขาจะไม่ใช่พี่เขยแท้ ๆ ของเธอ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นญาติกัน เธออายบ้างรึไงที่ไปแย่งคนของชาวบ้านเขาน่ะฮะ?”

จางอวี้เอ๋อโกรธจนหน้าซีดเนื่องจากคำพูดของอีกฝ่าย

หญิงสาวกัดฟัน ก่อนจะยิ้มด้วยความหยิ่งผยอง “แต่ถ้าจะดูแลเป็นพิเศษเพราะเราเป็นญาติกันก็คงไม่ผิดเนอะ?”

พี่จู้เกือบสบถออกมาเนื่องจากความไร้ยางอายของอีกฝ่าย

จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว “บ๊ะ! ดูท่าจะเธอจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องราวเมื่อคืนก่อนเลยสินะ?”

เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวเข้ามาในที่เกิดเหตุในคืนนั้นและสั่งสอนจางอวี้เอ๋อด้วยตัวเอง เหตุการณ์ดังกล่าวได้กระจายไปทั่วทั้งศาลากลาง

ตั้งแต่เริ่มแรกที่เธอทำเรื่องงามหน้าไว้อย่างไรบ้าง และจบลงที่ความขายขี้หน้าของเจ้าตัวในวันรุ่งขึ้น

ทว่าหญิงสาวซึมเศร้าอยู่ได้สองวัน เจ้าตัวก็กลับมาเป็นปกติ ทั้งยังถามอี้โจวไปทั่ว

แล้วผู้อำนวยการกิจการภายในจะปล่อยเธอไปพบกับเสิ่นอี้โจวได้อย่างไร?

ดังนั้นเขาจึงส่งเธอไปประจำจุดต้อนรับตรงหน้าประตูโรงอาหารทันที

ชายวัยกลางคนนึกว่าจะทำให้ยัยหนูนี่สงบจิตใจได้บ้าง

แต่ใครจะรู้ว่าเด็กนี่หนังหนากว่าที่คิด

แม้จะเห็นเสิ่นอี้โจวตรงประตูในระยะไกล เธอก็ยังกล่าวทักทายโดยไม่สะทกสะท้านได้

น่าเสียดายเหลือเกิน ชายหนุ่มกลับไม่แม้จะเหลียวมองเธอด้วยซ้ำ ทั้งยังเดินผ่านไปราวอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ

แต่จางอวี้เอ๋อก็มีหัวใจที่ไม่ย่อท้อเช่นกัน

ใบหน้าน้อยของเธอเต็มไปด้วยความมาดมั่น “ถึงยังไงฉันก็ทำสำเร็จแล้วกัน”

คุณจู้ไม่รู้ว่าความสำเร็จที่อีกฝ่ายกล่าวถึงคืออะไร ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เข้าใจคนคนนี้อยู่แล้ว แต่จดจำคนที่เสี่ยวหลิวพามาได้ จากนั้นเธอก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มเหมือนไม่ยิ้มว่า “งั้นก็รอต่อไปเถอะ ตอนนี้คุณเลขาธิการเสิ่นน่าจะอยู่กับภรรยาของเขาแล้ว”

ว่าแล้ว พี่จู้ก็เดินโยกย้ายสะโพกอวบของตนผ่านอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน

เซี่ยชิงหยวนอยู่ที่นี่รึ?

ใบหน้าของจางอวี้เอ๋อตึงเครียด

เธอแทบอดไม่ได้ที่จะตามไปดูด้วยตาตัวเองเดี๋ยวนี้เลย

หญิงสาวยึดเสิ่นอี้โจวเป็นผู้ชายของตัวเองไปแล้วเรียบร้อย

ทุกครั้งที่ได้ยินคนอื่นเยินยอชายหนุ่ม เธอจะรู้สึกเหมือนคนเหล่านั้นกำลังยกย่องผู้ชายของเธอเช่นกัน

แต่วินาทีที่ได้ยินว่าเสิ่นอี้โจวกำลังอยู่ด้วยกันกับเซี่ยชิงหยวน หญิงสาวรู้สึกราวแฟนหนุ่มของเธอกำลังเล่นชู้กับผู้หญิงคนอื่น

จางอวี้เอ๋อราวกับถูกกรงเล็บนับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงใจ

จะไปหรือไม่ไป จะไปหรือไม่ไป…

คำเตือนของเซี่ยชิงหยวนยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเธอ จนไม่กล้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สอง แต่ในที่สุดความปรารถนาลึก ๆ ก็มีชัย

เธอมองซ้ายแลขวา จากนั้นเธอก็หายลับไปยังอาคารของฝ่ายบริหารด้วยร่างอันปราดเปรียว

———————–

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท